‘ทีมการศึกษาก้าวไกล’ โชว์วิสัยทัศน์ ขจัดอำนาจนิยม-ลดความเหลื่อมล้ำในรั้วโรงเรียน จี้ภาครัฐตัดงบกลาโหม เอาเงินซื้อเรือดำน้ำ-เครื่องบิน มาช่วยเอาเด็ก 1.3 ล้านคน เข้าระบบการศึกษา
ถือเป็นการหวนคืนถิ่นของ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่วันนี้ (26 เม.ษ.66) นำทีมการศึกษาพรรค ลุยเสนอนโยบายภายใต้หัวข้อ ‘รวมพลังก้าวไกล ล่าการศึกษาล้าหลังข้ามศตวรรษ’ ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ ‘วิโรจน์’ สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี โดยทีมพรรคก้าวไกล ได้สนทนาแลกเปลี่ยนและตอบคำถามจากนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่มารับฟังด้วย
‘ศิษย์เก่าลูกพระเกี้ยว’ กล่าวภายในงานว่า การศึกษาคือการเติมเต็มศักยภาพของคนให้มีความสามารถ นำไปสู่การตามความฝันให้สำเร็จ ถ้าคิดนโยบายการศึกษาที่อยู่ในกรอบของโรงเรียนเพียงอย่างเดียวถือเป็นความล้มเหลว ต้องเชื่อมโยงไปถึงสวัสดิการด้วย ดังนั้นจึงนำเสนอเบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาท เพื่อให้นักเรียนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีอัตภาพ ด้วยแนวคิดว่า เด็กทุกคนคือลูกของสังคม รัฐบาลต้องไม่ผลักความยากจนไปให้ครอบครัว
ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากการรัฐประหารปี 2557 งบประมาณกระทรวงกลาโหมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันงบสนับสนุนึการศึกษากลับน้อยลง โดยรัฐอ้างว่าเด็กเกิดน้อยลง แต่ความจริงงบรายหัวยังเท่าเดิม เช่น เครื่องแบบนักเรียน ซึ่งยังมีมีเด็กนอกการศึกษาอีกจำนวนถึง 1.3 ล้านคน ที่ต้องใช้งบปีละ 4,000 ล้านบาท เขามองว่า เป็นโจทย์ที่ง่าย เพียงแค่จัดสรรจากที่ใช้ซื้ออาวุธ ยุทธโธปกรณ มาเป็นการส่งเสริมการศึกษาให้นักเรียน ซึ่งเป็นงบประมาณที่ไม่แพงในสายตาของพรรคก้าวไกล
ขณะที่ ‘กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ’ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้เสนอจุดยืนขจัดอำนาจนิยม หากพรรคก้าวไกลได้กระทรวงศึกษาธิการ จะเข้าไปจัดการกับระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของนักเรียน เช่น การตั้งระเบียบของโรงเรียน ให้ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปฏิรูประบบราชการเพื่อลดภาระของครูผู้สอน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีทั้งสิ้น
รวมถึงเสนอปฏิรูปหลักสูตรการผลิตครูในประเทศไทย ที่ขาดการเรียนรู้ด้านจิตวิทยาเชิงบวก เพื่อลดทอนอำนาจนิยมในห้องเรียน เพิ่มความเข้าใจแก่นักเรียน น้ำเพิ่มการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตซึ่งเป็นปัญหาหลักของวัยรุ่น รวมถึงนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ลดเวลาเรียน เสนอนโยบายคูปองเปิดโลก เพื่อให้นักเรียนสามารถมีงบประมาณไปศึกษาสิ่งที่ตนสนใจนอกห้องเรียน
พร้อมกันนี้ ‘ปารมี ไวจงเจริญ’ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้ว่า ต้องกำจัดหลุมแห่งความเจ็บปวดด้านการศึกษา โดยเสนอนโยบายการศึกษาอย่างครบวงจร และเป็นพรรคแรก สะท้อนถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะช่องโหว่ของข้อสอบ TCAS ที่เคยมีข้อผิดพลาด แต่ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ไม่เคยแสดงการยอมรับผิด และชี้แจงอย่างไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่เป็นศูนย์รวมของบรรดาอธิการบดี แต่กลับไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง
อีกปัญหาคือข้อสอบ TCAS ไม่เคยเฉลยคำตอบให้เห็น ส่วนตัวยืนยันว่าต้องเฉลย และเผยแพร่ข้อสอบ เพื่อความโปร่งใสและวัฒนธรรมอันดี ถึงเวลาต้องทิ้งค่านิยมเก่าๆ ไป ไปจนถึงค่าสมัครสอบและค่าสอบ ซึ่งมีความซ้ำซ้อนและสร้างภาระทางการเงินให้ผู้สอบเกินควร ปิดกั้นนักเรียนที่ฐานะยากจน เรียกร้องให้เก็บราคาเดียวคือ ไม่เกิน 500 บาท
ถือเป็นการหวนคืนถิ่นของ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่วันนี้ (26 เม.ษ.66) นำทีมการศึกษาพรรค ลุยเสนอนโยบายภายใต้หัวข้อ ‘รวมพลังก้าวไกล ล่าการศึกษาล้าหลังข้ามศตวรรษ’ ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ ‘วิโรจน์’ สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี โดยทีมพรรคก้าวไกล ได้สนทนาแลกเปลี่ยนและตอบคำถามจากนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่มารับฟังด้วย
‘ศิษย์เก่าลูกพระเกี้ยว’ กล่าวภายในงานว่า การศึกษาคือการเติมเต็มศักยภาพของคนให้มีความสามารถ นำไปสู่การตามความฝันให้สำเร็จ ถ้าคิดนโยบายการศึกษาที่อยู่ในกรอบของโรงเรียนเพียงอย่างเดียวถือเป็นความล้มเหลว ต้องเชื่อมโยงไปถึงสวัสดิการด้วย ดังนั้นจึงนำเสนอเบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาท เพื่อให้นักเรียนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีอัตภาพ ด้วยแนวคิดว่า เด็กทุกคนคือลูกของสังคม รัฐบาลต้องไม่ผลักความยากจนไปให้ครอบครัว
ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากการรัฐประหารปี 2557 งบประมาณกระทรวงกลาโหมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันงบสนับสนุนึการศึกษากลับน้อยลง โดยรัฐอ้างว่าเด็กเกิดน้อยลง แต่ความจริงงบรายหัวยังเท่าเดิม เช่น เครื่องแบบนักเรียน ซึ่งยังมีมีเด็กนอกการศึกษาอีกจำนวนถึง 1.3 ล้านคน ที่ต้องใช้งบปีละ 4,000 ล้านบาท เขามองว่า เป็นโจทย์ที่ง่าย เพียงแค่จัดสรรจากที่ใช้ซื้ออาวุธ ยุทธโธปกรณ มาเป็นการส่งเสริมการศึกษาให้นักเรียน ซึ่งเป็นงบประมาณที่ไม่แพงในสายตาของพรรคก้าวไกล
ขณะที่ ‘กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ’ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้เสนอจุดยืนขจัดอำนาจนิยม หากพรรคก้าวไกลได้กระทรวงศึกษาธิการ จะเข้าไปจัดการกับระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของนักเรียน เช่น การตั้งระเบียบของโรงเรียน ให้ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปฏิรูประบบราชการเพื่อลดภาระของครูผู้สอน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีทั้งสิ้น
รวมถึงเสนอปฏิรูปหลักสูตรการผลิตครูในประเทศไทย ที่ขาดการเรียนรู้ด้านจิตวิทยาเชิงบวก เพื่อลดทอนอำนาจนิยมในห้องเรียน เพิ่มความเข้าใจแก่นักเรียน น้ำเพิ่มการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตซึ่งเป็นปัญหาหลักของวัยรุ่น รวมถึงนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ลดเวลาเรียน เสนอนโยบายคูปองเปิดโลก เพื่อให้นักเรียนสามารถมีงบประมาณไปศึกษาสิ่งที่ตนสนใจนอกห้องเรียน
พร้อมกันนี้ ‘ปารมี ไวจงเจริญ’ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้ว่า ต้องกำจัดหลุมแห่งความเจ็บปวดด้านการศึกษา โดยเสนอนโยบายการศึกษาอย่างครบวงจร และเป็นพรรคแรก สะท้อนถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะช่องโหว่ของข้อสอบ TCAS ที่เคยมีข้อผิดพลาด แต่ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ไม่เคยแสดงการยอมรับผิด และชี้แจงอย่างไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่เป็นศูนย์รวมของบรรดาอธิการบดี แต่กลับไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง
อีกปัญหาคือข้อสอบ TCAS ไม่เคยเฉลยคำตอบให้เห็น ส่วนตัวยืนยันว่าต้องเฉลย และเผยแพร่ข้อสอบ เพื่อความโปร่งใสและวัฒนธรรมอันดี ถึงเวลาต้องทิ้งค่านิยมเก่าๆ ไป ไปจนถึงค่าสมัครสอบและค่าสอบ ซึ่งมีความซ้ำซ้อนและสร้างภาระทางการเงินให้ผู้สอบเกินควร ปิดกั้นนักเรียนที่ฐานะยากจน เรียกร้องให้เก็บราคาเดียวคือ ไม่เกิน 500 บาท
