อุบัติเหตุไฟไหม้รถทัศนศึกษาบนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ครูและนักเรียน 23 คนเสียชีวิต ถือเป็นอุบัติเหตุที่สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ พร้อมกับมีคำถามตามมาถึงความปลอดภัย มาตรฐานของรถบัส ขณะที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสั่งการ “งดทัศนศึกษาที่ไม่จำเป็นทันที” พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมถอดบทเรียนเพื่อหาแนวทางป้องกันอุบัติเหตุ
ทัศนีย์ เรืองวงศ์วิทยา ผู้ปกครองที่มีลูกสาววัย 7 ขวบ กำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษา สะท้อนความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการทัศนศึกษา เพราะเด็กทุกคนต้องมีโอกาสเรียนรู้โลกข้างนอก การเรียนเฉพาะในห้องเรียน ในโรงเรียนไม่สร้างจินตนาการการเรียนรู้ที่เด็กจะนำไปต่อยอดได้
นอกจากนี้ยังมองว่าการไปเที่ยวกับผู้ปกครองกับการไปทัศนศึกษาที่มีทั้งเพื่อนและคุณครู จะทำให้ลูกมีประสบการณ์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ทำให้ลูกมีความสุขอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะมีความสำคัญในการใช้ชีวิตในอนาคต แต่ทั้งนี้โครงการทัศนศึกษาในแต่ละครั้งทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งโรงเรียน ผู้รับจ้าง ต้องมีการร่วมกันวางแผนการเดินทางอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเดินทางใกล้ไกล ทางโรงเรียนควรตรวจสอบประวัติของผู้ประกอบการเดินรถไม่ใช่ตกลงเพียงแค่ราคาค่าจ้าง
“มองว่าความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของขนส่งทุกประเภท ที่ทุกฝ่ายต้องเอาจริงเอาจังใส่ใจให้มากขึ้น และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการทัศนศึกษานั้น เสนอว่ากระบวนการเรื่องการจ้างเหมานั้นควรจะเลือกผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการตื่นตัวเช็คความปลอดภัย และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ภาครัฐเองต้องมีการบังคับกฎหมายผู้ที่ฝ่าฝืนและทำผิดอย่างจริงจัง ทำงานเชิงรุก อย่าทำงานตามหลัง ตรวจสอบมาตรฐานสถานที่ตรวจสภาพรถส่วนผู้ประกอบการที่ใช้เชื้อเพลิงต้องมีความรู้ ความเข้าใจ แม้จะเข้าใจว่าผู้ประกอบการเองต้องการประหยัดค่าเชื้อเพลิง ประหยัดด้านการลงทุน แต่ต้องเพิ่มเรื่องการซ่อมบำรุง ดูแลรักษาเครื่องยนต์ ไม่ใช่เกิดเรื่องแล้วจะมาหาทางระดมกันครั้งหนึ่ง เพราะไม่นานคนก็ลืม” ทัศนีย์ กล่าว

“รถบัสติดตั้งแก๊สไหม….?” หลังจากเกิดอุบัติเหตุใหญ่คำถามแรกที่ลูกค้าถามต่อเจ้าของรถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง ‘เอ๋ ทรานสปอร์ต’ จำรูญ วรรณภาส เจ้าของธุรกิจให้บริการเช่ารถบัสโดยสารนำเที่ยวใน จ.ขอนแก่น มานานกว่า 30 ปี ปัจจุบันมีรถให้บริการ 8 คัน มีทั้งรถบัสโดยสารสองชั้น 45-49 ที่นั่ง และรถบัสโดยสารชั้นครึ่ง 50 ที่นั่ง
หลังเกิดเหตุลูกค้าที่เข้ามาติดต่อขอรับบริการ จะมีคำถามเรื่องเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเดินทาง เพราะกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุ จำรูญ ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการรถทัวร์ทุกคันใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว ส่วนที่ไม่ติดตั้งถังแก๊สเพราะส่วนตัวคิดว่าเป็นอันตราย และมีความเสี่ยง พร้อมกันนี้ได้พา ทีมข่าว Spacebar Big City นำขึ้นไปดูความพร้อมบนรถทัวร์ที่เตรียมให้บริการ โดยเฉพาะจุดประตูฉุกเฉิน รวมทั้งค้อนทุบกระจกเตรียมให้บริการและความปลอดภัยภายในรถบัส


จำรูญ ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุธุรกิจเดินรถได้รับผลกระทบ เพราะมีลูกค้ายกเลิกงานกว่าร้อยละ 80 ซึ่งยินดีคืนเงินทั้งหมด เพราะเข้าใจสถานการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น การยกเลิกการว่าจ้างจึงเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ทำได้หลังจากเกิดอุบัติเหตุคือ การสร้างความรู้ ความเข้าใจ การปรับปรุง และพัฒนา ทั้งรถทัวร์และพนักงานให้เข้าใจ ใส่ใจดูแลให้บริการที่ได้มาตรฐาน การนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน แล้ววางแผนป้องกันแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันขึ้นมาอีก
“หลังจากรู้ข่าวได้กำชับ อบรมพนักงานขับรถในเรื่องความปลอดภัยการใช้รถ ถึงแม้พนักงานทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องปฎิบัติอย่างไร แต่ได้เพิ่มการกำชับ ทบทวน ถือเป็นการกระตุ้นให้พนักงานตระหนักกันมากยิ่งขึ้น ตรวจสอบสภาพรถเพื่อพร้อมใช้ในการเดินทาง และที่สำคัญได้กำชับพนักงานในการแนะนำอุปกรณ์บนรถ และแนะนำการใช้ค้อนทุบกระจก การเปิดปิดประตูฉุกเฉิน ขอความร่วมมือให้ลูกค้าใช้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหนีเอาตัวรอดได้ กวดขันตรวจสอบรถ ที่ต้องมีความพร้อมในการใช้งานเสมอ”


จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น ธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ประชุมด่วน พร้อมมีคำสั่งให้โรงเรียนในสังกัด 11 แห่ง และ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัด 11 แห่ง งดจัดกิจกรรมตามโครงการทัศนศึกษาทันทีไปจนถึงเดือนธันวาคม พร้อมเร่งซักซ้อมและทำความเข้าใจกับบุคลากรทางการศึกษาติวเข้มมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
โดยส่วนของเทศบาลนครขอนแก่นมีรถบัสรับ-ส่งนักเรียน 7 คัน และรถยนต์ 6 ล้อ 10 คัน มีอายุการใช้งานระหว่าง 4-17 ปี รถใช้น้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมสั่งการให้สำนักการศึกษาตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยตามระเบียบทั้งหมด
“ขณะนี้เข้าสู่ช่วงเปิดเทอม จึงต้องเร่งซักซ้อมและทำความเข้าใจกับบุคลากรทางการศึกษา ทุกคนต้องกลับมาทบทวนและติวเข้มในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยยกกรณีศึกษาจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น ร่วมถอดบทเรียนจนนำมาสู่การป้องกัน และรับมือหากเกิดสถานการณ์เกิดขึ้น โดยเฉพาะคนขับ คนควบคุมและคนรับผิดชอบ ที่ต้องพร้อมต่อการปฎิบัติหน้าที่ ส่วนการสั่งงดการทัศนศึกษา ถือเป็นคลายความกังวล และข้อวิตกต่างๆหลังเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น”
“และที่สำคัญคือการกลับมาทบทวนตัวเองด้วยว่ามาตรการที่เรามีนั้น เข้มงวดและรัดกุมเพียงใด และหากพ้นระยะเวลา 3 เดือนไปแล้ว หากต้องจัดกิจกรรมทัศนศึกษาก็ให้เน้นในพื้นที่ภายในจังหวัดหรือในภูมิภาคเป็นหลัก และห้ามไม่ให้มีการจ้างรถเอกชนภายนอกเด็ดขาด ในสัปดาห์หน้าได้เชิญครู คนขับรถ บุคลากรทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝึกทบทวนและซ้อมใหญ่ เพื่อทำความเข้าใจในการทำงานร่วมกันและมีสติกับการบริหารจัดการเหตุการณ์หรือเผชิญเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น” ธีระศักดิ์ กล่าว


จากรายงานสถานะความปลอดภัยทางถนนโลกโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า ตามรายงานในปี 2558 ไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตบนท้องถนนสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก คือมีผู้เสียชีวิตถึง 36.2 คน ต่อประชากร 100,000 คน กระทั่งรายงานตีพิมพ์เมื่อปี 2566 พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง ขยับลงมาอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกแล้ว แต่ยังนับเป็นประเทศที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยบนท้องถนนที่สูงมากอยู่ดี