เอาแล้ว! เจอคลิปเสียง ‘นักร้องรีดเงิน’ ในโทรศัพท์ ‘บอสพอล’

18 ต.ค. 2567 - 10:29

  • ‘บิ๊กเต่า’ แย้มโทรศัพท์ ‘บอสพอล’ มีคลิปเสียงอีกเพียบ

  • ค้นลึกไปกว่านั้นเจอคลิปเสียง ‘นักร้องรีดเงิน’

  • ‘บช.ก.’ สรุป 9 วันคดี ‘ดิไอคอนฯ’ ผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 2,170 คน

  • มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท

Police_reveal_audio_clip_on_Boss_Paul_mobile_phone_SPACEBAR_Hero_7607c387c1.jpg

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.)  เปิดเผยความคืบหน้าเรื่อง ‘คลิปเสียง’ ซึ่งเชื่อมโยงคดี ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ โดยระบุว่า จากการสอบปากคำ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ ‘บอสพอล’ เมื่อวานนี้  (17 ต.ค. 2567) ได้ให้เจ้าตัวฟังคลิปเสียงที่หลุดออกมา 2-3 คลิป ซึ่ง วรัตน์พล ให้การว่าคลิปดังกล่าวเป็นเสียงของตนเองจริง

ส่วนคลิปสนทนากับ ‘นักการเมือง ส.’ ขอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน แต่คำให้การถือว่ามีประโยชน์มาก แต่เบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ วรัตน์พล ยังมีคลิปเสียงอีกมาก ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงที่ วรัตน์พล บอกว่าถูกบรรดานักร้องรีดไถอีกด้วย

Police_reveal_audio_clip_on_Boss_Paul_mobile_phone_SPACEBAR_Photo01_f5212327c6.jpg

สรุป 9 วันคดี ‘ดิไอคอนฯ’ ผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 2,170 คน - มูลค่าเสียหาย 841 ล้านบาท

ขณะที่ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดี ‘ดิไอคอน กรุ๊ป’ โดยการรับแจ้งความรวม 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-17 ต.ค. 2567

  • มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ รวม 2,170 คน
  • มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้จัดทำศูนย์รับแจ้งความทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สามารถเดินทางไปแจ้งความยัง สภ.ในพื้นที่ได้เลย

พล.ต.ต.โสภณ เผยว่า จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้การฝากขังทำตามกรอบกฎหมาย และจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ทั้งจากการสอบปากคำและพยานบุคคล โดยจะนำคำให้การมายังกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ทั้งนี้ ทางตำรวจได้มีการคัดแยกผู้เสียหายออกมาแล้ว ทั้งแม่ทีมและผู้เสียหาย

ส่วนกรณีการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แจ้งไปยังกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้ามาช่วยในการดำเนินคดี ซึ่งมีความชำนาญการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และสินทรัพย์ดิจิทัล

ขณะนี้ทรัพย์สินสิ่งที่ยึดมาได้ทั้งหมด ได้แก่

  1. รถยนต์ จำนวน 24 คัน
  2. เงินสด 7.5 ล้านบาท
  3. นาฬิกา 51 เรือน
  4. กระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนม รวมมูลค่า 210 ล้านบาท

ซึ่งยังมีการขยายผลต่อในการสืบทรัพย์พบบางส่วนมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์ และผู้ที่ดำเนินการยักย้ายถ่ายเท อาจมีความผิดฐานฟอกเงินก็ได้ กรณีการใช้นอมินีมาร่วมเป็นผู้เสียหายทางตำรวจก็ได้ทำการตรวจสอบต่อไป

ทั้งนี้ ได้มีการทำงานควบคู่ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ โดยขณะนี้ ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อหาฐานฟอกเงินผู้ต้องหาทั้ง 18 คน โดยอยู่ระหว่างการสืบทรัพย์ รวมถึงขณะนี้ได้ประสานงานไปยังผู้เชี่ยวชาญทั้งสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค องค์การอาหารและยาในการร่วมตรวจสอบอีกส่วนหนึ่งด้วย

ขณะที่การตรวจสอบเรื่องสินบนและคลิปเสียงที่เกี่ยวข้องนักการเมือง อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. จัดทีมเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการสืบสวน รวบรวบพยานหลักฐาน ซึ่งจะรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์