เรียกว่าแรงดีไม่มีตก! สำหรับการอภิปรายศึกซักฟอกสุดท้าย ของ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่ได้อภิปรายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ใน 2 ประเด็นใหญ่ ด้วยลีลา ท่าทาง น้ำเสียงที่ดุเดือด ประเดิมเรื่องแรกด้วยประเด็นยาเสพติด ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยประกาศไว้ตั้งแต่ตอนรับตำแหน่งว่าจะปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่ทำตามอย่างที่พูด
ใจความสำคัญในประเด็นนี้ คือ การพูดถึง ส.ว. อักษรย่อ ‘อ.’ ที่ คสช. เป็นคนแต่งตั้ง โดยผู้ที่มีส่วนร่วมในการเลือก ส.ว. คนนี้มา มีทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และวิษณุ เครืองาม
โดยพฤติกรรมของ ส.ว. อักษรย่อ ‘อ.’ คนนี้ พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในเครือ ‘อัลลัวร์ กรุ๊ป’ และใช้เรื่องการทำธุรกิจ มาใช้เป็นฉากบังหน้าในการฟอกเงิน ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา และยังพบว่า ส.ว. คนนี้ มีความเชื่อมโยงกับ ‘ทุน มิน ลัต’ เจ้าของบริษัทสตาร์แซฟไฟร์ กรุ๊ป ที่ถูกตำรวจไทยจับกุมในข้อหาฟอกเงินและยาเสพติดไปก่อนหน้านี้ แต่ตัวของ ส.ว. คนดังกล่าวยังคงลอยนวล แม้จะเคยถูกออกหมายจับมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็มีกระบวนการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไปช่วยถอนหมายจับ และเปลี่ยนเป็นหมายเรียกแทน ส่วน พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ที่เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ จนนำไปสู่การออกหมายจับ ส.ว. คนดังกล่าวและจับกุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้ กลับถูก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในสมัยนั้น ย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกล สวนทางกับ นโยบายที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เคยเคยประกาศไว้ว่าการย้ายตำแหน่ง จะต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องในการทำงาน แต่แทนที่จะมีการเลื่อนตำแหน่ง กลับย้ายไปที่อื่นแทน
นอกจากนี้ยังพบว่า อาคารในพื้นที่ อารีย์ ซอย 5 ที่ ส.ว. คนดังกล่าวได้ซื้อไว้ ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้รังสิมันต์ ใช้เป็นเหตุผลในการอภิปรายโจมตีว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการช่วยเหลือ ส.ว. คนนี้ให้หลุดคดี พร้อมเรียกร้องให้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ชี้แจงเรื่องสัญญาเช่าอาคารดังกล่าวด้วย
อีกประเด็นที่ ‘รังสิมันต์’ อภิปราย คือ เรื่องขบวนการทุนจีนสีเทาของ ‘ตู้ห่าว’ ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้ออกมาแฉในหลายประเด็น โดย ‘รังมันต์’ ย้อนความเชื่อมโยงให้เห็นความพิรุธในการเริ่มต้นทำคดีนี้ ตั้งแต่การบุกค้นผับจินหลิง ที่นำมาสู่การออกหมายจับ ‘ตู้ห่าว’ พร้อมพวก ที่พบว่ามีความพยายามในการล้มคดี ด้วยวิธีการหลายอย่าง ทั้งการดึงเวลา ทำหลายหลักฐาน เพื่อให้ ‘ตู้ห่าว’ หลุดคดีในชั้นศาล ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ต้องรับผิดชอบ พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุผลที่ไม่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นเพราะว่ามีหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังเปิดภาพถ่ายที่ ‘ตู้ห่าว’ ถ่ายคู่กับ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในงานปาร์ตี้วันเกิดภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส ที่บ้าน สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เป็นไม้เป็นมือให้ พล.อ.ประวิตร โดยภาพดังกล่าว สะท้อนถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ และยังพบว่า ตู้ห่าว ยังเคยบริจาคเงินให้พรรคพรรคประชารัฐ 3,000,000 บาท ชี้ชัดว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ดึงกลุ่มจีนเทามาสนับสนุนทางการเงินให้กับพรรคแกนนำรัฐบาล
โดย ‘รังสิมันต์’ ยังเชื่อมโยงให้เห็นว่า ร.อ.ธรรมนัส ยังมีความเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจจีน ที่ทำธุรกิจสีเทาอีกหลายคน และแต่ละคนได้เข้ามาทำลายประเทศไทยในหลายเรื่อง
ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะจีนเทา หรือเมียนมาเทา เหล่านี้คือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่ในภูมิภาคนี้นับสิบปีแล้ว แต่สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดคือกลุ่มไทยเทา ที่ให้การสนับสนุนและสมคบกับทุนเทาอื่นๆ เหมือนเปิดบ้านรับโจรให้เข้ามาปล้นประเทศ โดยไทยเทาพวกนี้ ได้แฝงตัวอยู่ในตำรวจ ทหาร ศาล และราชการทุกสำนัก สูบเอาผลประโยชน์จากเลือกเนื้อของคนไทยด้วยกัน แล้วเอาไปแสวงหาอำนาจจนได้เป็น ส.ว.ได้เป็นรัฐมนตรี เป็นถึงนายกรัฐมนตรี และเมื่อตัวเองมีอำนาจก็จะคอบคุ้มกะลาหัวไทยเทาอื่นๆ ให้อยู่รอดลอยนวลเป็นลิ้วล้อ เป็นบริวารให้กับตัวเองต่อไป
และตราบใดที่ ‘ไทยเทา’ พวกนี้ยังมีอยู่อาญชากรรมทั้งในชาติ ข้ามชาติ ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับพวกนี้ ก็ไม่มีวันที่จะหายสาปสูญไปด้วย ไม่มีวันที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ คือ หมุดหมายสำคัญที่จะตัดสินว่าเราจะยังอยู่กับยาเสพติด พนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาญชากรรมสารพัดรูปแบบ จะอยู่แบบเดิม หรือจะถึงเวลาที่ประชาชนจะไล่ตะเพิด ไทยเทาและแก๊งจีนเทา ทั้งหลายให้ออกไป พร้อมเปรียบว่า บ้านหลังนี้ที่ถูกทำให้สกปรกมานาน จะกลับมาสะอาดได้อีกครั้ง แต่ต้องเริ่มจากกำจัดกองขยะที่อยู่กลางบ้านก่อน
ใจความสำคัญในประเด็นนี้ คือ การพูดถึง ส.ว. อักษรย่อ ‘อ.’ ที่ คสช. เป็นคนแต่งตั้ง โดยผู้ที่มีส่วนร่วมในการเลือก ส.ว. คนนี้มา มีทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และวิษณุ เครืองาม
โดยพฤติกรรมของ ส.ว. อักษรย่อ ‘อ.’ คนนี้ พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจในเครือ ‘อัลลัวร์ กรุ๊ป’ และใช้เรื่องการทำธุรกิจ มาใช้เป็นฉากบังหน้าในการฟอกเงิน ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา และยังพบว่า ส.ว. คนนี้ มีความเชื่อมโยงกับ ‘ทุน มิน ลัต’ เจ้าของบริษัทสตาร์แซฟไฟร์ กรุ๊ป ที่ถูกตำรวจไทยจับกุมในข้อหาฟอกเงินและยาเสพติดไปก่อนหน้านี้ แต่ตัวของ ส.ว. คนดังกล่าวยังคงลอยนวล แม้จะเคยถูกออกหมายจับมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็มีกระบวนการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไปช่วยถอนหมายจับ และเปลี่ยนเป็นหมายเรียกแทน ส่วน พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ที่เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ จนนำไปสู่การออกหมายจับ ส.ว. คนดังกล่าวและจับกุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้ กลับถูก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในสมัยนั้น ย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกล สวนทางกับ นโยบายที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เคยเคยประกาศไว้ว่าการย้ายตำแหน่ง จะต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องในการทำงาน แต่แทนที่จะมีการเลื่อนตำแหน่ง กลับย้ายไปที่อื่นแทน
นอกจากนี้ยังพบว่า อาคารในพื้นที่ อารีย์ ซอย 5 ที่ ส.ว. คนดังกล่าวได้ซื้อไว้ ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้รังสิมันต์ ใช้เป็นเหตุผลในการอภิปรายโจมตีว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการช่วยเหลือ ส.ว. คนนี้ให้หลุดคดี พร้อมเรียกร้องให้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ชี้แจงเรื่องสัญญาเช่าอาคารดังกล่าวด้วย
อีกประเด็นที่ ‘รังสิมันต์’ อภิปราย คือ เรื่องขบวนการทุนจีนสีเทาของ ‘ตู้ห่าว’ ที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้ออกมาแฉในหลายประเด็น โดย ‘รังมันต์’ ย้อนความเชื่อมโยงให้เห็นความพิรุธในการเริ่มต้นทำคดีนี้ ตั้งแต่การบุกค้นผับจินหลิง ที่นำมาสู่การออกหมายจับ ‘ตู้ห่าว’ พร้อมพวก ที่พบว่ามีความพยายามในการล้มคดี ด้วยวิธีการหลายอย่าง ทั้งการดึงเวลา ทำหลายหลักฐาน เพื่อให้ ‘ตู้ห่าว’ หลุดคดีในชั้นศาล ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ต้องรับผิดชอบ พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุผลที่ไม่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นเพราะว่ามีหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังเปิดภาพถ่ายที่ ‘ตู้ห่าว’ ถ่ายคู่กับ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในงานปาร์ตี้วันเกิดภรรยาของ ร.อ.ธรรมนัส ที่บ้าน สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เป็นไม้เป็นมือให้ พล.อ.ประวิตร โดยภาพดังกล่าว สะท้อนถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ และยังพบว่า ตู้ห่าว ยังเคยบริจาคเงินให้พรรคพรรคประชารัฐ 3,000,000 บาท ชี้ชัดว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ดึงกลุ่มจีนเทามาสนับสนุนทางการเงินให้กับพรรคแกนนำรัฐบาล
โดย ‘รังสิมันต์’ ยังเชื่อมโยงให้เห็นว่า ร.อ.ธรรมนัส ยังมีความเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจจีน ที่ทำธุรกิจสีเทาอีกหลายคน และแต่ละคนได้เข้ามาทำลายประเทศไทยในหลายเรื่อง
ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะจีนเทา หรือเมียนมาเทา เหล่านี้คือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่ในภูมิภาคนี้นับสิบปีแล้ว แต่สิ่งที่น่าเจ็บปวดที่สุดคือกลุ่มไทยเทา ที่ให้การสนับสนุนและสมคบกับทุนเทาอื่นๆ เหมือนเปิดบ้านรับโจรให้เข้ามาปล้นประเทศ โดยไทยเทาพวกนี้ ได้แฝงตัวอยู่ในตำรวจ ทหาร ศาล และราชการทุกสำนัก สูบเอาผลประโยชน์จากเลือกเนื้อของคนไทยด้วยกัน แล้วเอาไปแสวงหาอำนาจจนได้เป็น ส.ว.ได้เป็นรัฐมนตรี เป็นถึงนายกรัฐมนตรี และเมื่อตัวเองมีอำนาจก็จะคอบคุ้มกะลาหัวไทยเทาอื่นๆ ให้อยู่รอดลอยนวลเป็นลิ้วล้อ เป็นบริวารให้กับตัวเองต่อไป
และตราบใดที่ ‘ไทยเทา’ พวกนี้ยังมีอยู่อาญชากรรมทั้งในชาติ ข้ามชาติ ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับพวกนี้ ก็ไม่มีวันที่จะหายสาปสูญไปด้วย ไม่มีวันที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ คือ หมุดหมายสำคัญที่จะตัดสินว่าเราจะยังอยู่กับยาเสพติด พนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาญชากรรมสารพัดรูปแบบ จะอยู่แบบเดิม หรือจะถึงเวลาที่ประชาชนจะไล่ตะเพิด ไทยเทาและแก๊งจีนเทา ทั้งหลายให้ออกไป พร้อมเปรียบว่า บ้านหลังนี้ที่ถูกทำให้สกปรกมานาน จะกลับมาสะอาดได้อีกครั้ง แต่ต้องเริ่มจากกำจัดกองขยะที่อยู่กลางบ้านก่อน
