‘กบ-อ๊อฟ’ โผล่กองปราบฯ แสดงตัวเป็นผู้เสียหายดิไอคอน

15 ต.ค. 2567 - 07:59

  • ‘อ๊อฟ ศุภณัฐ’ โผล่กองปราบฯ แสดงตัวเป็นผู้เสียหายดิไอคอน ยันไม่ได้เป็นบอส

  • ‘กบ ไมโคร’ ยันเป็นผู้เสียหาย ยอมรับเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ไม่รู้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ ถ้ารู้คงไม่ลงทุนด้วย

the-icon-group-15-oct-2024-part4-SPACEBAR-Hero.jpg

ความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียหายจำนวนมาก ออกมาแสดงตัวเป็นผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนกับ ดิ ไอคอน กรุ๊ป และร่วมตัวกันเข้าแจ้งความเอาผิดผู้บริหาร ดิ ไอคอน ในคดีความผิดฉ้อโกง ที่กองบังคับการปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง 

หนึ่งในผู้เสียหายที่เดินทางมาแจ้งความวันนี้ (15 ต.ค.) คือ อ๊อฟ ศุภณัฐ หรือ อ๊อฟ AF2 ที่ได้พาคุณแม่มาแสดงตัวเป็นผู้เสียหายจากการถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าว

อ๊อฟ ศุภณัฐ เปิดเผยว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ตัวเองว่างงาน ระหว่างนั้นแม่อยากช่วยหารายได้ให้อีกทาง โดยตอนแรกไม่รู้ว่าแม่จะทำธุรกิจอะไร มารู้ที่หลังว่าแม่ไปเข้าคอร์สเรียนกับบริษัทดังกล่าวแล้ว ซึ่งช่วงแรกที่เข้าไปพบว่าการตลาดเป็นรูปแบบหนึ่ง แต่หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายพบว่าเป็นอีกแบบ คือช่วงโควิดทุกอย่างเป็นออนไลน์ทั้งหมด แต่หลังโควิดมีการชักชวนให้ไปร่วมงานนอกสถานที่มากขึ้น 

โดยแม่ลงทุนในระดับดีลเลอร์ เปิดบิลไป 250,000 บาท ส่วนตัวของ อ๊อฟ ศุภณัฐ ได้เข้ามาร่วมลงทุนด้วยในฐานะลูกทีมของแม่ รวมความเสียหายที่เสียไปกับบริษัทนี้ประมาณ 1,000,000 บาท แบ่งเป็นของแม่ประมาณ 700,000 บาท และของตัวเองประมาณ 300,000 บาท 

ส่วนสินค้าที่ซื้อมา อ๊อฟ ศุภณัฐ ยอมรับว่าขายไม่ได้ แต่ในเรื่องคุณภาพส่วนตัวมองว่าดีเพราะเขากับแม่ชอบกินกาแฟอยู่แล้ว และส่วนตัวไม่เคยชักชวนใครมาร่วมลงทุนด้วย ส่วนแม่ทราบว่าไปชักชวนให้ญาติมาร่วมลงทุนด้วยประมาณ 8-10 คน คนละ 250,000 บาท โดยข้อมูลทั้งหมดจะนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ด้วย 

นอกจากนี้ อ๊อฟ ศุภณัฐ ยังยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้เป็นบอส หรือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทนี้แต่อย่างใด หลังมีภาพโปสเตอร์ปรากฎว่าตัวเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหาร ย้ำว่าไม่เคยไม่ทราบข้อมูลมาก่อน และเป็นการนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

  • ‘กบ ไมโคร’ ยันเป็นผู้เสียหาย ยอมรับเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ไม่รู้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ ถ้ารู้คงไม่ลงทุนด้วย

อีกศิลปินดังที่เข้ามาแจ้งความวันนี้ คือ กบ ไมโคร โดยเขาชี้แจงกรณีมีภาพปรากฎว่าได้ขึ้นไปร่วมเวที ดิ ไอคอน แล้วมีการพูดในลักษณะชักชวนให้มาร่วมลงทุน จนทำให้สังคมมองว่าตัวเองเป็นหนึ่งในแม่ข่ายว่า คลิปที่หลุดออกมา เกิดขึ้นหลังตัวเองเข้าร่วมเครือข่ายธุรกิจนี้ประมาณ 4-5 เดือน เนื้อหาที่พูดเป็นการเล่าถึงที่มาที่ไปของการขายของออนไลน์เท่านั้น เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ ไม่มีการจ้างหรือรับเงินใดๆ 

ส่วนสาเหตุที่ทําให้ร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ เพราะเชื่อมั่นในตัวเลขผลประกอบการของบริษัทที่มียอดขาย

4,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี 

ส่วนที่มีภาพปรากฎว่าไปท่องเที่ยวทริปฝรั่งเศส กบ ไมโคร ชี้แจงว่าเป็นทริปโปรโมชั่นสําหรับ 10 ดิวเลอร์ ซึ่งผมเปิดไว้ 5 ดีลเลอร์ ภรรยา 2 ดีลเลอร์ และคนในบ้าน 3 ดีลเลอร์ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท

เมื่อถามว่าเปิด 10 ดิวเลอร์ ได้กําไรบ้างหรือไม่ กบ ไมโคร ยอมรับว่า ช่วงแรกขายพอได้ แต่ช่วงหลังขายได้เฉพาะกับคนที่รู้จัก นอกนั้นขายไม่ได้เลย และพอสินค้าใกล้หมดอายุก็เริ่มลดราคา แต่ก็ขายไม่ได้จนถึงขั้นต้องนําไปถวายพระหรือให้คนรู้จักแทน 

นอกจากนี้ กบ ไมโคร ยังยอมรับว่า ตัวเองเป็นแม่ทีมในบริษัทดังกล่าวได้ประมาณ 1 ปี แต่ตอนที่ทําธุรกิจไม่มี

คําว่าแม่ทีมด้วยซ้ํา รู้ค่ว่าเป็นธุรกิจแบบแฟรนไชส์ หลังมาร่วมธุรกิจก็ได้มีคนที่รักผมมาร่วมเปิดบิลทั้งหมด 8 ดีลเลอร์มีลักษณะการทํางานแบบ ไม่เถียง ไม่ถาม ทําตามอย่างเดียว เมื่อดีลเลอร์สั่งอะไรออกมาเราก็ต้องทําตามที่เขาสั่ง เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด

ส่วนสาเหตุที่ออกจากธุรกิจนี้ เป็นเพราะทั้ง 8 คนที่ตามมา ไม่สามารถขายของได้ ทั้งที่ทุกคนพยายามอย่างสุดความสามารถในทุกช่องทางในการขายสินค้าจึงตัดสินใจออกจากธุรกิจนี้ ในช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ปี 66 หลังออกมาก็ได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้ิอย่างจริงจัง ทำให้พบว่าบริษัทนี้มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ยืนยันไม่รู้ว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หากรู้ก่อนคงไม่ร่วมลงทุนด้วย 

กบ ไมโคร ยังเล่าว่า บริษัท ดิ ไอคอน มีปัญหามานานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าที่จะออกมาพูด เนื่องจากคนที่พูดก็จะ

ถูกฟ้องร้องกลับ มีคนที่ถูกฟ้องและเรื่องอยู่ในชั้นศาลแล้วหลายคน และหลายคนยังมีสถานะเป็นผู้เสียหายเหมือนกัน 

เมื่อถามว่าเคยเจอบิ๊กบอสในบริษัท ดิ ไอคอน หรือไม่ กบ ไมโคร เล่าว่า บิ๊กบอสมีเพียงคนเดียว คือ

บอสพอล แต่จะมีบอสรองลงมาอีก 10 คน และส่วนตัวเพิ่งรู้ว่าเป็นธุรกิจแบบเครือข่าย เพราะตอนแรกคิดว่า

เป็นธุรกิจแบบออนไลน์เท่านั้น

ส่วนลูกทีมของ กบ ไมโคร ทั้ง 8 คน ได้มอบอํานาจให้ กบ ไมโคร ดำเนินการแจ้งความกับ บริษัท ดิ ไอคอน และผู้บริหาร โดยหวังจะได้รับเงินคืน แต่ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้อยากได้เงินคืน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์