ต้องเรียกว่าเปิดหน้าชนเต็มที่ สำหรับ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ใช้เวลาหลังถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน มาเดินสายร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้เอาผิดกลุ่มตำรวจและบุคคลที่ร่วมกันขัดขวางไม่ให้ตัวเองเป็น ผบ.ตร. กรณีถูกกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินเว็บพนัน
ล่าสุดวันนี้ (25 เม.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) กรณีถูก พล.ต.เอก.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกคำสั่งให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อนโดยมิชอบ
การแถลงข่าวครั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเอกสารเกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อกฎหมาย มาอธิบายให้สื่อมวลชนได้ฟังจำนวนหลายหน้า เพื่อชี้ให้เห็นว่า การที่ตัวเองถูกสั่งให้ออกจากราชการและการสอบสวนคดีเว็บพนันที่ตัวเองถูกพาดพิงไม่ชอบด้วยกฎหมายในหลายประเด็น โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

หนึ่งในประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดถึง คือขบวนการที่เรียกว่า ‘ขบวนการ 4 คูณ 100 สยบปีกพระพรหม’ โดยเปรียบว่า ขบวนการนี้เป็นขบวนการที่ประพฤติชั่ว ที่จ้องทำลายพระพรหม ถ้าเป็นคนดีพระพรหมก็จะประทานพร แต่ถ้าไม่ดีจะถูกลงโทษ และตอนนี้เป็นเวลาที่พระพรหมจะลงโทษคนไม่ดีแล้ว พร้อมบอกชื่อย่อ ขบวนการ 4 ต. ที่ร่วมกันทำไม่ดีว่ามีชื่อว่า ต่อ เต่า ตุ้ม ไตร
ทั้งนี้ แม้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไม่ได้บอกว่า พระพรหม หมายถึงตัวเอง แต่ตามพจนานุกรมคำว่า สุรเชษฐ์ แปลว่า ผู้ประเสริฐกว่าเทวดา คือพระพรหม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังอธิบายว่า สำนวนคดีเว็บ BNK MASTER ที่มี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และคดีที่ลูกน้องตัวเองโดนตั้งข้อหากรณีพัวพันกับเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ ทั้ง 2 สำนวน ตำรวจไม่มีอำนาจสอบสวน ที่ผ่านมาตัวเองได้ทำหนังสือท้วงไปยังผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว แต่ไม่มีการตอบรับ กระทั่งตัวเองถูกแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2566 และนำไปสู่การถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ย้ำกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งหมด และคำสั่งให้ออกจากราชการเป็นการให้ออกโดยมิชอบ

ช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการปลดป้ายชื่อตัวเองออกจากหน้าห้องทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน้าเว็บไซต์ มองเป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมชี้ให้เห็นว่า แม้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ถูกโอนย้ายให้ไปทำงานที่ สมช. นานแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีการปลดป้าย ย้ำ ณ วันนี้ตัวเองยังเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ เพราะยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ออกจากราชการ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำการให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกจากตำแหน่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่มีคนรีบเพราะกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และยังไปหลอกนายกฯ บอกเดิมรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ใช่คู่ขัดแย้งของตัวเอง แต่มาทำแบบนี้ถือว่าเลือกเอง

ช่วงท้ายของการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่ามาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว มีอะไรอยากบอก พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่มีรูปติดอยู่ที่บริเวณทางเดินภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ หลังเมื่อวาน (24 เม.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดในทำนองว่าถ้าอยากเป็น ผบ.ตร. ให้บอกกันดีๆ เดี๋ยวจะพาไปกราบท่านเผ่า โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า ถ้าไปหาท่านเผ่า ต้องพารักษาการฯ ไปกราบขอโทษนายกฯ ก่อน พร้อมฝากถึงรักษาการ ผบ.ตร.ว่า การทำแบบนี้ มันจะตอบประชาชน ตอบลูกน้องได้อย่างไร
“ต้องเข้าใจว่าเกียรติยศมันเกิดจากสังคมเขามอบให้ มันเกิดจากคนอื่นมอบให้ แต่ศักดิ์ศรีมันต้องมีด้วยตัวเอง ต้องหัดมีศักดิ์ศรีบ้าง เมื่อไหร่ที่ตัวเองไม่มีศักดิ์ศรี มันต้องออก แต่วันนี้มีอย่างเดียวคือจะลาออกหรือติดคุกเท่านั้นเอง”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่าที่วันนี้ เขาต้องทำแบบนี้ เป็นเพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ ต่อไปเขาจะทำแบบนี้อีก ทำซ้ำๆ อีก แบบนี้องค์กรจะพัง เหมือนที่อัยการปรเมศวร์ อินทรชุมนุม เคยเตือนว่ามันจะพังทั้งองค์กร
ย้ำนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่บังคับบัญชาการตำรวจ ต้องเป็นผู้แก้ปัญหาเรื่องนี้ พร้อมถามถ้าเป็นแบบนี้จะตอบคำถามต่อสภาอย่างไร
ก่อนเดินทางกลับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำ ขณะนี้ตัวเองไม่ใช่ผู้ต้องหา เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา เพราะตราบใดที่ ป.ป.ช. ยังไม่มีการชี้มูลความผิด ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และยังมีคุณสมบัติที่จะเป็น ผบ.ตร.ได้ทุกอย่าง อีกทั้งตอนนี้ตัวเองยังถือว่าเป็น รอง ผบ.ตร.อันดับ 1อยู่