ศรีเหนื่อยแน่! ไล่เรียงคดี ‘ไถเงินอธิบดีฯ’ ตร.ชี้ทำกันเป็นขบวนการ-หลักฐานเพียบ

27 ม.ค. 2567 - 04:23

  • ไล่เรียงคดีบุกรวบ ‘ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก-พิมณัฏฐา’

  • โยงพฤติกรรม ‘ไถเงิน’ อธิบดีกรมการข้าว แลกยุติร้องเรียนทุจริต

  • ‘รอง ผบช.ก.’ ชี้งานนี้ทำกันเป็นขบวนการ หลักฐานเพียบ ‘บัญชีม้า-แชทไลน์-วิดีโอ’

Summary-of-the-arrest-in-the-Srisuwan-case-SPACEBAR-Hero.jpg

สร้างความตกอกตกใจไปตามๆ กัน ภายหลังวันที่ 26 ม.ค. ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าจับกุมนักร้องเรียนชื่อดัง ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ที่บ้านพักย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามมาด้วย ‘ยศวริศ ชูกล่อม’ หรือ เจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ ‘พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์’ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถูกรวบจากทำเนียบรัฐบาล

หลังมีหลักฐานเชื่อมโยงถึงพฤติกรรมร่วมกันเรียกรับเงินจาก ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 3 ล้านบาท ก่อนจะเจรจาต่อรองเหลือเพียง 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่า พบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งปรากฏว่า ณัฏฐกิตติ์ ยอมจ่ายเงินก้อนแรก 1.4 แสนบาท ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ซ้อนแผนเข้าจับกุม หลังส่งมอบเงินงวดที่เหลืออีก 5 แสนบาท

หลังปฏิบัติการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวศรีสุวรรณ มาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อสอบปากคำ พร้อมนำ CPU คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง ที่ยึดมาจากบ้านพักมาด้วย โดยเจ้าตัวกล่าวสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวว่า “ถูกกลั่นแกล้ง และขอให้เชื่อใจศรีสุวรรณ” ด้านยศวริศ และ พิมณัฏฐา ถูกนำตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สน.ดุสิต ก่อนส่งตัวไปสอบที่ ปปป.

ทำเป็นขบวนการ หลักฐานเพียบ ‘บัญชีม้า-แชทไลน์-วิดีโอ’

ต่อมา ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นิวัติชัย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นำแถลงผลปฏิบัการ “หยุดเถอะครับ” จับกุมศรีสุวรรณ และพวก โดยฝ่ายผู้ร้องเก็บหลักฐานทางแชทไลน์ วิดีโอ และหลักฐานต่างๆ จนมีความชัดเจน ก่อนมาแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป. ซึ่งหลังใช้เวลารวบรวมหลักฐานมานานกว่า 4 เดือน จึงนำมาสู่การจับกุม ส่วนหลังจากนี้จะเรียกสอบปากคำบุคคลเพิ่มเติมอีก 1 ราย พร้อมยืนยันว่า พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่มีส่วนให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา แต่ได้ประสานขอความร่วมมือ เพราะเจ้าหน้าที่ได้ติดตามกลุ่มผู้ต้องหาไปหลายสถานที่ งานนี้บอกเลยว่า “ศรีเหนื่อยแน่”

การสืบสวนขณะนี้ยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง แต่พบว่ามีบัญชีม้า ซึ่งจะไล่ตรวจสอบเพิ่มเติม เชื่อว่ามีคนช่วยเหลือในการรับเงิน และผู้ต้องหายังอ้างไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ และจากการสอบปากคำ นายศรีสุวรรณ ปฏิเสธข้อกล่าวหา อ้างว่ามีคนนำเงินมาให้ แต่ตนเองไม่ได้เป็นผู้เรียกรับ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์การทำงานของตนยังพบว่า ขบวนการหาเงินเช่นนี้ มีทั้งคนร้องเรียน คนเคลียร์ บัญชีม้าและคนรับเงิน ส่วนแผนการจับกุม หลังผู้เสียหายส่งมอบเงินด้วยการแขวนถุงใส่เงิน 5 แสนบาทไว้หน้าบ้าน ตำรวจยังเฝ้าคอยนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนำหมายค้นเข้าบ้าน แต่พบว่ามีคนวิ่งหลบหนีไปที่หลังบ้าน เมื่อรีบไปจับกุม ก็พบ นายศรีสุวรรณ ในบ้าน พอถามว่าเงินอยู่ที่ใด เจ้าตัวก็พาเจ้าหน้าที่ไปหยิบเงินเอง ส่วนถุงใส่เงินพบว่าถูกทิ้งอยู่ข้างบ้าน ยืนยันว่าที่บ้านนายศรีสุวรรณ มีกล้องวงจรปิดทั้งหลัง ซึ่งเจ้าตัวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำศรีสุวรรณ นานเกือบ 9 ชั่วโมง ในประเด็นต่างๆ มีการให้ชี้แจงภาพบริเวณจุดทิ้งถุงเงิน, โฉนดที่ดิน 5 แปลง, เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ รวมถึงของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากที่บ้าน ก่อนแจ้งข้อหา 

  • สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบ
  • ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
  • ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ

ตามหมายจับ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 2/2567 ลงวันที่ 25 ม.ค. 2567

วางหลักทรัพย์เงินสด 4 แสน ‘ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก’ ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ทางด้าน ศรีสุวรรณ ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ก่อนยื่นเงินสด 4 แสนบาท เพื่อขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านและอนุญาตให้ประกันตัว ส่วนยศวริศ ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาท เพื่อขอประกันตัวเช่นกัน

ศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการประกันตัว โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว ส่วนที่โยนเงินจำนวน 5 แสนบาท ทิ้งที่ข้างบ้าน เนื่องมาจากเห็นว่ามีใครก็ไม่รู้นำเงินมาแขวนไว้ และยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ทำให้เสียขวัญ และยังมีกำลังใจที่ดีอยู่ การที่ถูกดำเนินคดีครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา

การทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตก็เหมือนการเดินฝ่าฝน ต้องเปียกเป็นธรรมดา แน่นอนว่าต้องมีไปเหยียบตาปลาผู้มีอำนาจ โดยคดีในวันนี้ เชื่อว่ามาจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ หนึ่งในนั้นคือผู้เสียหายในคดีนี้ ที่ตนเองกำลังได้แจ้งสื่อมวลชนว่ากำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทำให้เจ้าตัวอาจเกิดความหวาดวิตก พยายามหาหนทางที่จะล้มตนเองให้ได้ ซึ่งตนเองยืนยันว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานทุกอย่าง ที่จะสามารถยืนยันหักล้างทุกอย่างในคดี

การทำให้ศรีสุวรรณ ล้มลงได้ก็ทำให้คนเหล่านี้ผยองขึ้น ตนเองทำใจได้มาโดยตลอด ครั้งนี้ตนเองพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติ แต่ก็จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อร้องเรียนการทุจริตของผู้มีอิทธิพลต่อไป ทั้งการฟ้องร้องคดีความให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนให้ได้รับความเป็นธรรม การจับผิดนักการเมืองข้าราชการ ที่ทุจริตคอรัปชั่น

ศรีสุวรรณ จรรยา

เริ่ม ‘ไถ’ ปลายปี 66 - ขอแก้ข้อกล่าวหาผ่านเอกสารภายใน 15 วัน

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับคดีดังกล่าวเริ่มก่อหวอดมาตั้งแต่ต้นปี 2566 เพราะเริ่มมีหนังสือร้องเรียน หรือบัตรสนเท่ห์มายังหน่วยงาน กระทั่งช่วงปลายปี 2566 กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มมีการไปคุย ไปเรียกรับเงิน ต่อมาช่วงวันที่ 4 ม.ค. 2567 ทางฝ่ายผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับ ปปป. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานพอสมควร แต่รายละเอียดเชิงลึก ขอละเว้นการเปิดเผยไว้ก่อน เพราะจะต้องใช้ในการขยายผล

ในการสืบสวน พบว่าทั้ง 3 ราย มักมีการแถลงข่าวด้วยกันหลายครั้ง ส่วนผู้ต้องหาผู้หญิง (พิมณัฏฐา) ก็มีความสนิทสนมกับยศวริศ พอสมควร สำหรับเรื่องเส้นทางการเงินระหว่างกลุ่มผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนหลายรายการ อาทิ รายการเส้นทางการเงินของการทำธุรกรรม และคลิปเสียงสนทนา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกคน และขอทำเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานำส่งให้พนักงานสอบสวนในภายหลัง เพราะยังไม่ขอให้การใดๆ ซึ่งทั้งหมดจะต้องนำส่งเอกสารภายใน 15 วัน ส่วนกรณีภรรยาของศรีสุวรรณ เบื้องต้น ยังไม่มีความผิดร่วมด้วย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสืบสวนต่อไป

ปลายทางคดีนี้จะเป็นอย่างไร? นับจากนี้สถานะของ ‘นักร้อง’ จะสั่นคลอนหรือไม่? ไปจนถึงประเด็น ‘ทุจริต’ ในคดีนี้มีมูลแค่ไหน? โปรดติดตาม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์