จากคดีแก๊งวัยรุ่นฆาตกรรม ‘ป้าบัวผัน’ หรือ บัวผัน ตันสุ นำมาสู่เรื่องฉาวสะเทือน ‘สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ’ กรณีคลิปเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสังกัดสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ทำการซ้อม ‘ลุงเปี๊ยก’ หรือ ปัญญา คงแสนคำ ผู้เป็นสามีป้าบัวผัน ให้รับสารภาพในคดีนี้ แม้จะอ้างในเวลาต่อมาว่าเป็นแค่การหยอกเล่น-จับถุงดำมาคลุม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (ผบก.ภ.จว.สระแก้ว) มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ (ผกก.สภ.อรัญประเทศ) ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (ศปก.ภ.จว.สระแก้ว) พร้อมแต่งตั้งให้ พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว) ไปรักษาราชการแทน ตำแหน่งผู้กำกับ สภ.อรัญประเทศ

‘ณัฐชา’ แนะ ‘อัยการ’ ขอศาลฟันโทษคดี ‘ป้าบัวผัน’ เทียบเท่าผู้ใหญ่ มองเป็นเหตุตั้งใจ ไม่ได้พลาดพลั้ง จี้ ‘ผบ.ตร.’ ลงคุมคดีเอง ถามอ้างแค่หยอกล้อในเคสฆ่าคนตายเหมาะสมหรือไม่ ลั่นไม่ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ต้องได้รับความเป็นธรรม
ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มเยาวชนในคดี ‘ป้าบัวผัน’ นั้น ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นว่า วันนี้ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการให้โอกาสเด็ก ที่บางครั้งการกระทำบางอย่างของเด็กทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ นอกจากนี้ ยังมีการอำพรางศพด้วย เรื่องนี้ บางครั้งเราไม่สามารถใช้ข้อกฎหมายตรงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนขอให้แก้กฎหมาย เรื่องกฎหมายคุ้มครองเด็ก แต่อยากจะบอกว่า หลักใหญ่ใจความของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็ก คือต้องการให้โอกาสเด็กที่กระทำผิดโดยไม่ตั้งใจ ไม่อยากให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ซึ่งสามารถให้ได้กับเด็กที่ไม่ได้กระทำความผิดโดยรุนแรง
ณัฐชา มองว่า ครั้งนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะฉะนั้น อัยการในคดีนี้ สามารถร้องขอต่อศาลได้ว่า จะต้องพิจารณาคดีในรูปแบบพิเศษ คือให้เด็กกลุ่มนี้ถูกพิจารณาคดีเทียบเท่าอัตราของผู้ใหญ่ โดยมีเหตุผลว่า มีการกระทำที่ซ้ำซากจากวันที่เป็นข่าวจนถึงวันนี้ มีผู้เสียหายออกมาเปิดเผยความจริงอีกมากมาย แต่ละคดีที่เปิดเผย ก็เป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้น ในส่วนกฎหมายก็ยังอยากให้คุ้มครองเด็กกลุ่มอื่นอยู่
อัยการมีอำนาจในการร้องขอต่อศาลได้ในเคสแบบนี้ ซึ่งมีการกระทำความผิดที่ซ้ำซากด้วย เราอาจจะต้องไปยกเคสต่างๆที่ตอนนี้กำลังมีผู้เสียหาย ทยอยออกมาให้ข้อมูล
เมื่อถามย้ำว่า โทษจะเหมือนผู้ใหญ่เลยหรือไม่ ณัฐชา ก็ยอมรับว่า “ใช่ โทษจะหนักขึ้น และศาลสามารถจะพิจารณาได้ว่าในการกระทำครั้งนี้มีเหตุก่อนหน้าเกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งการกระทำไม่ได้เกิดจากการพลาดพลั้ง เป็นการกระทำที่คุ้นชินกับการทำความผิดไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่เป็นการกระทำที่ไม่ตั้งใจแต่เป็นเหตุที่ตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะคนใกล้ชิดที่เคยช่วยเหลือกันมาหลายครั้ง ทำให้เด็กกลุ่มนี้คุ้นเคยกับการกระทำความผิด”
ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า การคลุมถุงดำลุงเปี๊ยก สามีของป้าบัวผัน เป็นแค่การหยอกล้อนั้น ณัฐชา มองว่า วันนี้ความศรัทธาของพี่น้องประชาชน ที่มีต่อองค์กรตำรวจเสื่อมถอย และเสื่อมคลายลงเยอะมาก การที่ตำรวจพยายามบอกว่าเป็นการกระทำหยอกล้อ หรือล้อเล่นในการตัดสินคดีที่มีความเป็นความตายอยู่ด้วย ตนคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควรต้องออกมาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ว่าสุดท้ายแล้วการกระทำของท่าน ที่กระทำไปแล้วมาบอกว่าหยอกล้อกันในคดีที่มีผู้เสียหายจนถึงชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้หลายครอบครัวต้องตกระกำลำบาก และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ออกมาพูดแบบนี้ ผมว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ณัฐชา กล่าวย้ำว่า สังคมมองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เมื่อมีการกระทำความผิดโดยลูกหลานเจ้าหน้าที่ หรือผู้มีชื่อเสียงทางสังคม ก็จะมีการนำแพะมารับบาป ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เรียกความเชื่อมั่นในสังคมขึ้นมาให้ได้
ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นคืนมาได้หรือไม่นั้น ณัฐชา มองว่า วันนี้เลยคดีฆ่าคนตายมาแล้ว ดังนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรลงมาด้วยตัวเอง และประกาศว่า คดีนี้ไม่ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครจะต้องได้รับความเป็นธรรม พร้อมเผยด้วยว่า ได้พูดคุยกับ กมธ.การตำรวจ ถึงการเดินทางไปตรวจสอบและพูดคุยกับลุงเปี๊ยก เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยถึงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่