















พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานในพิธีต้อนรับเรือหลวงช้าง เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกลำใหม่ของกองทัพเรือ ที่สั่งต่อจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มูลค่า 6,100 ล้านบาท เดินทางถึงประเทศไทย ณ ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ภายหลังกองทัพเรือส่งกำลังพล 196 นาย เดินทางไปรับเรือและทำการฝึกต่างๆ เป็นระยะเวลากว่า 5 เดือน
พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า สำหรับเรือหลวงช้างลำนี้ เป็นเรือสนับสนุนยกพลขึ้นบก เป็นเรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำใช้ในการช่วยเหลือประชาชนบรรเทาสาธารณภัยซึ่งเรือหลวงช้างที่เดินทางกลับมาประเทศไทย การติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างยังไม่เรียบร้อย
เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอติดตั้งอุปกรณ์ เช่น ระบบอาวุธ ปืนหลัก ปืนรอง ศูนย์ยุทธการ ระบบตรวจการณ์เรดาร์อากาศ และเรดาร์การควบคุมบังคับบัญชาของเรือผิวน้ำ รวมถึงห้องยุทธการ กองทัพเรือจะว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบต่างๆ พร้อมปฎิบัติภารกิจ
โดยกองทัพเรือได้ตั้งงบประมาณในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ซึ่งผ่านคณะรัฐมนตรีและรอสภาฯใหม่พิจารณาต่อไปวงเงิน 950 ล้านบาท
ทั้งนี้ภารกิจในการเป็น ‘เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ’ ยังต้องมีการติดตั้งระบบในระยะต่อไป เมื่อมีการจัดหาเรือดำน้ำเข้ามาประจำการ ก็ค่อยมาดำเนินการตรงนี้ได้ ดังนั้นจึงยังมีเวลา แต่เรื่องระบบอาวุธ ศูนย์ยุทธการ และอาวุธปืน จำเป็นต้องติดตั้งให้เรือก่อน
พร้อมยืนยันว่างบประมาณที่ใช้จ่ายไปมีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน นอกจากภารกิจในการจัดหายกพลขึ้นบกตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือแล้ว ซึ่งเรือหลวงช้างยังสามารถใช้ในงานด้านการบรรเทาสาธารณภัย ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งเรือยกพลขนาดใหญ่จะทำให้เราสามารถปฏิบัติการได้ในช่วงที่คลื่นลมแรง
เมื่อถามถึงเพราะกังวลเรื่องระบบของเรือจีน ผบ.ทร. กล่าวว่า เรือที่มายังไม่ได้มีการติดตั้งระบบอาวุธ ระบบเซ็นเซอร์ระบบอำนวยการ ซึ่งในงบประมาณปี 2567 ก็จะมีการคัดเลือกบริษัทที่มาดำเนินการ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นของจีน แต่ต้องมาดูความต้องการและภารกิจของเรือว่าต้องการแบบไหน และเข้ากันได้กับระบบของเรือหลวงช้างหรือไม่
“การจัดหาเรือลำนี้ก็ส่งผลดีต่อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ผมได้มีโอกาสได้มีการเยือนจีน โดยท่านมีหนังสือเชิญผมและทีมงานเดินทางไปเยือนกองทัพเรือจีนอย่างเป็นทางการ ก็ได้มีการเข้าพบ ผบ.ทร.จีน และเข้าเยี่ยมคำนับรัฐมนตรีกลาโหมจีน ถือเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์กองทัพเรือสองชาติ หลังจากสถานการณ์โควิดที่ห่างหายไป
นอกจากนั้นจะมีการจัดประชุมเนวีทอล์คระหว่างกองทัพเรือสองชาติครั้งแรกโดยมีไทยเป็นเจ้าภาพ ก็จะมีการเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่ออนุมัติแนวทางการประชุมต่อไป รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ในการฝึกร่วมอย่างต่อเนื่องเช่นการฝึกภายใต้รหัส บลูสไตร์คครั้งที่ห้ากองทัพเรือไทยจะเป็นเจ้าภาพ” ผบ.ทร. กล่าว
เมื่อถามว่าเรือดำน้ำ หากติดเครื่องยนต์จีนก็ต้องใช้เวลาอีก 3 ปี 4 เดือน จึงสร้างเสร็จ ส่วนเรือหลวงช้างต้องใช้เวลา 2 ปี ในการติดตั้งอาวุธระบบควบคุมการรบ แล้วภารกิจของเรือช้างในระหว่างนี้คืออะไร พล.ร.อ.เชิงชาย ระบุว่า เรือหลวงช้างเป็นเรือที่สนับสนุนเรื่องการยกพลขึ้นบกและการช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะเป็นภารกิจหลัก รวมถึงการฝึกการใช้เรือ เพราะมีฐานในการจอดเฮลิคอปเตอร์ถึง 3 ลำ
เมื่อถามว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือในงบประมาณปี 2567 เพื่อนำมาติดตั้งในเรือหลวงช้างถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและจะโดนกระแสสังคม พล.ร.อ.เชิงชาย ระบุว่า ก็ต้องยืนยันว่าเราซื้อมาเพื่ออะไร
กองทัพเรือยืนยันว่าเราซื้อมาตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ และใช้ในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย คือการเตรียมกำลังรบ และเตรียมพร้อมสนับสนุนรัฐบาล รวมถึงรักษาอธิปไตยป้องกันประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันกองทัพเรือมีจำนวนเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ไม่เพียงพอตามยุทธศาสตร์
ที่วางไว้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีขีดความสามารถเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด ตั้งแต่ในภาวะปกติโดยมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียงอีกทั้งเป็นเรือบัญชาการ
พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือ กู้ภัยเรือดำน้ำ และการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ
ทั้งนี้ตามระเบียบของกองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบ ตามประเภทของเรือ โดยในส่วนของเรือยกพลขึ้นบก กำหนดให้ตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่นี้ ได้รับพระราชทานชื่อจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “เรือหลวงช้าง” (เกาะช้าง จ.ตราด)
ทั้งนี้ เรือหลวงช้าง เป็นเรือประเภทอเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ มีกำลังพลประจำเรือจำนวนทั้งสิ้น 196 นาย ปัจจุบันมี นาวาเอก ธีรสาร คงมั่น เป็นผู้บังคับการเรือ คุณลักษณะที่สำคัญมีความยาวตลอดลำ 210 เมตร ความกว้าง 28 เมตร กินน้ำลึก 7 เมตร ระวางขับน้ำ 25,000 ตัน ทำให้เรือลำดังกล่าวเป็นเรือมีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือ แทนเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือบรรทุกเฮริลคอปเตอร์ ที่ ทร. ไทยจัดซื้อจากสเปนซึ่งมีระวางขับน้ำ 11,544 ตัน ทำความเร็วสูงสุดได้ 25 นอต
พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า สำหรับเรือหลวงช้างลำนี้ เป็นเรือสนับสนุนยกพลขึ้นบก เป็นเรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำใช้ในการช่วยเหลือประชาชนบรรเทาสาธารณภัยซึ่งเรือหลวงช้างที่เดินทางกลับมาประเทศไทย การติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างยังไม่เรียบร้อย
เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอติดตั้งอุปกรณ์ เช่น ระบบอาวุธ ปืนหลัก ปืนรอง ศูนย์ยุทธการ ระบบตรวจการณ์เรดาร์อากาศ และเรดาร์การควบคุมบังคับบัญชาของเรือผิวน้ำ รวมถึงห้องยุทธการ กองทัพเรือจะว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบต่างๆ พร้อมปฎิบัติภารกิจ
โดยกองทัพเรือได้ตั้งงบประมาณในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ซึ่งผ่านคณะรัฐมนตรีและรอสภาฯใหม่พิจารณาต่อไปวงเงิน 950 ล้านบาท
ทั้งนี้ภารกิจในการเป็น ‘เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ’ ยังต้องมีการติดตั้งระบบในระยะต่อไป เมื่อมีการจัดหาเรือดำน้ำเข้ามาประจำการ ก็ค่อยมาดำเนินการตรงนี้ได้ ดังนั้นจึงยังมีเวลา แต่เรื่องระบบอาวุธ ศูนย์ยุทธการ และอาวุธปืน จำเป็นต้องติดตั้งให้เรือก่อน
พร้อมยืนยันว่างบประมาณที่ใช้จ่ายไปมีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน นอกจากภารกิจในการจัดหายกพลขึ้นบกตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือแล้ว ซึ่งเรือหลวงช้างยังสามารถใช้ในงานด้านการบรรเทาสาธารณภัย ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งเรือยกพลขนาดใหญ่จะทำให้เราสามารถปฏิบัติการได้ในช่วงที่คลื่นลมแรง
เมื่อถามถึงเพราะกังวลเรื่องระบบของเรือจีน ผบ.ทร. กล่าวว่า เรือที่มายังไม่ได้มีการติดตั้งระบบอาวุธ ระบบเซ็นเซอร์ระบบอำนวยการ ซึ่งในงบประมาณปี 2567 ก็จะมีการคัดเลือกบริษัทที่มาดำเนินการ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นของจีน แต่ต้องมาดูความต้องการและภารกิจของเรือว่าต้องการแบบไหน และเข้ากันได้กับระบบของเรือหลวงช้างหรือไม่
“การจัดหาเรือลำนี้ก็ส่งผลดีต่อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ผมได้มีโอกาสได้มีการเยือนจีน โดยท่านมีหนังสือเชิญผมและทีมงานเดินทางไปเยือนกองทัพเรือจีนอย่างเป็นทางการ ก็ได้มีการเข้าพบ ผบ.ทร.จีน และเข้าเยี่ยมคำนับรัฐมนตรีกลาโหมจีน ถือเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์กองทัพเรือสองชาติ หลังจากสถานการณ์โควิดที่ห่างหายไป
นอกจากนั้นจะมีการจัดประชุมเนวีทอล์คระหว่างกองทัพเรือสองชาติครั้งแรกโดยมีไทยเป็นเจ้าภาพ ก็จะมีการเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่ออนุมัติแนวทางการประชุมต่อไป รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ในการฝึกร่วมอย่างต่อเนื่องเช่นการฝึกภายใต้รหัส บลูสไตร์คครั้งที่ห้ากองทัพเรือไทยจะเป็นเจ้าภาพ” ผบ.ทร. กล่าว
เมื่อถามว่าเรือดำน้ำ หากติดเครื่องยนต์จีนก็ต้องใช้เวลาอีก 3 ปี 4 เดือน จึงสร้างเสร็จ ส่วนเรือหลวงช้างต้องใช้เวลา 2 ปี ในการติดตั้งอาวุธระบบควบคุมการรบ แล้วภารกิจของเรือช้างในระหว่างนี้คืออะไร พล.ร.อ.เชิงชาย ระบุว่า เรือหลวงช้างเป็นเรือที่สนับสนุนเรื่องการยกพลขึ้นบกและการช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะเป็นภารกิจหลัก รวมถึงการฝึกการใช้เรือ เพราะมีฐานในการจอดเฮลิคอปเตอร์ถึง 3 ลำ
เมื่อถามว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือในงบประมาณปี 2567 เพื่อนำมาติดตั้งในเรือหลวงช้างถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและจะโดนกระแสสังคม พล.ร.อ.เชิงชาย ระบุว่า ก็ต้องยืนยันว่าเราซื้อมาเพื่ออะไร
กองทัพเรือยืนยันว่าเราซื้อมาตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ และใช้ในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย คือการเตรียมกำลังรบ และเตรียมพร้อมสนับสนุนรัฐบาล รวมถึงรักษาอธิปไตยป้องกันประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันกองทัพเรือมีจำนวนเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ไม่เพียงพอตามยุทธศาสตร์
ที่วางไว้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีขีดความสามารถเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด ตั้งแต่ในภาวะปกติโดยมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียงอีกทั้งเป็นเรือบัญชาการ
พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือ กู้ภัยเรือดำน้ำ และการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ
ทั้งนี้ตามระเบียบของกองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบ ตามประเภทของเรือ โดยในส่วนของเรือยกพลขึ้นบก กำหนดให้ตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่นี้ ได้รับพระราชทานชื่อจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “เรือหลวงช้าง” (เกาะช้าง จ.ตราด)
ทั้งนี้ เรือหลวงช้าง เป็นเรือประเภทอเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ มีกำลังพลประจำเรือจำนวนทั้งสิ้น 196 นาย ปัจจุบันมี นาวาเอก ธีรสาร คงมั่น เป็นผู้บังคับการเรือ คุณลักษณะที่สำคัญมีความยาวตลอดลำ 210 เมตร ความกว้าง 28 เมตร กินน้ำลึก 7 เมตร ระวางขับน้ำ 25,000 ตัน ทำให้เรือลำดังกล่าวเป็นเรือมีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือ แทนเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือบรรทุกเฮริลคอปเตอร์ ที่ ทร. ไทยจัดซื้อจากสเปนซึ่งมีระวางขับน้ำ 11,544 ตัน ทำความเร็วสูงสุดได้ 25 นอต
- ดาดฟ้ายานพาหนะที่ 1 สามารถบรรทุก รถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ได้ 8 คัน หรือ ยานเกราะล้อยาง (MBT) 11 คัน
- ดาดฟ้ายานพาหนะที่ 2 สามารถบรรทุก รถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ได้ 8 คัน หรือ ยานเกราะล้อยาง (MBT) 9 คัน
- อู่ลอย สามารถบรรทุกเรือระบายพลขนาดกลาง(LCM) 6 ลำ หรือ เรือระบายพลขนาดเล็ก (LCVP) 9 ลำ หรือรถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) 57 ลำ หรือ ยานเบาะอากาศ (LCAC) จำนวน 2 ลำ นอกจากนั้นยังสามารถบรรทุกกำลังรบยกพลขึ้นบกได้ถึง 600 นาย ใช้งบประมาณในการจัดซื้อ 6,100 ล้าน