‘บิ๊กโจ๊ก’ ระทึก! ‘ป.ป.ช.-บก.ปปป.’ ปัดฝุ่นคดีส่วยคาราโอเกะ อึ้งคำให้การพยานโอนเงินทุกเดือน

3 ธ.ค. 2567 - 11:14

  • หลุดเอกสารลับ! คดีส่วยคาราโอเกะ พัน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ใน ป.ป.ช. ลุ้นชง บก.ปปป. รับไม้สอบสวนต่อ

  • อึ้งคำให้การพยานโอนเงินให้ทุกเดือนหลักหมื่น-แสน เกินกฎหมายกำหนด ส่อพิรุธ อนุฯไต่สวน-กก.ชุดใหญ่ ทำไมตีตกสำนวน

Police-are-trying-to-dust-off-the-karaoke-tribute-case-Secret-documents-leaked-Thousand-Big Joke-SPACEBAR-Hero.jpg

จากกรณีที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ยื่นหนังสือต่อประธาน ป.ป.ช. ให้พิจารณาสำนวนกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) กรณีเรียกรับส่วยร้านคาราโอเกะ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อครั้ง ดำรงตำแหน่ง ผกก.3 บก.ปคม. เมื่อปี 53 ขึ้นมาใหม่ หลังมีมติตีตกไม่มีมูลความผิด

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะพงษ์ ได้ร้องเรียนต่อ บก.ปปป. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ชุดที่มีนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. วินิจฉัยสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กรณีส่วยคาราโอเกะ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สั่งยุติเรื่องโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และยังขอให้ บก.ปปป. แจ้ง ป.ป.ช. ขอรับสำนวนดังกล่าวกลับมาดำเนินคดีเองภายในอายุความที่เหลือ

นอกจากนั้น นายวีระ สมความคิด ได้แจ้งความกับ บก.ปปป.กล่าวโทษ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในความผิดตาม ม.157 เพราะ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เคยระบุว่า มีข้อมูลลับของตำรวจใหญ่ในสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (สตช.) กระทำผิดกฎหมาย แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับไม่ดำเนินการใดๆ และยื่นเรื่องให้ บก.ปปป.ตรวจสอบคณะอนุฯ ไต่สวน ป.ป.ช. ที่เชื่อได้ว่า มีการช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในคดีส่วยคาราโอเกะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีส่วยคาราโอเกะ ในหน้าที่ 81 พบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชี พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ (ยศในขณะนั้น) มีพยานมาให้การหลายคน หนึ่งในนั้นคือนายชินรัตน์ วัฒนกุล (เสี่ยแต๋ม) สามารถสรุปข้อเท็จจริงได้ว่า นายชินรัตน์ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจขนส่ง มีความใกล้ชิดและมีการให้เงินกับนายตำรวจคนดังทุกเดือนเป็นประจำ บางเดือนหลักหมื่น บางเดือนหลักแสน 

และนายชินรัตน์ยังสนิทสนมนายธนากร แปลนดี (บุญเลี้ยง หรือจ่าดำ) เป็นอย่างมาก โดยนายบุญเลี้ยงเคยยืมเงินนายชินรัตน์ ไปปล่อยกู้จำนวนมาก โดยในปี 53 นายชินรัตน์ได้ให้นายบุญเลี้ยงยืมเงินหนึ่งล้านบาทและยังฝากเงินห้าแสนบาทไปให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ไว้สำหรับซื้อสิ่งของต่างๆ นำมาฝากเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใหญ่และห้างร้านที่ทำธุรกิจติดต่อกันมานาน

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.แจ้งว่า กรณีนี้ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาว่า จะดำเนินการต่อคำร้องของ พ.ต.อ.กฤษณะพงษ์อย่างไร โดยยอมรับว่าข้อความที่นายชินรัตน์ให้การไว้กับ ป.ป.ช.นั้น มีข้อความที่น่าพิจารณา คือ มีการให้เงินกับ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทุกเดือนเป็นประจำ บางเดือนหลักหมื่น บางเดือนหลักแสน นั้น มีสิ่งบ่งชี้ว่ามีการร่วมกระทำผิดกฎหมาย

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.แจ้งด้วยว่า คำให้การของนายชินรัตน์ นั้นน่าจะมีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. และประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2543 ดังนี้

ข้อ 4 “ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สิน หรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายหรือกฎ ข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้”

ข้อ 5 เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาได้ดังต่อไปนี้

(1) รับจากญาติได้แก่บุพการีผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน ลุงป้า น้าอา คู่สมรส บุพการีหรือผู้สืบสันดานของคู่สมรสบุตรบุญธรรมหรือผู้รับบุตรบุญธรรมที่ได้ให้ โดยเสน่หาตามจำนวนที่เหมาะสมตามฐานานุรูป

(2) รับจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติตามโอกาสหรือตามขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น งานวันเกิด เทศกาล วันขึ้นปีใหม่หรือการมอบของขวัญ แสดงความยินดีในวาระต่างๆ รับได้ครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท

(3) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ที่การให้นั้นเป็นการให้ในลักษณะให้กับบุคคลทั่วไป

แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.แจ้งอีกว่า คำให้การของนายชินรัตน์นั้น คือเงินที่มอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เกิน 3,000 บาท จำนวนหลายครั้ง น่าพิจารณาว่าทำไมอนุฯไต่สวน ป.ป.ช. และกรรมการ ปปช.ที่พิจารณาเรื่องนี้ไม่ได้พิจารณาข้อความดังกล่าว และชี้มูลความผิดตามที่นายชินรัตน์ให้การไว้  ซึ่งข้อความนั้น บ่งชี้ว่าเป็นความผิดทั้งผู้ให้คือ นายชินรัตน์ และผู้รับคือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

กรณีนี้อนุฯไต่สวน ป.ป.ช.ชุดนี้อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหลายมาตราตามที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงษ์ ระบุในคำร้องว่าร่วมช่วยเหลือผู้กระทำผิด ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แม้สำนวนนี้คณะกรรรมการ ป.ป.ช.จะยุติเรื่องไปแล้วก็ตาม แต่หากมีการร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ส่งสำนวนนี้ให้ บก.ปปป. พิจารณาใหม่ตามที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงษ์ ระบุในคำร้องก็สามารถกระทำได้ ตรงนี้ต้องพิจารณาว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้จะพิจารณากรณีนี้อย่างไรภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ นายชินรัตน์ คือบุคคลที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านหลายหลังใน ซ.วิภาวดีรังสิต 60 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่พนักงานสอบสวนเข้าตรวจค้นจับกุมตำรวจหลายนาย ซึ่งเป็นลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่า ร่วมกระทำผิดกับเว็บพนันมินนี่ในช่วงเดือนกันยายน 2566

Police-are-trying-to-dust-off-the-karaoke-tribute-case-Secret-documents-leaked-Thousand-Big Joke-SPACEBAR-Photo V01.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์