หากนักข่าวติดใจ ‘ตำรวจข่มขู่' แจ้งความได้เลย

12 ก.ย. 2566 - 08:09

  • ‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยความคืบหน้าคดีกำนันนก

  • ย้ำหากนักข่าวติดใจ ถูก’ผกก.พญาไท’ ข่มขู่ สามารถแจ้งความได้เลย

Surachet_Interview_case_a_journalist_is_threatened_by_the_police_SPACEBAR_Thumbnail_aabb21f67e.jpeg
12 กันยายน 2566 ‘พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี ‘ยิงสารวัตรแบงค์’ โดยจากการสืบสวนสอบสวน พบว่าขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนแล้วว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นายและพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นายถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน  

ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ถึงจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนอย่างแน่นอน  
ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบในสำนวน หากเผยแพร่ออกไปมากทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 
 
ทั้งนี้ ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่นๆที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาค 7 รวมถึงเรื่องเว็บพนันออนไลน์ที่กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน  
 
สำหรับกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจ ทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วย ตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน ขณะเดียวกันกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย 
 
ทั้งที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้กล่าวถึงกรณ๊คลิปเสียงนักข่าวสนทนา ผู้กำกับสน.พญาไท ที่มีการข่มขู่ผู้สื่อข่าวเชื่อ ส่วนตัวเชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าวยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาค 7 เชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ 
 
“เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็ดหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที” 
 
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมด ยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้น ที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้  และหากพบว่า ตำรวจรายใดมีความเครียด ก็จะให้ผู้บงคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง และให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ และมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอย ‘ผู้กำกับเบิ้ม’ 
 
อย่างไรก็ดี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้ ‘ชาดา ไทยเศรษฐ์’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกัน โดยชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์