‘ปธ.สอบวินัย’ ไม่มั่นใจ ‘บิ๊กโจ๊ก’ หมดลุ้น ‘ผบ.ตร.’

29 เม.ย. 2567 - 07:14

  • ปธ.สอบวินัย ‘บิ๊กโจ๊ก’ รับไม่มั่นใจ ‘บิ๊กโจ๊ก’ หมดสิทธิ์ชิง ‘ผบ.ตร.’ ในฐานะแคนดิเดตอันดับ 1 หรือไม่ เหตุคดีอาญา-วินัยตร. ยังไม่สิ้นสุด และยังไม่ถูกให้ออกจากราชการอย่างเด็ดขาด

  • รับกระบวนการสอบวินัยต้องใช้เวลาอาจไม่เสร็จไม่ทันก่อนเกษียณ แต่ขอให้มั่นใจมีคณะทำงานพร้อมรับช่วงต่อ ยันไม่ใช่การโยนเผือกร้อน

  • ขอให้มั่นใจผลสอบไม่มีใครชี้นำได้ เผยเรียก ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับพวกมารับทราบข้อกล่าวหา 7 พ.ค.นี้

surachate-sarawut-srettha-police-SPACEBAR-Hero.jpg

ชะตากรรมของ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยังคงเป็นที่น่าติดตามว่า ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ยังมีลุ้นขึ้นเป็น ‘ผบ.ตร.’ หรือไม่ ท่ามกลางอุปสรรคทั้งเรื่องคดีอาญาและเรื่องวินัยตำรวจที่ยังเป็นชะงักติดหลังอยู่ 

ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัยกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกรวม 5 คน ถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัยร้ายแรง จากปมเอี่ยวเว็บพนัน ได้เรียกคณะกรรมการฯ มาหารือเรื่องกรอบการทำงาน 

โดยการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมครั้งแรก หลัง ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์’ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ขณะที่ก่อนหน้า ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ เคยยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้ง คกก. บางคน เนื่องจากบุคคลดังกล่าว เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับตัวเองมาก่อน จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

surachate-sarawut-srettha-police-SPACEBAR-Photo01.jpg

ประเด็นนี้ ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ ให้ความมั่นใจว่า ตัวเองในฐานะหัวหน้าคณะทำงานและกรรมการชุดนี้ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีใครมาชี้นำได้ แม้ตัวเองและ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ จะเป็นพี่น้องร่วมสถาบันกัน เคยทำงานร่วมกันมาก่อน แต่ขอให้มั่นใจว่าความเป็นพี่น้องนี้ ไม่มีผลต่อการตรวจสอบ 

ส่วน 1 ใน คกก. ที่ถูก ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ กังขา อยู่ในดุลพินิจของ ‘พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ’ หากพิจารณาแล้วว่ากรรมการคนดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบเรื่องนี้ กรรมการคนดังกล่าวจะยังคงทำหน้าที่ต่อไป และหาก ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ไม่พอใจ สามารถร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อได้  

ส่วนแนวทางและกรอบเวลาการตรวจสอบเรื่องนี้ ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ อธิบายว่า กฎของ ก.ตร. กำหนดไว้ระยะเวลาไว้ 15 วัน นับจากวันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคือวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา 

ดังนั้น ทั้ง 5 คน ต้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 7 พ.ค.นี้ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งหนังสือแจ้งให้บุคคลทั้ง 5 รับทราบ ผ่านทางไปรษณีย์ แต่หากบุคคลที่ถูกเรียกติดธุระไม่สามารถเดินมาได้ สามารถส่งหนังสือขอเลื่อนนัดได้

surachate-sarawut-srettha-police-SPACEBAR-Photo02.jpg

จากนั้น คณะกรรมการจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง มีกรอบระยะเวลา ไม่เกิน 270 วัน

‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ ยอมรับ การตรวจสอบเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก เพราะมีข้อมูลและหลักฐานจำนวนมากที่ต้องตรวจสอบ ยอมรับ คกก. ชุดนี้ อาจเสร็จไม่ทันก่อนตัวเองเกษียณในช่วงเดือนกันยายนนี้ และหากตรวจสอบเสร็จไม่ทัน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งต่อให้ คกก. ชุดต่อไปที่เข้ามาแทนดูแลต่อ ยันไม่ใช่การโยนเผือกร้อน

surachate-sarawut-srettha-police-SPACEBAR-Photo03.jpg

นอกจากนี้ ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ ยังยอมรับ รู้สึกตกใจที่ถูก รักษาการแทน ผบ.ตร. เลือกให้เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพราะตัวเองใกล้จะเกษียณแล้ว แต่อาจเป็นเพราะตัวเองเป็นกลาง และน่าจะเพราะมีความจำเป็นจริงๆ จึงให้มารับผิดชอบ ยืนยันไม่ได้มีการพูดคุยหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ 

รวมถึงยังไม่มีการพูดคุยกับ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ เป็นการส่วนตัว พร้อมประกาศว่าตัวเองพร้อมคุยกับทุกคนที่ติดต่อมา เพราะถือเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ยังมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อันดับ1อยู่หรือไม่ ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ ยอมรับตอบไม่ได้ เนื่องจากการตรวจสอบทางวินัยและอาญายังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงขณะนี่ยังไม่ถือว่าออกจากราชการแล้ว 100% เนื่องขั้นตอนยังไม่ครบถ้วน

ส่วนในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) ที่ ‘นายกรัฐมนตรี’ จะเดินทางมาประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งนายพล ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ บอกว่าคงไม่มีการพูดคุยกับนายกฯ เรื่องการตรวจสอบวินัย ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์