เด้ง ‘อธิบดี DSI’ ฟ้าผ่า เหตุ ‘หมูชนตอ’ ทำพิษ?

29 พ.ย. 2566 - 12:21

  • ‘หมูเถื่อน’ ในมือใคร เหตุใด ‘พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล’ อดีตอธิบดี DSI ถึงถูกเด้ง? สส.ก้าวไกล เชื่อถูกเด้งเพราะเจอตอ จี้ ‘นายกฯ’ แจงปมย้ายฟ้าผ่า

move-position-director-general-of-the-dsi-Illegal-pork-trade-SPACEBAR-Hero.jpg

‘หมูเถื่อน’ ในมือใคร เหตุใด ‘พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล’ อดีตอธิบดี DSI ถึงถูกเด้ง? ทั้งที่เพิ่งนำกำลังเข้าไปตรวจค้น ‘ห้างแม็คโคร’ หลังพบมีความเชื่อมโยงกับการนำเข้าหมูเถื่อน และเตรียมเข้าตรวจค้น ‘ห้างโลตัส’ ในวันศุกร์นี้

แม้ ‘พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม และ ‘ชัย วัชรงค์’ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึง ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ รมว.เกษตรฯ จะยืนยันว่าการย้ายครั้งนี้เป็นการย้ายปกติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องหมูเถื่อน แต่การที่ ‘ร.อ.ธรรมนัส’ และ ‘ชัย วัชรงค์’ ยอมรับอย่างเป็นนัยๆ ว่า การที่ ‘พ.ต.ต.สุริยา’ ทำงานล่าช้า จับตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าหมูเถื่อนไม่ได้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องหา ‘คนใหม่’ มาทำงานสนองนโยบายรัฐบาลให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อเร่งปราบปรามขบวนการค้าหมูเถื่อนให้จงได้

หมูชนตอ.png
Photo: ไทกร พลสุวรรณ ยื่นหนังสื่อร้องเรียนต่อ ศักดินัย นุ่มหนู สส.ก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.เกษตรฯ สภาผู้แทนราษฎร วันที่ 29 ธ.ค.66

เรื่องนี้สเปซบาร์ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนหนึ่ง เขาเชื่อว่าการย้าย ‘พ.ต.ต.สุริยา’ ไม่เกี่ยวกับการไปเจอตอใดๆ อย่างที่หลายคนตั้งข้อสังเกต เเต่เป็นเพราะ ‘พ.ต.ต.สุริยา’ อาจทำงานไม่รวดเร็วทันใจอย่างที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังไว้จริงๆ อีกทั้ง  ‘พ.ต.ต.สุริยา’ ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะถูกย้ายตั้งแต่ก่อนไปตรวจห้างแม็คโคร 

แต่ไม่ว่าจะย้ายด้วยเหตุผลใด ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ สส.ก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร มองว่า ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี ควรรีบออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะการที่คณะรัฐมนตรีมีคำสั่งย้าย ‘พ.ต.ต.สุริยา’ ในจังหวะที่กำลังเดินหน้าตรวจสอบห้างสรรพสินค้าชื่อดัง หลังพบมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าเนื้อหมูเถื่อน ทำให้อดแคลงใจไม่ได้ว่าการย้ายครั้งนี้ มีเรื่องไม่ชอบมาพากลและชวนให้สงสัยว่า ‘นายกรัฐมนตรี’ มีความจริงจังที่จะปราบหมูเถื่อนมากน้อยแค่ไหน และทำไมต้องมาย้ายในช่วงที่ความจริงกำลังใกล้จะปรากฎ

“มันไม่ควรเกิดขึ้น แบบนี้ประชาชนก็สงสัยได้ ผมก็สงสัยว่าทำไมถึงดำเนินการในจังหวะนี้ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ในขณะที่หน่วยงานกำลังทำงานและเห็นภาพชัดว่ามีขบวนการใหญ่ใช่หรือไม่ และควรให้เขาดำเนินการต่อหรือไม่ในความคิดของผม หมายถึงว่าให้เขาทำงานเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน การย้ายแบบนี้คงต้องถามรัฐบาลถึงสาเหตุ และนายกฯ ควรชี้แจงเรื่องนี้ด้วย”

ศักดินัย นุ่มหนู สส.ก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.เกษตรฯ สภาผู้แทนราษฎร กล่าว

— อย่าเป็นรัฐบาลสมุนเจ้าสัว —

ขณะที่ ‘ไทกร พลสุวรรณ’ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่วันนี้ (29 พ.ย.) เดินทางมายื่นหนังสื่อร้องเรียนต่อ กมธ.เกษตรฯ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบกระบวนการทำลายเนื้อหมูของกลาง จำนวน 4,500 ตัน ที่กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวของตรวจยึดได้ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ และฝังกลบในพื้นที่ใดบ้าง รวมถึงมีการทำประชาคม และวางแผนควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคหรือไม่ หลัง ‘ร.อ.ธรรมนัส’ บอกว่ากระบวนการทำลายเนื้อหมูผิดกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ขอสงวนไว้เป็นความลับ โดยอ้างว่ามีการต่อต้านการฝังกลบเนื้อหมูที่เป็นของกลาง 

นอกจากนี้ ‘ไทกร’ ยังเรียกร้องให้ ‘นายกรัฐมนตรี’ ตรวจสอบเอาผิด อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมประมง และอธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2564–2566 หลังมีข้อมูลว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนกว่า 60,000 ตัน และในจำนวนนี้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เขียนสำแดงสินค้านำเข้าว่าเป็นหัวปลาแซลมอน ซึ่งเรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองบางคนคอยให้การช่วยเหลือ

“หลักฐานเขาก็ไปแจ้งดำเนินคดี กับอธิบดีกรมๆ หนึ่งแล้ว คุณไปเซ็นรับรองหัวปลาเเซลมอนเป็นหมู แต่ก็นั่งเฉยไม่กล้าทำอะไร นายกฯ ไม่กล้าทำอะไร เพราะข้าราชการคนนี้บอกว่าถือตั๋วคุณยิ่งลักษณ์ ผมถึงถามว่ามันมีนายกฯ 2 คน หรือ 3 คน ประเทศนี้ มีนายกฯ เศรษฐา อุ๋งอิ๋ง ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ เลยไม่รู้ว่าตอนนี้นายกฯ คือคนไหน คุณไปถามกระทรวงเกษตรสิ คนนี้เขาไม่ย้ายหรอก ถือตั๋วยิ่งลักษณ์”

ไทกร พลสุวรรณ กล่าว

‘ไทกร’ ยังอ้างว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ยังคงทำงานอยู่ในรัฐบาลนี้ และเป็นคนที่นั่งข้างนายกรัฐมนตรี ในวันที่นายกฯ สั่งการเรื่องหมูเถื่อน ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐฯ พร้อมมองว่าการที่มีคำสั่งย้ายอธิบดีดีเอสไอ เป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล เพราะเป็นการย้ายหลังเข้าไปตรวจห้างสรรพสินค้าของนายทุนใหญ่ เพียงวันเดียว จึงอยากให้นายกฯ ชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน ให้สมกับที่เป็นรัฐบาลของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลที่เป็นลูกสมุนของเจ้าสัว

"หมูเถื่อนที่ฝังไปแล้ว และกำลังจะฝัง เชื่อได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้จะไม่นำหมูเถื่อนไปเวียนเทียนไปขายอีก พวกนี้ไม่ใช่ข้าราชการ พวกนี้คือโจรในเครื่องแบบ จึงฝากท่านนายกฯ ถ้าจะกวาดล้าง ต้องล้างทั้งหมด ทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการนำเข้ามา และคนที่ทำงานล่าช้า ไม่ใช่ย้ายเฉพาะดีเอสไอ แล้วคนอื่นลอยหน้าลอยตา นี่คือการทำงานที่มีประโยชน์แอบแฝงอยู่ข้างหลัง"

ไทกร พลสุวรรณ กล่าว

— DSI ยันปราบหมูเถื่อนไม่สุญญากาศ ไม่เบรคตรวจหมูโลตัส —

ส่วนความเคลื่อนไหวของดีเอสไอวันนี้ ‘พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ’ รองอธิบดีดีเอสไอ ได้ประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ที่นำโดย ‘พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม’ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เพื่อกำหนดแนวทางการทำคดีต่อจากนี้

‘พ.ต.ต.ณฐพล’ เปิดเผยว่าจากข้อมูลของกลุ่มสัตวแพทย์ที่รายงานเรื่องโรคระบาดในหมูในประเทศไทย และข้อมูลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมัยที่แล้ว พบว่ามีการนำเข้าหมูเถื่อนตั้งแต่ปี 2564 และตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากผู้เลี้ยงหมูรายย่อย และผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยดีเอสไอจะรับคดีนำเข้าหมูเถื่อนไว้เป็นคดีพิเศษ 

และอีกคดีที่จะรับไว้เป็นคดีพิเศษ คือการเอาผิดกับข้าราชการทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังพบว่ามีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก และเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนหลายพันตู้ และมีเงินหมุนเวียนหลายพันล้าน

ส่วนการที่ ‘พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล’ ถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ‘พ.ต.ต.ณฐพล’ ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้แน่นอน เพราะ ‘พ.ต.ต.ยุทธนา’ เข้ามาดูแลเรื่องนี้แทนแล้ว และหากพบว่ามีนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลังจริง ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่มีละเว้น

Untitled design (8).png
Photo: ‘พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม’ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน

— ต้นเหตุหมูเถื่อนทะลักเข้าไทย —

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเกิดการนำเข้าหมูเถื่อนเข้ามาเป็นจำนวนมาก หากย้อนไทม์ดีๆ จะพบว่าเริ่มมีการนำเข้าหมูเถื่อนตั้งแต่ช่วงปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โรคติดต่อร้ายแรงในสุกร ที่ยังไม่มียารักษาและเมื่อติดเชื้อแล้ว หมูมีโอกาสตายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหมูที่รอดจากการติดเชื้อก็มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นหมูแม่พันธุ์ก็จะไม่สามารถมีลูกได้อีก ทำให้ช่วงปี 2564 เป็นต้นมา ประเทศไทยเริ่มขาดแคลนเนื้อหมูมากขึ้น 

เมื่อกำลังการผลิตหมูมีชีวิตลดลง ขณะที่การบริโภคเนื้อหมูยังเท่าเดิม ช่องว่างที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นช่องทางให้คนบางกลุ่มเลือกที่จะไปนำเข้าหมูจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่าในประเทศ นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศแทน โดยจะเห็นได้จากราคาเนื้อหมูที่ช่วงหนึ่งมีราคาแพงมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานราคาเนื้อหมูก็กลับสู่ภาวะปกติ ทั้งที่ตอนนี้อัตราการผลิตเนื้อหมูในประเทศ ลดลงจากเดิมเป็นจำนวนมาก

Untitled design (10).png
Photo: ภาพซ้าย : การตรวจสอบคุณภาพเนื้อหมู ภาพขวา : อาการหมูที่ติดเชื้อ ASF

— ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยในไทยแทบถึงคราวล่มสลาย —

ในช่วงที่เกิดการระบาดของโรค ASF ผู้เขียนมีโอกาสลงพื้นที่ไปทำข่าวในหลายพื้นที่ที่เป็นแหล่งเลี้ยงหมูในไทย เช่น จ.นครปฐม จ.ราชบุรี เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูขนาดเล็กและขนาดกลางหลายคนพูดตรงกันว่า ‘หมูไทยถึงคราวล่มสลายแล้ว’ เพราะการระบาดของ ASF มีความรุนแรงมาก และตามหลักฟาร์มหมูที่พบว่ามีการระบาด แม้เพียง 1 ตัว ตัวที่เหลือต้องถูกกำจัดทั้งหมด หากต้องการเลี้ยงหมูใหม่ ต้องมีการทำความสะอาดฟาร์มหมูด้วยยาฆ่าเชื้ออยู่เป็นระยะ แต่ปัญหาที่ตามมาคือเชื้อพวกนี้มีความคงทนมากและแพร่กระจายได้ง่ายมาก 

ซึ่ง รศ.น.สพ. กิจจา อุไรรงค์ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยบอกว่า เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมนาน อาจต้องใช้เวลา 5-10 ปี หรือมากกว่านั้นในการจัดการโรค และในอนาคตการเลี้ยงหมูต้องทำแบบ Biosecurity ที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่อลดความเสียงในการติดเชื้อในหมู ยังไม่นับรวมว่าค่าใช้จ่ายทั้งเรื่องต้นทุนการเลี้ยงหมูเล็ก หมูแม่พันธุ์ ค่าอาหาร ค่ายารักษา ค่าปรับปรุงคอกและฟาร์ม ที่ผู้เลี้ยงต้องเป็นออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด บางฟาร์มเพิ่งนำลูกหมูใหม่มาเลี้ยงไม่ทันก็ติดเชื้อตายก่อน จะลงทุนใหม่ก็ไม่มีกำลังทรัพย์ หรือต่อให้ฟาร์มนั้นถูกทิ้งร้างเป็นปี แต่ถ้าเชื้อยังอยู่ เมื่อกลับมาเปิดใหม่ หมูก็มีโอกาสตายได้เหมือนเดิม ทั้งหมดจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ซ้ำเติมเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการนำเข้าหมูเถื่อน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์