ชาวปายยืนยันมีกลุ่มชาวอิสราเอลแผ่อิทธิผลจริง ลอบสร้างโบสถ์ไม่มีประชาพิจารณ์ในชุมชน แถมเช่าบ้านเปิดรับเลี้ยงลูกหลาน 3-4 แห่ง และจ่อเปิดโรงเรียน ระบุแบบนี้ไม่ใช่นักท่องเที่ยว อัดยับเจ้าหน้าที่รัฐใส่เกียร์ว่าง ชาวบ้านต้องพึ่งโซเซียลสะท้อนปัญหา เสียใจนายกรัฐมนตรีบอกไม่มีปัญหา ขอส่งทีมลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริง ด้านตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน ยันไม่มียิวยึดเมืองปาย ขณะที่อำเภอปายดีเดย์ 1 มีนาคมนี้ จัดระเบียบล่องห่วงยางห้ามละเมิดกติกา
ประชาชนในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงกรณีปัญหานักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่เข้ามาก่อปัญหาว่า ก่อนหน้านี้ชาวอำเภอปายไม่ได้มีปัญหาในการต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีการจัดตั้งโบสถ์ยิว กลายเป็นการปักหมุดของชุมชนชาวอิสราเอลไปโดยอัตโนมัติ
“สิ่งที่เป็นห่วงคือ กลุ่มที่ปลดประจำการจากการเป็นทหารแล้วออกมาท่องเที่ยว นิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และเมื่อมีโบสถ์เป็นสัญลักษณ์ ปรากฏว่า นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่เข้ามา เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักมีพฤติกรรมเป็นใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้ กลายเป็นนักท่องเที่ยวอันธพาล”
“ชาวบ้านเริ่มตั้งข้อสงสัยที่มาของการตั้งโบสถ์ยิว ไม่มีการแจ้งชาวบ้านในการขอทำประชาพิจารณ์จากชุมชน อยู่ดีๆ ก็ซื้อที่ดิน และจัดกิจรรมทางศาสนา เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลน่าจะมีหลักพันคน และสิ่งที่ชาวบ้านมีสิทธิที่จะกังวลคือ กำแพงของโบสถ์สูงมาก มีคนเฝ้าประตูมิดชิด แตกต่างจากวัด หรือโบสถ์คริสต์ และมัสยิดที่เข้าออกได้”

แหล่งข่าวชาวอำเภอปายอีกคน เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้การปักหลักของชาวอิสราเอล เป็นมากกว่านักท่องเที่ยว มีทั้งบ้าน มีทั้งโบสถ์ และกำลังจะมีโรงเรียนระดับมัธยมในพื้นที่ 6 ไร่ ในย่านตำบลแม่นาเติง รวมถึงยังมีการเช่าบ้านเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่เป็นลูกหลานของชาวอิสราเอล 3-4 แห่ง แต่ละแห่งมีผู้ปกครองนำลูกหลานมาฝากเลี้ยง 20-30 คน แต่ไม่มีป้ายบอก มีคนทำงานมีเด็กอยู่ในบ้าน ซึ่งผิดวิสัยของการเข้ามาท่องเที่ยว
“ใครที่บอกว่านักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก จะส่งผลดีต่อรายได้ แต่ในความเป็นจริงเป็นกลุ่มที่ไม่มีคุณภาพ ในวันนี้ชาวบ้านหลายคนมองว่า ยังสามารถที่จะแก้ไขได้ แต่ที่เกิดปัญหาคือคนที่มีอำนาจไม่ขยับตัวและไม่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และรู้สึกเสียใจที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าอำเภอปายไม่มีปัญหา อยากให้ส่งทีมงานมาดูข้อเท็จจริงก่อนที่จะสายเกินแก้“
ชาวอำเภอปายรายนี้ ยังบอกด้วยว่า กระแสการต่อต้านนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเริ่มบานปลาย จริงๆ แล้ว หากว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วภาครัฐเร่งเข้าไปแก้ไข ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมขนาดนี้ แต่ที่ผ่านมาภาครัฐใส่เกียร์ว่างมาโดยตลอด เมื่อประชาชนหมดความอดทน ลุกขึ้นมาพึ่งพาโลกโซเซียลสะท้อนปัญหา ถึงเข้าไปกวาดบ้านกัน
“กรณีที่เกิดขึ้น ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐบกพร่องต่อหน้าที่มาโดยตลอด ถูกปล่อยปะละเลยให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายครั้ง ทั้งการลักขโมย, สูบกัญชาในที่สาธารณะ, การแต่งกายโป๊ และการส่งเสียงดังในผับบาร์ ซึ่งไม่เคยได้รับการแก้ไข เมื่อเรื่องเดือดร้อนของชาวบ้านพึ่งพาเจ้าหน้าที่ไม่ได้ จนปัญหาถูกสะท้อนไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ก็ตื่นตัวมาแก้ไข ซึ่งคนในอำเภอปายรู้กันดี แต่พูดอะไรกันไม่ได้”
“คนในอำเภอปาย ไม่ได้ต้องการขับไล่ชาวอิสราเอลตามที่มีกระแสข่าวเกิดขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวอิสราเอลก็มีทั้งดีและไม่ดี จะเหมารวมหมดไม่ได้ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวก็ไม่เคยมีปัญหา และสร้างรายได้มาโดยตลอด แต่จะมีเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นนักท่องเที่ยวอิสราเอลกลุ่มวัยรุ่นที่มีความคึกคะนอง ไม่เคารพกฎกติกา และมักจะคิดว่า จะทำอะไรในประเทศไทยก็ได้”
“ไม่มีใครไม่อยากมีรายได้จากการท่องเที่ยว แต่เมื่อนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมไม่ดี ก็ต้องจัดการ ทุกวันนี้ข่าวที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่ออำเภอปาย แต่อยากให้เข้าใจว่า ทุกชาติมีทั้งคนดีและไม่ดี จะไปต่อต้านกลุ่มอิสราเอลก็ไม่ได้ ชาติอื่นๆ ก็สร้างปัญหาเช่นกัน และเมื่อภาครัฐไม่มีการจัดระเบียบปัญหาก่อบานปลายได้”
“อย่างกรณีของการสร้างโบสถ์ที่หลายคนกังวล เพราะไม่มีการสื่อสารให้คนในชุมชนได้รับทราบ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ภาครัฐต้องชี้แจง แต่ทำไมไม่ทำ หรือแม้แต่ผับบาร์ที่เปิดเกินเวลาก็ไม่ควบคุม มีการลักลอบทำงานกันจริง ทำไมถึงปล่อยได้ถึงขนาดนี้ วันนี้ภาพที่เห็นมันก็เหมือนระเบิดเวลา”


ขณะที่เพจตำรวจท่องเที่ยว จ.แม่ฮ่องสอน ชี้แจงว่า กรณีปรากฏข่าวทางโซเชียลเรื่องชาวอิสราเอล เดินทางเข้ามาในพื้นที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวนมาก เพื่อตั้งถิ่นฐานและลงหลักปักฐานเป็นดินแดนพันธะสัญญา รวมถึงตั้ง Chabad รวมกลุ่ม สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน และแย่งอาชีพคนไทยนั้น
ข้อเท็จจริงคือ จำนวนประชากร ของอำเภอปาย มีประมาณ 38,000 คน ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 30,000 คน ตามที่ปรากฏในสื่อ เป็นยอดนักท่องเที่ยวอิสราเอล ที่แจ้งเข้าพัก ตาม ม. 38 (ตม.) ซึ่งเป็นยอดนักท่องเที่ยวสะสมทั้งปี โดยยอดนักท่องเที่ยวอิสราเอลที่เข้าพักในแต่ละวัน เฉลี่ยมีประมาณ 83-84 คน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในอำเภอปาย มากที่สุด คือ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ รองลงมาคือ อิสราเอล สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ตามลำดับ ส่วนกรณีที่ระบุว่า มีการสร้างโบสถ์ยิวในอำเภอปาย ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีในวันศุกร์และเสาร์ เนื้อที่ประมาณ 2 งาน และใช้เป็นที่รับประทานอาหาร ความจุประมาณ 200 คน โดยโบสถ์ยิวมีจำนวน 7 แห่ง เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา พะงัน ที่ใหญ่สุดอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ อยากชี้แจงว่า การตั้งถิ่นฐานในความเป็นดินแดนพันธะสัญญา ยังไม่มีการดำเนินการใดใดทั้งสิ้น รวมถึงการแย่งอาชีพคนไทย ที่ทุกฝ่ายได้เฝ้าระวังตรวจตรา บังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด และทุกหน่วยงานได้ดำเนินการ ประชาสัมพันธ์ ให้ทุกช่องทางได้รับรู้ รับทราบทุกระยะ สำหรับมาตรการระยะยาวที่ได้เคยประชุมร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ก็จะยังคงดำเนินมาตรการบังคับอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่อง รถเช่า ล่องห่วงยาง และสูบกัญชา
โดยตำรวจ ระบุว่า กรณีชาวยิวที่ก่อเหตุและทำผิดกฎหมายไทย ทางเจ้าหน้าที่ก็ทำการจับกุมและถึงขั้นเนรเทศออกไปจากประเทศไทยแล้ว


ขณะที่ ณพล พาหุมันโต นายอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการได้ เพื่อติดตามสถานการณ์การล่องห่วงยางแม่น้ำปายได้ข้อสรุปว่าผู้ประกอบการต้องทำประกันภัยกลุ่มแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมกิจกรรมล่องห่วงยาง ระหว่างล่องห่วงยางให้เลี่ยงจุดผ่านที่เป็นโรงเรียน, วัด, ชุมชนหนาแน่น หรือผ่านจุดที่มีความเปราะบาง
ห้ามมียาเสพติด ห้ามจำหน่ายจ่ายแจกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนร่วมกิจกรรม ส่วนการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจุดพัก ต้องมีใบอนุญาตจำหน่ายอย่างถูกต้อง รวมทั้งจำหน่ายตามเวลาที่กฎหมายกำหนด และควรพิจารณาไม่ขายให้ลูกค้าที่มีอาการมึนเมามาก และขอให้ ให้มีการติดป้ายเตือน หรือบอกกล่าวนักท่องเที่ยวให้สวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เรียบร้อย
นอกจากนี้ ขอให้ติดป้ายเตือน ข้อห้าม สิ่งที่ไม่ควรทำ ติดข้างรถรับส่ง และมีชื่อหรือตราสัญลักษณ์ชื่อผู้ประกอบการอยู่ในป้าย หรือติดข้างประตูรถรับส่ง หากพบการผิดข้อตกลงทางชุมชนผู้พบเห็นจะได้แจ้งให้ดำเนินการต่อไปได้อย่างถูกต้อง
และผู้ประกอบการแต่ละราย ต้องจำกัดจำนวนลูกค้าแต่ละครั้ง ไม่ให้เกิน 500 คน และต้องมีทีมงานคอยดูแล 12 ต่อ 1 คน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืน หรือยังมีการถูกร้องเรียนอีก จะให้ระงับการจัดกิจกรรมทันที
**นายอำเภอปาย ** ยังกล่าวถึงกรณีการจัดตั้งโบสถ์ยิวในพื้นที่อำเภอปาย ยืนยันไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่เท่าที่เข้าไปตรวจสอบเป็นสถานที่ชาวอิสราเอลมาทำกิจกรรมในโบสถ์ หรือ Chabad ทุกวันศุกร์/เสาร์ เพื่อใช้เป็นพื้นที่พบปะ และพิธีทางศาสนา และร่วมรับประทานอาหารเท่านั้น ไม่มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานในความเป็นดินแดนพันธะสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งในประเทศไทยมีทั้งหมด 7 แห่ง แต่เมื่อมีจัดตั้งโบสถ์ขึ้นมาที่อำเภอปาย เป็นสิ่งใหม่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดสื่อสารออกไปทางโลกโซเซียลว่าจะเกิดการเข้ามายึดเมืองปาย ยืนยันว่า หน่วยงานรัฐไม่ยอมให้เกิดสิ่งเหล่านี้ในประเทศ
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทางอำเภอปาย ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม และไม่อยากให้มีการนำประเด็นศาสนาเข้ามาก่อให้เกิดความขัดแย้ง”
“ตอนนี้ได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนทำความเข้าใจ และจากการที่เข้าไปตรวจสอบโบสถ์ยิว มีเนื้อที่ประมาณ 2 งาน จากการพูดคุยกับผู้นำทางศาสนา บอกว่า แต่ละครั้งที่มีกิจกรรมทุกวันศุกร์ และวันเสาร์ จะมีคนมาร่วมประมาณ 200 คน และพอมีกระแสข่าวขึ้นมา ทางผู้นำศาสนา ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อชุมชน”
— ณพล พาหุมันโต นายอำเภอปาย
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เรื่อง ตรวจสอบพฤติกรรมกลุ่มคนต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ โดยระบุด้วยปรากฎข้อมูลข่าวสารว่า มีกลุ่มคนต่างด้าวในหลายพื้นที่ มีพฤติกรรมที่อาจขัดต่อความสงบต่อสังคม หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง ก่อความวุ่นวายเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ ตลอดจนการรวมกลุ่มแสดงออก หรือจัดกิจกรรมในลักษณะที่กระทบภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศ จึงกำชับให้หน่วยดำเนินการ
โดยเฉพาะตำรวจภูธร ภ.5 (ภ.จว.แม่ฮ่องสอน) สำหรับกรณีที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารกลุ่มคนต่างด้าวในพื้นที่ อ.ปาย จว.แม่ฮ่องสอน ให้ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลการปฏิบัติให้ ตร. ทราบ (ผ่าน ศปชก.ตร.) ภายใน 7 วัน (ห้ามผัดส่ง)
โดยได้ มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ โดยเปิดให้ สตม, ตชด, บช.ทท. และหน่วยงานในในพื้นที่ ดำเนินการเชิงรุกให้ปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยด่วน และให้ ศปชก.ตร. อำนวยการ ควบคุม ดูแลการปฏิบัติในภาพรวม และให้เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับคนต่างด้าวตามนัยหนังสือนี้ต่อไปเพื่อทราบและดำเนินการ
ขณะเดียวกันจากการร้องเรียนเรื่องโบสถ์ยิวหลังในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ล่าสุด พล.ต.วิเศษเวโรจน์ วิเศษศรี นายทหารฝายเสนาธิการฯ กองทัพบก รอง หน.สง.ผู้ช่วย ผอ.รมน.ปฏิบัติราชการแทน หน.สง.ผู้ช่วย ผอ.รมน.ได้เดินทางไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนที่มีการร้องเรียนผลกระทบที่เกิดจากนักท่องเที่ยวใน อ.ปาย ของผู้ประกอบการ /ประชาชนในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และได้เดินทางไปตรวจสอบโบสถ์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่หลังสถานีตำรวจอำเภอปาย
จากการตรวจสอบ ไม่พบการทำผิดกฎหมาย และผู้ดูแลโบสถ์รวมไปถึงนักบวชในสถานที่ดังกล่าว ระบุว่า เป็นที่ตั้งของการปฏิบัติศาสนกิจของชาวยิวเท่านั้น ไม่ได้มีการจัดงานปาร์ตี้อย่างที่หลายคนเข้าใจ

