กรณี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แจ้งเลื่อนการแถลงผลสอบกรณี ครูเบญ หรือ เบญญาภา เย็นอุดม กลายเป็นผู้เสียหาย กรณีสอบตำแหน่งพนักงานราชการได้ลำดับที่ 1 แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงประกาศและชื่อหายไป ที่เดิมมีกำหนดแถลงข่าววันนี้ (20 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ออกไปไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้ ครูเบญ มาร่วมแถลงข่าวด้วย
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) และรองโฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเลื่อนแถลงเพิ่มเติม
รองเลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า สพฐ. ขออภัยที่เลื่อนการแถลงข่าววันนี้ โดยชี้แจงว่า ตั้งแต่ทราบเรื่อง สพฐ. ได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงโดยทันที และกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และ ได้รับผลการสืบเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา แต่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม ตรงไปตรงมา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ สพฐ. เห็นว่าควรให้หน่วยงานกลางภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย
จึง มีมติทำหนังสือถึงสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด ที่ประกอบด้วยผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ เข้ามาร่วมตรวจสอบอีกทางหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคมว่ากระบวนการตรวจสอบทั้งหมดมีความโปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม
“เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจและคณะกรรมการของ ศธ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สพฐ. จะดำเนินการแถลงผลการสอบให้สาธารณชนทราบต่อไป โดยจะเชิญคุณครูเบญญาภา พร้อมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง มาร่วมในการแถลงผลการสอบด้วย เพื่อให้ความกระจ่างและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม และเป็นมาตรฐานสำหรับการดำเนินการในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้มีความถูกต้องตรงกันต่อไป”
— รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ผลสอบเบื้องต้นของ สพฐ. พบ คะแนนของ ครูเบญ ไม่ผ่านเกณฑ์ คือ ไม่ถึง 60% ตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข. รวมถึงไม่ติด 1 ใน 10
ส่วนคนที่ได้ที่ 1 พบว่าได้คะแนนสูงสุดจริง ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีผลการเรียนที่ได้เกียรตินิยม และอีกหลายอย่างที่เชื่อได้ว่าน่าจะสอบได้จริง แต่ต้องรอผลการสอบของผู้เชี่ยวชาญยืนยันอีกครั้ง