วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่ ป.ป.ช. สนามบินน้ำ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล’ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้ ป.ป.ช. สวบสวนเอาผิด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ , ผู้บัญชาการกฎหมาย และผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีมีความเห็นเซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน โดยมิชอบด้วยกฏหมาย เข้าข่ายผิดความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 157
โดยการปรากฏตัวของ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ วันนี้ ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรก หลัง ‘วิษณุ เครืองาม’ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้แถลงเปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ของคณะกรรมการที่มี ‘ฉัตรชัย พรหมเลิศ’ เป็นประธาน ซึ่งการแถลงครั้งนั้นได้อ้างถึงผลการพิจารณาของกฤษฎีกาที่มีมติเอกฉันท์ว่าคำสั่งให้ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม

‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ย้ำว่า เหตุผลที่ต้องมาร้องเรียนวันนี้ เป็นการปกป้องสิทธิของตัวเองที่ถูกริดรอนไปจากการออกคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย และมองว่าเมื่อ ‘วิษณุ เครืองาม’ ได้แถลงข่าวไปแล้ว ถือว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องรับทราบถึงความบกพร่องแล้ว
ดังนั้นหากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งยังคงเพิกเฉย ไม่แก้ไขคำสั่งให้ถูกต้อง ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม และเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จนกว่าจะได้กลับมาตำแหน่งเดิมส่วนข้อสังเกตว่าทำงานคู่ขนานกับ ‘ทนายตั้ม’ หรือ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะไม่ได้คุยกันนานแล้ว
นอกจากนี้ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ยังเชื่อว่า ความผิดพลาดของการเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการพาด ที่เกิดจากการรีบเกินไป เพราะมีคนต้องการได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมถึงระบุว่าหาก ‘นายกรัฐมนตรี’ ที่มีสถานะเป็นทั้ง ผู้บังคับบัญชาการตำรวจและประธาน ก.ตร. ยังเพิกเฉยไม่ยอมทำตามที่กฤษฎีกาทักท้วง ก็จะขอใช้สิทธิ์ฟ้องมาตรา 157 กับนายกฯ ด้วย
ย้ำสิ่งที่พูดไม่ใช่การขู่เพราะที่ผ่านมา พูดจริงทำจริงตลอด เหมือนครั้งที่แล้วก็เคยฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลที่แล้วในทำนองเดียวกันมาแล้ว และเตรียมฟ้องหมิ่นประมาทกกูรูทางกฎหมายที่ชอบให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างน้อย 2 คน คนหนึ่งเป็นอดีตตำรวจ และอีกคนเป็น 1 ในกรรมการ ก.ตร. ที่เคยร้องห่มร้องไห้เพราะไม่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยขณะนั้นตัวเองดำรงตำแหน่งเป็น พล.ต.ต.

โดยวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ บอกว่าจะไปยื่นหนังสือถึง ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล’ ผบ.ตร. เพื่อขอให้พิจารณาเลือกคำสั่งที่ถูกต้อง
แม้ตลอดการแถลงข่าว ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ จะยืนยันอย่างดุดันว่าพร้อมเดินหน้าเอาผิดทุกคน ที่ทำให้ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ยอมรับว่าหาก ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ’ ยอมขอโทษ หรือยอมพูดคุยเจรจา มีเงื่อนไขที่ตรงกัน ก็พร้อมยุติการร้องเรียนต่างๆ ที่เคยฟ้องร้องไว้ก่อนหน้านี้
ส่วนของคดีอาญาทั้งของตัวเองและของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ อธิบายว่า ตอนนี้สำนวนถูกส่งมาให้ทาง ป.ป.ช. แล้ว แต่ยังไม่มีการชี้มูลความผิด ตามหลักจึงถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมเลี่ยงตอบคำถามว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องผิดกฎหมายจริงหรือไม่ โดยบอกว่าขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ยังเปิดเผยว่า ตอนนี้ประเทศไทยถูกโจมตีว่าเป็นฮับของการก่อการร้าย เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงอยากกลับมาทำงานแล้ว อยากทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ชาวบ้านเดือดร้อนเยอะ ทั้งเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จีนเทา หนี้นอกระบบ รวมถึงปัญหายาเสพติดที่กำลังระบาดหนัก ย้ำที่อยากกลับไปเพราะอยากทำงานเท่านั้น พร้อมบอกว่า “ถ้าตำรวจดี ประเทศดีแน่”
เมื่อถามว่าตอนนี้พร้อมกลับมาทำงานเต็มร้อยแล้วใช่หรือไม่ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ตอบว่า พร้อมทำงานอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เวลาว่างก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากออกกำลังกาย และอ่านหนังสือ ตอนนี้เหมือนชาร์จแบตไปในตัว
เมื่อถามมองอย่างไรที่ความเห็นของกฤษฎีกาสวนทางกับคณะอนุกรรมการวินัย ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ย้อนถามว่า สื่อควรเชื่อใครมากกว่ากัน ระหว่างอนุกรรมการวินัยฯ หรือกฤษฎีกา อย่าลืมว่ากฤษฎีกาเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ขนาด ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี ยังต้องขอความเห็นกฤษฎีกาเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท