Soft Power ไทย ในสายตา ‘นทท.จีน’ = ตำรวจ?

6 ธ.ค. 2566 - 08:19

  • Soft Power ไทย ในสายตานทท.จีน = ตำรวจ? สเปซบาร์ชวนวิพากษ์เรื่องนี้กับ ‘พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร’ เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

  • ภาพลักษณ์ของ ‘ตำรวจไทย’ ในสายตาชาวจีน เป็นอาชีพที่มีอิทธิพลมาก แต่ไม่ได้เข้มแข็งหรือน่ากลัวอะไร มีเงินก็ซื้อบริการได้

  • อุปสรรคในการปฎิรูปตำรวจอาจอยู่ที่ ‘นายกฯ’ ที่มองว่าควรแก้ปัญหาไปทีละเรื่อง

  • ‘ฟรีวีซ่าให้นทท.จีน’ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ขาดการประเมินผลกระทบด้านลบ?

thai-soft-power-in-the-eyes-of-chinese-tourists-is-the-police-SPACEBAR-Hero.jpg

‘ตำรวจไทย’ ดูเหมือนจะกลายเป็น ‘Soft Power’ (ซอฟต์พาวเวอร์) ที่ช่วยดึงดูด ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ให้เข้าประเทศมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่อันน่าตื่นเต้นที่หาไม่ได้จากประเทศตัวเองหรือประเทศอื่นในโลกนี้อีกแล้ว เพราะตำรวจไทยใจดีมี ‘Service Mind’ (บริการด้วยใจ) ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวให้รู้สึกประทับใจไม่รู้จบ 

อย่างล่าสุดกับกรณีที่ ‘เพจลุยจีน’ ซึ่งเป็นเพจที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของคนจีน ได้โพสต์เรื่องราวของ ‘ตำรวจไทยนายหนึ่ง’ ที่ยอมให้นักท่องเที่ยวชายชาวจีนใส่ชุดตำรวจของตัวเองถ่ายคลิปทำคอนเทนต์บริเวณหน้าสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี พร้อมกับขับรถรับส่งนักท่องเที่ยวชายชาวจีนรายนี้ โดยเพจดังกล่าวยังระบุข้อความที่ชวนหัวเราะระคนอนาถใจด้วยมุกตลกร้ายๆ ว่า “Soft Power ไทยสำหรับ นทท.จีน = ชุดตำรวจไทย”

นอจากนี้ ‘เพจลุยจีน’ ยังตั้งข้อสังเกตว่านักท่องเที่ยวชายชาวจีนคนดังกล่าว น่าจะทำคอนเทนต์สวมชุดตำรวจเพื่อสร้างบารมีให้กับตัวเอง เนื่องจากนักท่องเที่ยวคนนี้มักทำคอนเทนต์ใน Douyin(Tiktok จีน) เกี่ยวกับการเที่ยวการเที่ยวกลางคืน และการทำธุรกิจจัดทัวร์ในญี่ปุ่นแบบ VIP อีกทั้งนักธุรกิจจีนที่อยู่ในไทย ล้วนรู้ดีว่าเจ้าหน้าที่รัฐของไทยมี ‘บริการพิเศษ’ ที่นอกจากทำแล้วได้บารมี ยังได้คอนเนคชั่นด้วย

View post on Facebook

แม้ต่อมา ‘ร.ต.อ.จำรูญ ไชยศรี’ รองสารวัตรฝ่ายควบคุมการฝึก ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง กองบัญชาการศึกษา ซึ่งเป็นนายตำรวจคนดังกล่าวจะชี้แจงต่อต้นสังกัดว่า ในวันดังกล่าวนักท่องเที่ยวชายชาวจีนได้เข้ามาเที่ยวที่ศูนย์กีฬาด้านในสโมสรตำรวจ แต่พอถึงช่วงเย็นเมื่อศูนย์กีฬาปิด เขาเห็นว่านักท่องเที่ยวคนนี้ไม่มีรถส่วนตัว จึงอาสามาส่งที่บริเวณด้านหน้าสโมสรตำรวจ เพื่อให้สะดวกต่อการเรียกรถต่อ จากนั้นนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้เห็นเครื่องแบบตำรวจที่แขวนอยู่ในรถ แล้วบอกว่าชอบมาก อยากขอถ่ายรูปด้วยซึ่งเขาก็ให้ยืมใส่ เพราะไม่ได้คิดอะไร เป็นการให้บริการแบบ ‘Service Mind’ พร้อมยืนยันไม่ได้ดูแลนักท่องเที่ยวแบบ VIP เพื่อเรียกรับเงินแน่นอน

ส่วนประเด็นที่ให้คนอื่นใส่เครื่องแบบตำรวจซึ่งเข้าข่ายความผิดทางอาญา ‘พ.ต.ต.สมพร สัจพจน์’ รองผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะโฆษกกองบัญขาการศึกษา เปิดเผยว่าได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว คาดใช้เวลา 15-30 วัน ถึงจะทราบผล โดยเรื่องนี้ต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก

Untitled design (18).png
Photo: พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสเปซบาร์ได้พูดคุยเพิ่มเติมกับ ‘พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร’ เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดย ‘พ.ต.อ.วิรุตม์’ มองว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนรายนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ เนื่องจาก ‘ใส่แค่เสื้อที่มีเครื่องหมาย’ น่าจะยังไม่เข้าข่ายนิยามคำว่า ‘เครื่องแบบตำรวจ’ ตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย 

รวมทั้งมองว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าว ไม่มีเจตนาทำให้คนเข้าใจว่าเป็นตำรวจ หรือทำให้เกิดการดูหมิ่นเกลียดชังหรือเสื่อมเสียต่อราชการตำรวจ แต่การที่ตำรวจคนดังกล่าวยอมให้นักท้องเที่ยวจีนเอาเสื้อที่เป็นเครื่องแบบของตัวเองไปใส่ถือเป็นความผิดวินัย ‘กระทำการอันไม่สมควร’

เรื่องที่เกิดขึ้น ‘พ.ต.อ.วิรุตม์’ ยังมองว่าเป็นสะท้อนภาพลักษณ์ของตำรวจไทยในสายตาชาวจีน ที่มองว่าตำรวจไทยเป็นอาชีพที่มีอิทธิพลมาก แต่ไม่ได้เข้มแข็งหรือน่ากลัวอะไร มีเงินก็ซื้อบริการได้ ใช้ให้ทำอะไรก็ได้ วิ่งเต้นคดีก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต่างจากกรณีที่สาวจีนใช้เงินจ้างตำรวจไทยขับรถเปิดไฟฉุกเฉินนำขบวนจากสุวรรณภูมิไปพัทยาอย่างที่ปรากฎเป็นข่าวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

“เขาอยู่ประเทศเขาทำแบบนี้ไม่ได้หรอก เอาเครื่องแบบมาเเต่งเล่นๆ ทำไม่ได้ แต่พอมาประเทศไทยทำแบบนี้ได้ก็สร้างความตื่นเต้น เจตนาเขาคงคิดว่าโก้เก๋ เขาคงทำแบบนี้ในประเทศไหนในโลกไม่ได้ แต่เขาทำในประเทศไทยได้ มันสะท้อนความอ่อนแอ่ของตำรวจไทย พอเขามาประเทศไทย เขาก็อยากทดลองว่าตำรวจไทยเป็นอย่างที่เล่าลือกันในประเทศจีนไหม”

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าว

สำหรับแนวทางการแก้ปัญหานี้ ‘พ.ต.อ.วิรุตม์’ มองว่ามีทางเดียวคือต้องปฎิรูปตำรวจอย่างจริงและทำให้เห็นว่าตำรวจไทยใช้เงินซื้อไม่ได้ แต่ปัญหาอาจอยู่ที่มุมมองของ ‘นายกรัฐมนตรี’ ที่เคยพูดทำนองว่าจะแก้ปัญหาไปที่ละเรื่อง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนเดิมบ่อยๆ ย่อมสะท้อนว่ามันเกิดจากปัญหาเชิงระบบและโครงสร้าง หรือแม้แต่การที่ ‘น.ช.ทักษิณ ชินวัตร’ ไม่ถูกดำเนินคดีในคุกแบบนี้ ก็มองว่าหากเป็นประเทศอื่นคงทำไม่ได้

นอกจากนี้ ‘พ.ต.อ.วิรุตม์’ ยังมองว่าการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น แต่จำนวนที่มากขึ้นอาจทำให้คุณภาพของนักท่องเที่ยวบางส่วนมีปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ดูขัดกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการหาเงินจากนักเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศอย่างเดียว แต่ไม่เคยประเมินถึงผลกระทบด้านลบที่ตามมาเลย

“เป็นอะไรที่ขัดกันอยู่แล้ว เราจะไปคัดกรองก็ทำให้ปริมาณน้อยลง แต่ถ้าไม่คัดกรองก็จะมีนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาเข้ามา มันไม่มีใครประเมินว่าผลกระทบด้านลบมันเกิดขึ้นแค่ไหน ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรม คนจีนมาเที่ยวผู้หญิง อย่างพัทยาฝรั่งก็มาเที่ยวซ่องโสเภณี ประเทศไทยมันเป็นดินแดนโสเภณีของโลกนะ ปัญหาของประเทศเรา คือไม่ยอมรับปัญหา พอไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหาก็แแก้อะไรไม่ได้สักอย่าง”

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์