'พิธา' ฝากนายกฯ กางไทม์ไลน์แก้ปัญหา ‘ไฟป่า-ฝุ่นพิษ’ ให้ชัด

17 มีนาคม 2567 - 08:55

Pitha-a-message-for-Setha-prime-minister-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘พิธา’ ฝากนายกฯ กางไทม์ไลน์แก้ปัญหาไฟป่า-ฝุ่นพิษให้ชัด  ชี้สถานการณ์ปีนี้สายเกินป้องกัน ต้องเร่งบรรเทาผลกระทบประชาชน

  • ย้ำไม่ใช่ ‘มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ’ แต่ ‘สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น’

  • ด้าน ‘นายกฯ’ยัน ยังไม่ประกาศเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ

วันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่ร้านอาหารใต้ถุนบ้าน ถนนช้างม่อย จังหวัดเชียงใหม่ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจบภารกิจลงพื้นที่เรียนรู้และรับฟังปัญหาการจัดการไฟป่า ทั้งจากประสบการณ์ตรงของทีมอาสาดับไฟป่าในพื้นที่ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA)  

พิธา กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับฟังการบรรยายจาก NARIT เมื่อค่ำวานนี้ ตนมองว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษได้ โดยเฉพาะภาพถ่ายดาวเทียมจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของปัญหา สามารถนำมาวิเคราะห์สถิติและคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าไฟป่าจะเกิดขึ้นที่จุดใดบ้าง ฝุ่นพิษ PM2.5 ในพื้นที่ต่าง ๆ จะรุนแรงมากน้อยเพียงใดในช่วงสัปดาห์นี้ และจะบรรเทาลงเมื่อใด นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ยิงเลเซอร์ขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ เพื่อวัดฝุ่นพิษ PM2.5 ว่ามีความเข้มข้นมากน้อยเพียงใด มีขอบเขตกว้างและสูงแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลออกนโยบายที่เท่าทันและแม่นยำต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ NARIT และ GISTDA มีองค์ความรู้และสามารถผลิตเครื่องมือต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ดีและต้องให้การสนับสนุนกันต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อได้รับฟังปัญหาแล้วมีสิ่งใดที่อยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พิธากล่าวว่า ตนอยากฝากให้นายกฯ ระบุไทม์ไลน์การแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในระยะต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ระยะสั้นภายในสัปดาห์นี้จะแก้ไขเรื่องอะไร ภายในเดือนหน้าซึ่งคาดการณ์จากสถิติได้ว่าคุณภาพอากาศของภาคเหนือจะย้ำแย่ที่สุด รัฐบาลจะแก้ไขอะไรบ้าง รวมถึงในปีหน้ามีแผนการจะแก้ไขอะไร หากรัฐบาลมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ข้าราชการ ภาคประชาสังคม และภาคส่วนต่าง ๆ ก็จะสามารถให้ความร่วมมือและเดินหน้าไปพร้อมกันได้ แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่เห็นไทม์ไลน์ที่ชัดเจนมากนัก ภาคส่วนต่าง ๆ จึงไม่ทราบว่าต้องให้ความร่วมมืออย่างไร ในมิติใดบ้าง 

พิธากล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ฝุ่นพิษในขณะนี้สายเกินจะป้องกันที่ต้นเหตุได้แล้ว รัฐบาลจึงต้องเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนแบบเฉพาะหน้าไปก่อน เช่น จัดให้มีหน้ากาก N95 และเครื่องฟอกอากาศในราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่สามารถใช้ภูมิปัญญาของประเทศไทยได้ เช่น สถาบันการอาชีวศึกษาต่าง ๆ มีศักยภาพที่จะทำเครื่องฟอกอากาศได้แล้ว นอกจากนี้ยังต้องจัดให้มีห้องปลอดฝุ่น โดยเฉพาะในโรงเรียนเด็กเล็กและสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงการเพิ่มสรรพกำลังบุคลากรที่จะมาช่วยดับไฟป่า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลสามารถทำได้เลยภายในระยะสั้นสัปดาห์นี้ 

ส่วนในเดือนหน้าซึ่งจากสถิติสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นพิษน่าจะรุนแรงที่สุด สิ่งที่รัฐบาลจะทำได้คือการนำข้อมูลของ GISTDA NARIT และกรมอุตุนิยมวิทยามาวิเคราะห์ย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งจะสามารถคาดการณ์ได้เลยทันทีว่าพื้นที่ใดมีโอกาสเกิดไฟป่าบ้าง เพราะส่วนใหญ่จุดความร้อนมักจะเกิดการไหม้ซ้ำซาก รัฐบาลสามารถเตรียมการสร้างธนาคารน้ำไว้ในพื้นที่ใกล้ เคียงเพื่อให้ทีมดับไฟป่าเข้าไปใช้งานได้ทันที หากทำได้เช่นนี้ สถานการณ์ในปีนี้ก็น่าจะทุเลาลงไปได้ 

พิธาย้ำว่า ปัจจัยที่สำคัญต่อการดับไฟป่าคือการลำเลียงน้ำและคนเข้าไปดับไฟป่าได้ทันเวลา ดังนั้น เราต้องเข้าใจแบบแผนของไฟ เพื่อให้เกิด Economy of Speed หรือการไปให้ถึงก่อนที่ไฟจะลุกลาม และ Economy of Scale หรือการขยายทีมในการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกจุดในเวลาพร้อม ๆ กัน รวมถึงการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ถ้าเราเข้าใจแบบแผนเช่นนี้ สถานการณ์ไฟป่าก็จะทุเลาลง และจะกลายเป็นองค์ความรู้ที่สามารถขยายไปใช้ในพื้นที่อื่น ๆ รวมถึงในประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย 

พิธาเข้าใจว่าด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายและงบประมาณ ทำให้รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เต็มที่ในปีนี้ แต่ในระยะยาวตนต้องขอฝากนายกฯ ประเมินด้วยว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี เช่น ทำไมผู้ว่าราชการจังหวัดใน 10 จังหวัดภาคเหนือถึงไม่กล้าประกาศเขตภัยพิบัติ ทั้งที่สถานการณ์ฝุ่นพิษร้ายแรงติดอันดับโลก เป็นเพราะผู้ว่าฯ เกรงกลัวหรือไม่ว่าถ้าประกาศเขตภัยพิบัติแล้วจะเท่ากับว่าดูแลพื้นที่จังหวัดของตนเองไม่ดี ขณะที่ในด้านงบประมาณ การที่รัฐบาลอนุมัติงบกลางก้อนใหม่กว่า 272 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษโดยเฉพาะก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องรอติดตามต่อไปว่าจะสามารถเบิกใช้งานได้อย่างทันท่วงทีกับสถานการณ์หรือไม่  

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีวิจารณ์ว่า การลงพื้นที่ของพิธาเป็นการรบกวนทีมดับไฟป่าในพื้นที่ และถือเป็นการ “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” พิธากล่าวว่า หน้าที่ของผู้แทนราษฎรคือการตรากฎหมายและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล การลงพื้นที่ครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เพื่อรับฟังปัญหาจากคนหน้างานจริง ดังคำกล่าวที่ว่า ‘สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น’ เพราะจากที่ตนนั่งอยู่ในสภาฯ แล้วมีข้าราชการที่เกี่ยวข้องมาของบประมาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการไฟป่า ตนก็เข้าใจในระดับหนึ่ง แต่การลงพื้นที่มาเห็นของจริง ได้สัมผัสถึงไอความร้อนและสะเก็ดไฟที่มาโดนตัวจริง ได้เห็นอุปกรณ์ดับไฟที่ต้องดัดแปลงมาจากอุปกรณ์อื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ฟังข้าราชการมาอธิบายในคณะกรรมาธิการ 10 ครั้งก็ไม่เข้าใจ ต้องมาเห็นหน้างานด้วยตัวเอง โดยรบกวนทีมหน้างานให้น้อยที่สุด ใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อที่คราวหน้าเมื่อมีข้าราชการมาของบประมาณเรื่องไฟป่า ตนก็จะได้ ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ มากขึ้น จึงยืนยันว่าสิ่งที่ได้รับจากการลงพื้นที่ครั้งนี้คุ้มค่ากับเวลาแน่นอน 

‘นายกฯ’ยัน ยังไม่ประกาศเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ฝุ่น PM 2.5  ย้ำรัฐบาลอนุมัติงบประมาณ แก้ปัญหา ไม่ย่อท้อ พยายามทำต่อไป 

ด้าน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาฝุ่น PM  2.5 ที่เคยระบุว่าช่วงปลายเดือนมี.ค.และต้นเดือนเม.ย ค่าฝุ่นละอองจะเพิ่มมากขึ้น ว่า คิดว่าปลายเดือนมี.ค.เป็นช่วงที่สถานการณ์จะพีค ก็ไม่ย่อท้อ ก็จะพยายามทำงานต่อไป ขอย้ำว่าเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอนุมัติงบกลางให้กับประชาชน เพื่อมาช่วยกันดูแลทรัพยากรของชาติร่วมกัน และเมื่อให้ไปแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะต้องไม่มีจุดฮอตสปอตที่เราได้มีการบริหารจัดการไป 

เมื่อถามว่าช่วงที่ค่าฝุ่นPM 2.5 พีคสูงขึ้น รัฐบาลจะมีการดำเนินการอย่างไร  เพื่อที่ข้าราชการและคนในพื้นที่จะได้เตรียมความพร้อม นายกฯกล่าวว่า  ก็ต้องมีการทำงานกันอย่างเคร่งครัด เพราะการที่เราให้งบกลางเพื่อไปดูแลประชาชนในพื้นที่ ก็จะต้องเพิ่มจุดเฝ้าระวังตรงนี้ให้เยอะขึ้น และจะต้องไปดูว่าตรงไหนที่งบประมาณลงไปแล้วจะต้องไม่มีจุดฮอตสปอตเกิดขึ้น  

เมื่อถามต่อว่า ‘พิธา’ ฝากนายกฯถาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ว่าทำไมไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากพื้นที่จ.เชียงใหม่มีค่าฝุ่นละอองสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกใน เพื่อแก้ปัญหา เศรษฐา กล่าวว่า งบประมาณเราก็มีให้อยู่แล้วทุกวันนี้เราทำอยู่แล้ว  

เมื่อถามย้ำว่าไม่จำเป็นต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยัง รัฐบาลให้งบกลางมากกว่าที่ออกงบฉุกเฉินอีก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลออกให้  

เมื่อถามอีกว่ามีมาตรการเร่งด่วนอะไรในการป้องกันปัญหาสุขภาพประชาชน นายกฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาได้มีการแจกหน้ากากอนามัย  แต่อย่างที่บอกเป็นเรื่องของปลายเหตุ แต่เป็นสัญลักษณ์  ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่มีประเด็น ต้องช่วยกัน 

เมื่อถามต่อว่ามีการประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้มาทำฝนเทียม เพื่อแก้ไขปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ช่วยทำตลอด ตอนนี้ยุทโธปกรณ์ เฮลิคอปเตอร์จากหลายหน่วยงานก็มาอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะสูบน้ำไปดับไฟป่า ส่วนฝนหลวงก็บินขึ้นทำภารกิจทุกวัน 

เมื่อถามอีกว่าจากการประเมินสถานการณ์ขนาดนี้จะสามารถควบคุมฝุ่น PM 2.5  ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า  ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความคาดหวัง ด้วยเหมือนกัน อย่างที่ตนเรียน ตนไม่ได้บอกว่าอากาศที่จ.เชียงใหม่ดี แต่เลวร้ายน้อยกว่าปีที่แล้ว เยอะในบางพื้นที่ และบางพื้นที่มีจุดฮอตสปอตน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 2 ใน 3  แต่ก็ยังสูงอยู่ดี ก็ต้องทำงานกันต่อไป  

เมื่อถามต่อว่าพิธา ระบุอยากให้เพิ่มกำลังคนในการช่วยดับไฟป่า เนื่องจากพบว่าตัวอุปกรณ์และบุคคลมีไม่เพียงพอ  นายกฯ กล่าวว่า มีการวางไว้ 1 หมื่นคน ที่จริงแล้วก็ต้องบริหารจัดการบุคลากรให้ดี.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์