มท. สั่งสอบ ‘สมาคมกำลังสำรองฯ’ ทบ. ไม่เกี่ยว แค่ชุดคล้ายผู้กำกับ นศท.

3 ม.ค. 2568 - 10:25

  • ทบ. แจงไม่เกี่ยว ‘สมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย’ ไม่ใช่หน่วยงานทหาร สมาคมจดจัดตั้งกับ ‘มหาดไทย’ แค่ชุดคล้าย ‘ผู้กำกับ นศท.’ ขณะที่ ‘มหาดไทย’ สั่งสอบ สมาคมฯ ปมคอร์สอบรม ‘ต่างชาติ’ หากผิดวัตถุประสงค์ สั่งถอนชื่อสมาคม

RTA-Interior-Association-SPACEBAR-Hero.jpg

จากกรณีสื่อโซเชียลออกแฉกรณี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรีมีการเปิดคอร์สอบรมตำรวจอาสา โดยมีการเก็บค่าอบรม 38,000 บาท พร้อมเชิญตำรวจมาเป็นวิทยากร ซึ่งผู้ที่เข้าอบรมเป็นคนสัญชาติจีน พร้อมทั้งระบุว่า สมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดน มีเครื่องแต่งคล้ายทหารเปิดผู้เปิดคอร์ส

แหล่งข่าวกองทัพบก เปิดเผยว่า สมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดน ได้จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้เป็นสมาคมขึ้นตรงกับหน่วยงานราชการทหาร เป็นเพียงกลุ่มคนที่ ร่วมกันไปจดทะเบียนขึ้นเป็นสมาคม แต่มีชื่อพ้องกับหน่วยงานสังกัด หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กองทัพบก ทำให้มีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องคนสีเขียว

อีกทั้งสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดน มีชุดการแต่งกายคล้ายชุดผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร ที่ทางกองบัญชาการรักษาดินแดน ได้ฝึกอบรมให้กับครู อาจารย์ และผู้บริหารสถาบันการศึกษา เพื่อให้ไปกำกับดูแลนักศึกษาในสถาบันของตนเอง โดยมีมีการจัดอบรม และมอบใบประกาศนียบัตรถูกต้อง เมื่อเห็นการแต่งกายประชาชนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าเป็นหน่วยงานทหาร

ขณะที่  ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย โดยส่วนทะเบียนมูลนิธิและสมาคม (สมส.) สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นพบชื่อสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย จดทะเบียนจัดตั้ง เลขทะเบียนที่ จ.1697 เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2523 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 84/12 หมู่ 7 ซอยทองปาน 1 ถนนท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 

สำหรับกรณีที่ปรากฏข่าวกรณีสมาคมเข้าไปเกี่ยวข้องกับคอร์สอบรมแก่ชาวต่างชาติ หากสมาคมฯ ได้ดำเนินการจริง อาจไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคม โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของสมาคมข้อ 4.3 ที่กำหนดว่า สนับสนุนกองทัพในเรื่องการฝึกคนในชาติให้เป็นกำลังสำรอง

ล่าสุด กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือให้สมาคมชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งหากพบว่าสมาคมดำเนินกิจการขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ อธิบดีกรมการปกครองในฐานะนายทะเบียนสมาคมมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 102 ต่อไปได้

นอกจากนี้ หากพบว่ากรรมการของสมาคมผู้ใดดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของสมาคม และการดำเนินกิจการนั้นเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ จะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 56 พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์