พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด กรณีร่วมกันฉ้อโกงเงินของ มาดามอ้อย ว่า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อหากับ ทนายตั้ม ภายในเรือนจำเพิ่มเติม จำนวน 7 ข้อหา เกี่ยวกับการร่วมกันฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท เช่น ข้อหาแจ้งความเท็จ , ข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ , ข้อหาฟอกเงิน และ สมคบกันฟอกเงิน
แต่ ทนายตั้ม ยังคงให้การปฏิเสธ และกล่าวอ้างถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรับฟังไว้ตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นุวัฒน์ หรือ นุ และ สารินี หรือ แซน คนสนิทของทนายตั้มในเรือนจำด้วยเช่นกัน
พล.ต.ต.มนตรี ยืนยันว่า ตำรวจดำเนินการในทุกมิติ และสำนวนคดีมีความคืบหน้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งส่งสำนวนให้อัยการให้ทันฝากขังผู้ต้องหาผัดที่ 3-4 พร้อมเชื่อว่าอาจมีผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม
ส่วนกรณีพินัยกรรมของ มาดามอ้อย ที่ ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก และ มาดามอ้อย ได้ขอยกเลิกไปแล้ว เบื้องต้นยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษประเด็นดังกล่าว จึงยังไม่อยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวน
ส่วนความคืบหน้าการออกหมายเรียก ฟิล์ม รัฐภูมิ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ พล.ต.ต.มนตรี ระบุว่า ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว และส่งไปยังที่อยู่ตามภูมิลำเนา ซึ่งเป็นช่องทางตามกฎหมาย นัดหมายให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการประสานติดต่อว่าจะเข้าพบมา มีเพียงที่เคยส่งทนายความมาลงบันทึกประจำวันก่อนที่จะมีการออกหมายเรียก เพื่อแจ้งยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี
ทั้งนี้หาก ฟิล์ม รัฐภูมิ จะเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนวันนัด หรือมานอกเวลาราชการ สามารถเดินทางมาได้ ทางตำรวจยินดี และการมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ไม่ใช่การจับกุม ดังนั้นคงไม่มีการควบคุมตัว และเป็นเหตุให้ต้องประกันตัวใดๆ
ส่วนคดีของ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช หลังมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม ในข้อหากรรโชกทรัพย์ ปมรีดเงินเดือนละ 30,000 บาท พล.ต.ต.มนตรี ระบุว่า ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการสอบปากคำสามารถในเรือนจำ
ส่วนคดีอื่นๆ ที่อาจเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินที่ตำรวจพบ ยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มเติม
พล.ต.ต.มนตรี ยังเปิดเผยความคืบหน้า คดีของ กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ที่เรียกรับเงินจาก บอสพอล ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำนวน 7.5 ล้านบาท ว่า เมื่อวานทนายความของบอสพอล เข้าให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม ตามความต้องการของทนายความบอสพอล
ส่วนประเด็นที่อ้างว่าในคลิปเสียงมีการอ้างถึงข้าราชการระดับผู้อำนวยการของหน่วยงานหนึ่ง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจนว่าเป็นการแอบอ้าง หรือรู้เห็นกับการกระทำความผิดด้วย แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน