ไทยกับตำแหน่ง Low Risk ในสายตา EU ก้าวใหม่ของเกษตรไทยบนเวทีโลกสีเขียว

9 มิ.ย. 2568 - 02:58

  • ไทยถูกจัดอันดับประเทศความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk) ด้านการตัดไม้ทำลายป่าภายใต้มาตรการ EUDR ของสหภาพยุโรป

  • ภายใต้กฎใหม่ EUDR เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยลดต้นทุน ลดการตรวจสอบเอกสาร และเสริมความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาด EU

ไทยกับตำแหน่ง Low Risk ในสายตา EU ก้าวใหม่ของเกษตรไทยบนเวทีโลกสีเขียว

การส่งออกสินค้าเกษตรในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้วัดกันที่ปริมาณการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องลงลึกถึง “ที่มา” และ “ผลกระทบ” ที่มีต่อโลกแบบตรวจสอบย้อนกลับได้ สหภาพยุโรป (EU) พร้อมชูธงมาตรการคัดกรองสินค้านำเข้าอย่างเข้มข้นภายใต้กฎระเบียบ EUDR หรือ EU Deforestation Regulation ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบตั้งแต่ 30 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าให้การค้าระหว่างประเทศไม่เป็นต้นเหตุของการตัดไม้ทำลายป่า


ท่ามกลางความตื่นตัวของผู้ผลิตทั่วโลก ข่าวดีคือประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ใน กลุ่มประเทศ “ความเสี่ยงต่ำ” (Low-Risk Country) จากการประเมินของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ไม่เพียงแต่เปิดทางให้การส่งออกสินค้าเกษตรไทยเข้าสู่ยุโรปได้ง่ายขึ้น แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศในด้าน “ความยั่งยืน” ที่จับต้องได้


ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 


“การได้รับการจัดอันดับดังกล่าว เป็นผลจากการที่กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการตื่นตัว และเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EUDR ได้ง่ายขึ้น”


ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว


EUDR คืออะไร?

EUDR คือข้อบังคับของสหภาพยุโรปว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการทำลายป่า ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำลายป่าหรือป่าเสื่อมโทรม

 

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (European Union: EU) ได้ประกาศรายชื่อประเทศที่ถูกจัดในระบบ Benchmarking หรือ Country Classification List ซึ่งเป็นการประกาศรายชื่อประเทศตามระดับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าที่อาจเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า ภายใต้มาตรการสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (Deforestation-free Products Regulation: EUDR) ซึ่งแบ่งออกเป็น ระดับ 3 กลุ่มคือ

  1. กลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk Country)
  2. กลุ่มประเทศความเสี่ยงปานกลาง (Standard-Risk Country)
  3. กลุ่มประเทศความเสี่ยงสูง (High-Risk Country)

โดยล่าสุด ไทย สิงค์โปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว และบรูไน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk Country) กล่าวคือ สินค้าที่ส่งออกจากประเทศ Low-Risk ไปยัง EU จะมีขั้นตอนในการยื่นข้อมูล เอกสาร หรือการตรวจสอบย้อนกลับถึงพื้นที่ที่ใช้สำหรับการเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยววัตถุดิบให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ EU กำหนด ที่เข้มงวดน้อยกว่ากลุ่มประเทศ Standard-Risk เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และกลุ่มประเทศ High-Risk เช่น เมียนมา เป็นต้น


sustainability-thailand-low-risk-country-SPACEBAR-Photo01.jpg

ทั้งนี้ มาตรการ EUDR มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงรับมือการแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่าทั่วโลก ทั้งที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าที่ผิดกฎหมาย และจากการขยายตัวทางการเกษตร ครอบคลุมสินค้าทั้งหมด 7 รายการ ได้แก่ วัว ไม้ ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง กาแฟ โกโก้ และยางพารา รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าดังกล่าว ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องตรวจสอบย้อนกลับ ตามกลุ่มประเทศความเสี่ยงดังกล่าว โดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่จะต้องแสดงรายงานดังกล่าวให้กับหน่วยงานของ EU ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และรายย่อย (SMEs) จะต้องแสดงรายงานตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2569 เป็นต้นไป


“การที่ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศ Low-Risk ภายใต้ EUDR ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนด้านการตรวจสอบเอกสาร และเสริมความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาด EU”


นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าว

 


sustainability-thailand-low-risk-country-SPACEBAR-Photo02.jpg

โอกาสทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

ข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่าในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้า EUDR ไปตลาดโลก 10,998.03 ล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าการส่งออกสินค้า EUDR ไปตลาด EU 694.12 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 6.31 % ของสินค้า EUDR จากไทยไปโลก การที่ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศ Low-Risk ภายใต้ EUDR ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนด้านการตรวจสอบเอกสารและเสริมความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาด EU ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถวางแผนธุรกิจและขยายตลาดได้อย่างมีเสถียรภาพ

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือการที่การเกษตรไทยกำลังถูกขับเคลื่อนไปสู่ทิศทางที่ “สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม” และ “เคารพสิทธิมนุษยชน” มากขึ้น องค์กรระหว่างประเทศกำลังจับตามองและให้การยอมรับในแนวทางการพัฒนาของเรา

  

จาก Compliance สู่ Leadership

ก้าวต่อไปของเกษตรกรรมไทย คือจากการปรับตัวสู่การเป็นผู้นำ วันนี้การผ่านมาตรฐาน EUDR ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย แต่ควรใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับภาคเกษตรไทยไปสู่ เกษตรยั่งยืน (Sustainable Agriculture) การใช้เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability Systems) และ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใส (Transparent Supply Chain) เพื่อให้ไทยสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดการทำลายป่าในระดับภูมิภาค และต่อยอดสู่ตลาดคุณภาพสูงอื่นๆ นอกเหนือจาก EU เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ หรือแคนาดา ที่เริ่มเข้มงวดเรื่องสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

ในยุคแห่งการปรับตัว “การทำเกษตรแบบเดิม” อาจไม่เพียงพอ การเป็น “ประเทศที่ผลิตอาหาร” อย่างยั่งยืน จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายภาครัฐและเอกชน ทั้งเพื่อให้ได้ใบอนุญาตส่งออก และเพื่ออนาคตที่ดีกว่าทั้งสำหรับโลกและเกษตรกร  แม้ไทยจะเคยถูกมองว่าอาจเป็นผู้ล้าหลังในเวทีสิ่งแวดล้อม วันนี้เรากลับได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในฐานะ “ประเทศความเสี่ยงต่ำ” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การเกษตรไทย 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยสามารถวางแผนส่งออกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้โอกาสนี้ในการขยายตลาดให้เติบโตต่อเนื่องต่อไป โดยสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Country Classification List หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มงานบริหารสินค้าสองทาง กองบริหารสินค้าข้อตกลงและมาตรการการค้า โทร. 02 528 7500-29 ต่อ 4710 หรือสายด่วน 1385

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์