‘ทีมบิ๊กโจ๊ก’ กางผังแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันโยง ‘ตำรวจใหญ่’

19 มีนาคม 2567 - 08:30

Revealing-the-financial-route-of-police-receiving-money-from-gambling-websites-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘ทีมบิ๊กโจ๊ก’ กางผังแฉเส้นทางเงินเว็บพนัน BNK MASTER โยง ‘นายพล ต.-ครอบครัว’

  • ‘ผู้การนำเกียรติ’ ปัดเอี่ยว ‘เครือข่ายมินนี่’ แจงฟ้อง‘ผบ.ตร.’ เพื่อใช้สิทธิ์ปกป้อง เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ปะทุหนักขึ้นเรื่อยๆ สำหรับศึกวงใน ‘สีกากี’ จากปมออกหมายจับและหมายเรียก ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมพวก มารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลังพบความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีเว็บพนัน BNK Master โดยมีกำหนดนัดหมายที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) วันที่ 21 มี.ค.นี้

ล่าสุด ‘ทีมบิ๊กโจ๊ก’ เปิดเกมโต้กลับ โดยทาง วราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ และ ณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ที่ปรึกษากฎหมายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ออกมาเปิดเส้นทางการเงินเชื่อมโยง ‘ตำรวจใหญ่’ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และครอบครัว รวมถึงกองบัญชาการที่รับผิดชอบโดยตรงกับพนันออนไลน์

โดยในประเด็นความเชื่อมโยงทางการเงินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับเว็บพนัน BNK Master ทีมทนายความได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน และบัญชีทั้งหมด 34 บัญชี และสอบถามกับเจ้าตัว พร้อมเอกสารประกอบ ไม่พบความเชื่อมโยงแต่อย่างใด แต่กลับมีความพยายามนำไปเชื่อมโยงกับ ‘คดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ (ธันยนันท์ สุจริตชินศรี)’ ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

ซึ่งพบว่า เส้นทางการเงินของผู้ต้องหาใน ‘คดีเว็บพนันมินนี่’ มีบัญชีของ ‘พิมพ์วิไล’ หรือ ‘แหม่ม’ ผู้บริหารเว็บพนัน BNK Master เชื่อมโยงกับบัญชีของ ‘พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ’ อดีตรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธร สำโรงเหนือ (รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ) ลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และยังมีการโอนเงินจาก พิมพ์วิไล กว่าสิบล้านบาท ไปยังผู้ต้องหาในคดีเว็บ BNK MASTER ของ สน.เตาปูน 

ดังนั้น คดีนี้จึงเกี่ยวข้องกับคดีมินนี่ ที่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ

วงเงินหมุนเวียนในบัญชีของคดีเว็บ BNK MASTER รวมกว่า 400-600 ล้านบาท ยังเข้าข่ายความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่กลับไม่มีการส่งเรื่องไปให้ และในคดี BNK MASTER ยังมีบัญชีของตำรวจรวมอยู่ด้วย แต่กลับออกหมายจับเพียงบางราย มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลใด ทำตัวเหมือนอินทรีเลือกเหยื่อหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องขอความเป็นธรรมในการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนมาแล้วถึง 3 ครั้ง เพราะเกรงว่าจะทำงานอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมา ซึ่งได้ทำเรื่องร้องขอไปยัง ป.ป.ช.ในการดูแลคดีแล้วเช่นกัน

ณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์

ด้าน วราชันย์ ชี้แจงประเด็นข่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำเงินที่ได้จากเว็บการพนันไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในราคา 13,100 บาท ซึ่งทีมทนายได้ตรวจสอบแล้ว พบเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับของ พ.ต.ท.คริษฐ์ จำนวน 3 ที่นั่งของเจ้าตัว, ภรรยาและบุตร ที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายตั๋ว เพื่อเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเดินทางไปวันที่ 11 มี.ค. 2565 กลับวันที่ 13 มี.ค. 2565 มีหลักฐานการสนทนาซื้อตั๋วกับตัวแทนผ่านทางไลน์ เชื่อว่าชุดจับกุม พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้ยึดโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวเอาไว้ ก่อนมีการนำเสนอข่าวนี้ไปเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.แต่อย่างใด

ต่อมา พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีตผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.ศฝร.บช.น.) หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ ได้มาร่วมชี้แจงความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินของ พิมพ์วิไล แอดมินเว็บ BNK MASTER ซึ่งพบความเชื่อมโยงไปยังบัญชีของ นายพล ‘ต.’ ภรรยา ‘ก.’ พี่สาว ‘จ.’ พี่ชาย ‘ช.’

เหตุที่ผมตกเป็นผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากการที่ตนได้ทำสำนวน ‘คดีเป้รักผู้การ’ ใน จ.ชลบุรี เรียกเงินเว็บพนันกว่า 100 ล้านบาท โดยการสืบสวนในครั้งนั้น พบว่ามี พ.ต.อ.‘ด.’ มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมาย และยังมีธุรกรรมทางการเงินไปยังบุคคลอื่นอีกหลายราย โดยจำนวนหนึ่งพบเป็นตำรวจหญิง 2 นาย ที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจระดับสูง รวมถึงการทำคดีกำนันนก ซึ่งสาเหตุที่ผมออกมาพูดครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะและโอกาส ตอนนี้ไม่กังวลแม้จะเกิดอะไรขึ้น ก็พร้อมน้อมรับ

พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์

ส่วนประเด็น พ.ต.ท.คริษฐ์ ใช้บัญชีม้าทำธุรกรรมการเงินนั้น พล.ต.ต.นำเกียรติ ชี้แจงว่า หากเป็นบัญชีม้าจริง เข้ามาก็ต้องถอนเงินสดออกหมด ไม่ให้เห็นเส้นทาง แต่กรณีนี้ มีเส้นทางการเงินให้เห็นทั้งหมด พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่ได้รู้จักกับมินนี่ จะไปเรียกรับเงินได้อย่างไร

สำหรับการแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นั้น พล.ต.ต.นำเกียรติ ชี้แจงว่า เป็นการใช้สิทธิ์ เพราะตนเองได้รับโอนเงินจาก พ.ต.ท.คริษฐ์ เพียง 9 ครั้ง ก็ต้องเป็นผู้ต้องหา แต่ในคดี ยังมีตำรวจบางนายที่รับโอนเงินมากกว่า แต่กลับไม่ตกเป็นผู้ต้องหาเส้นเงินเดียวกับตนเอง จึงถือว่าไม่มีความเป็นธรรมและต้องใช้สิทธิ์ปกป้องตัวเอง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไปรายงานตัวตามหมายเรียกหรือไม่นั้น เจ้าตัวยังไม่ได้ตอบรับ แต่ทีมทนายจะพิจารณาว่า คณะทำงานของคดีนี้ มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนทางคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมี เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไปแล้ว

Revealing-the-financial-route-of-police-receiving-money-from-gambling-websites-SPACEBAR-Photo01.jpg

โต้ปม ‘ใบอนุโมทนาบัตร’ ยันใช้เงินส่วนตัว คาดถูกปล่อยข้อมูลเท็จ

ส่วนกรณีข่าวพบใบอนุโมทนาบัตรงานกฐินที่วัดศาลาปูนฯ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บริจาคเงิน 2 แสนบาท เกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีม้าฟอกเงินหรือไม่นั้น วราชันย์ ชี้แจงว่า ข้อมูลของเอกสารฉบับนี้ ถูกนำมาเผยแพร่ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเข้าตรวจค้นจับกุม พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้ยึดเอกสารต่างๆ ในรถของผู้ต้องหา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงสั่งให้ผู้ใกล้ชิดตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า บัญชีที่มียอดตรงกับใบอนุโมทนาบัตรฉบับนี้ เป็นบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ใช้อยู่ ซึ่งได้สอบถามกับเจ้าตัว ทราบว่ารายการโอนเงินดังกล่าว เกิดขึ้นวันที่ 9 ก.ย. 2565 ซึ่งมี ‘หลุ่ย แซ่กั๊ว’ (หรือ จีจี้ ผู้นิยามตัวเองเป็นกูรูด้านความสัมพันธ์ไทย-จีนและการตลาด และเป็นจำเลยในคดีอ้างชื่อ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เรียกรับเงินจากแก๊งอุ้มบุญจีนเทา) มอบเงินสดส่วนตัวให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ นำไปใช้ทำบุญทอดกฐินกับวัดศาลาปูน โดย ‘หลุ่ย แซ่กั๊ว’ ให้เลขาฯ ส่วนตัว ส่งรายชื่อกับข้อมูลส่วนตัวต่อ พ.ต.ท.คริษฐ์ ผ่านไลน์ ไปยื่นแก่วัด เพื่อออกใบอนุโมนาบัตรแก่ ‘หลุ่ย แซ่กั๊ว’ 

ต่อมา พ.ต.ท.คริษฐ์ ได้โอนเงินพร้อมส่งสลิปการโอนเงินไปให้พระอาจารย์ในวัด เพื่อร่วมทำบุญตามความประสงค์ และภายในวันเดียวกัน วัดได้ออกใบอนุโมทนาบัตรในชื่อของ ‘หลุ่ย แซ่กั๊ว’

สำหรับใบอนุโมทนาบัตรของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้นลงวันที่ 29 ต.ค.2565 ในวันทอดกฐินพระราชทานที่เจ้าตัวเดินทางไปร่วมทำบุญด้วยตัวเอง พร้อมมอบเงินสดส่วนตัวกับเงินที่ได้รวบรวมมา ไปทำบุญให้วัด ก่อนจะออกใบอนุโมทนาบัตรในวันเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ ทีมทนายความกำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้เกี่ยวข้องที่นำข้อมูลมาเผยแพร่ เนื่องจากใบอนุโมทนาบัตรดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าแต่อย่างใด

ใบอนุโมทนาบัตรฉบับนี้ ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน แล้วสื่อมวลชนจะเอามาเผยแพร่ได้อย่างไร และภายหลังที่เจ้าหน้าตรวจยึดใบอนุโมทนาบัตรฉบับนี้ ก็ได้เอาออกมาเผยแพร่ และถูกเอาไปโยงบัญชีม้าหรือเว็บพนัน เมื่อปัญหาดังกล่าวปรากฏขึ้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ทำการสั่งให้ตรวจสอบความเกี่ยวโยงที่ถูกอ้างว่าเงินนี้คือบัญชีม้า และข้อมูลนี้เอาออกมาเผยแพร่ได้อย่างไร เรื่องนี้ ทีมทนายคิดว่าไม่ยาก เพราะข้อมูลหลักฐานทุกอย่างอยู่ที่พนักงานสอบสวน มันจะไม่สามารถเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ ถ้าไม่มีผู้มิหวังดีบางรายส่งให้สื่อมวลชน และบิดเบียนข้อมูล โดยที่ไม่ได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง

วราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์