สส.ประชาชาติ ข้องใจ ‘พิศาล’ ส่งหนังสือ ‘ลาออก’ มาอย่างไร

16 ต.ค. 2567 - 09:22

  • เหลือแค่ 9 วัน! ‘สส.ประชาชาติ’ แถลงห่วงความรู้สึกครอบครัวผู้สูญเสียใน ‘คดีตากใบ’ จี้ ‘รัฐบาล-หน่วยเกี่ยวข้อง’ เร่งตามตัว ‘จำเลย-ผู้ต้องหา’ กลับมาดำเนินคดี ข้องใจจดหมายลาออก ‘พิศาล’ ส่งมาอย่างไร

Prachachat_Party_Pisarn_Takbai_SPACEBAR_Hero_4273262ec3.jpg

กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ พร้อมด้วย สส. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาชาติ แถลงถึงความห่วงใยของพรรคประชาชาติ ต่อกรณีคดีตากใบ และแสดงความจุดยืนความเป็นห่วง ในฐานะที่มี สส. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุด ว่า เข้าใจในความรู้สึกของบรรดาประชาชนในพื้นที่ และพี่น้องประชาชนของประเทศที่มีความห่วงใยที่ติดตามสถานการณ์ของคดีตากใบที่ได้ดำเนินการมาจะเข้าสู่ 20 ปี ในอีกไม่กี่วันนี้ 

ทั้งนี้หัวใจของพรรคประชาชาติมีความหนักแน่นในการเรียกร้องความยุติธรรมห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้สูญเสีย เสียชีวิต 85 ราย ทุพพลภาพ 51 ราย และมีผู้ถูกคุมตัว กว่า 1,280 ราย 

พรรคประชาชาติขอเน้นย้ำว่าความห่วงใยที่ประชาชนมีมาให้ทางพรรคนั้นได้เป็นกำลังในการขับเคลื่อนทั้งการเมืองในเวทีรัฐสภาและใช้อำนาจบริหารในการเรียกร้องไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรม ด้วยศักยภาพและความสามารถอย่างถึงที่สุด พรรคประชาชาติขอเรียกร้องให้บรรดาจำเลยทั้ง 7 คนและผู้ต้องหาทั้ง 7 คนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อทำให้ความจริงปรากฏในการจรรโลงความยุติธรรมที่สังคมเพียรหาให้ลุล่วงไปด้วย

กมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า ความห่วงใยของพรรคประชาชาติ ที่ยังเหลืออีก 9 วันก็ครบ 20 ปี พรรคประชาชาติไม่ได้ละเลยและทอดทิ้งกับเรื่องเหล่านี้เรายังติดตาม กระบวนการยุติธรรมกระบวนการพิจารณาคดีมาโดยตลอด สิ่งที่เราจะเรียกร้อง แม้ว่าเราจะอยู่ร่วมรัฐบาล แต่อยากเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้า 

ซึ่งเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีนัดสอบคำให้การจำเลย แต่ปรากฏว่าจำเลยทั้ง 7 คนที่มีหมายจับไม่มีใครเดินทางไปศาล แต่ศาลยังไม่ได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ศาลจังหวัดนราธิวาส ยังมีนัดสอบคำให้การจำเลยอีกครั้งในวันที่ 28 ต.ค.นี้ แต่อายุความของคดีตากใบมีถึงแค่วันที่ 25 ต.ค.นี้ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าในการติดตามคดีนี้ ศาลจังหวัดนราธิวาสมีความห่วงใยส่งหนังสือสอบถามความคืบหน้าของการปฏิบัติตามหมายจับไปที่หน่วยงานที่ศาลมีคำสั่งให้ปฏิบัติตามหมายจับ

กมลศักดิ์ กล่าวอีกว่า นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าศาล ก็อยากให้กระบวนการยุติธรรมตรงนี้ไปต่อจึงขอวิงวอนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงความคืบหน้า ในการติดตามจับกุมจำเลยผู้ต้องหาไปถึงไหนบ้าง ให้สังคมได้รับทราบได้รับรู้และขอวิงวอนอย่านำประเด็นที่ใกล้ขาดอายุความโยนความผิดให้กับประชาชนที่เรียกร้องความยุติธรรม แม้หลายคนพยายามโยงว่า ทำไมเพิ่งมาฟ้องตอนที่คดีจะขาดอายุความ เพราะคดีตากใบได้รับเงินเยียวยาไปแล้วในปี 2556 จึงขอชี้แจงว่า การเยียวยาที่เกิดขึ้นตอนนั้นไม่ได้ทำให้คดีอาญาถูกระงับ ดังนั้นจึงสามารถเรียกร้องสิทธิ์ทางอาญาได้

"ระยะเวลาที่เหลือ 9 วัน พรรคประชาชาติมีความห่วงใยในฐานะที่อยู่ในพื้นที่อยากให้กระบวนการยุติธรรม อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำตัวจำเลยและผู้ต้องหา หรือจำเลยหรือผู้ต้องหาที่ฟังอยู่ ก็สามารถไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่าน ไม่ได้หมายความว่าศาลประทับ ฟ้องแล้ว ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว ท่านจะเป็นผู้กระทำความผิดแต่อยากให้ท่านเดินหน้า ผดุงความยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าก่อให้เกิดเงื่อนไขขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ เราเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จากอดีต ปัจจุบัน ถึงอนาคต ที่จะกลายเป็นเงื่อนไขใหม่กับกรณีคดีตากใบ" กมลศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหากจำเลยทั้งหมดไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และทางรัฐบาลก็ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะติดตามตัวกลับมา หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไรต่อ กมลศักดิ์ กล่าวว่า พรรคประชาชาติเป็นห่วงเรื่องนี้ สิ่งที่อยากเห็นตอนนี้คืออยากเห็นหน่วยงานที่รับผิดชอบแถลงข่าวให้ชัดเจนว่าการติดตามจับกุมไปถึงไหนอย่างไรเราในฐานะที่เป็นพรรคประชาชาติถ้าหลังจากวันที่ 25 ต.ค.นี้ ไม่สามารถที่จะจับกุมอะไรได้เลย และศาลก็ไม่สามารถสืบพยานได้ อัยการไม่สามารถส่งฟ้องได้ เราเป็นห่วงสถานการณ์ในฐานะพรรคประชาชาติ

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ก็ได้ประสานงานให้มีการติดตามจับกุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่เป็นการทวงถามฝ่ายเดียว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวถึงความคืบหน้า ในเรื่องนี้ เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบ

กมลศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ไม่ขอก้าวก่าย แต่มีประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งต้องมีการชี้แจงต่อสังคมไม่เข้าใจว่าหนังสือลาออกส่งมาได้อย่างไร ส่วนตัวตอนที่อยู่สภาฯ ไม่ค่อยได้เจอ พล.อ.พิศาล เนื่องจากอยู่คนละกรรมาธิการ แต่อาจจะมีการเดินสวนทางกันในห้องประชุมแต่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์