ที่ สน.ห้วยขวาง พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้เดินทางมาที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม เพื่อร่วมประชุมและสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจรายบุคคล เกี่ยวกับประเด็นที่นักแสดงสาวชาวไต้หวัน Charlene An (‘อันหยูชิง’ หรือ ‘ชาร์ลีน อัน’) อ้างว่าถูกตำรวจไถเงิน จำนวน 27,000 บาท เมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยหลังใช้เวลาประชุมและสอบถามข้อมูลประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.สำเริง ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าจากการสอบถามตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวทั้ง 7 นาย ทุกนายยืนยันว่าไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์จากนักแสดงสาวชาวไต้หวันอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่ามีการโต้เถียงกันจริง เนื่องจากตำรวจได้ขอดูหนังสือเดินทางของนักแสดงสาวและเพื่อนชายอีก 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกัน แต่นักแสดงสาวคนดังกล่าวมีอาการมึนเมา อ้างว่าไม่ได้นำหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย โดยบอกว่าจะให้เพื่อนนำหนังสือเดินทางมาให้ แต่เนื่องจากการสื่อสารและภาษาที่ใช้ของตำรวจไม่แข็งแรง จึงสื่อสารกันไม่เข้าใจกัน ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวใกล้เวลายกเลิกจุดตรวจเคลื่อนที่ จึงให้นักแสดงสาวกับพวกกลับไปก่อน เพราะหัวหน้าชุดจุดตรวจประเมินแล้วว่าไม่น่าจะเป็นบุคคลที่เป็นภัยหรือเป็นอันตราย
ส่วนกรณีที่พบบุหรี่ไฟฟ้าในตัวนักแสดงสาว ตำรวจไม่ได้มีการจับปรับ แต่ได้อธิบายว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตามกฎหมายของประเทศไทย อาจทำให้นักแสดงสาวเข้าใจผิดว่าเธออาจถูกเรียกปรับจากการพกบุหรี่ไฟฟ้าได้
พล.ต.ต.สำเริง ยังยอมรับว่าการจะให้นักแสดงสาวคนดังกล่าวมาให้ข้อมูลคงเป็นไปได้ยาก เพราะขณะนี้เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่เบื้องต้นทราบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ เพื่อมาหักล้าง และยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ตามที่นักแสดงสาวอ้าง แต่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเบื้องต้นไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมรับเงิน
โดยหลังใช้เวลาประชุมและสอบถามข้อมูลประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.สำเริง ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าจากการสอบถามตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวทั้ง 7 นาย ทุกนายยืนยันว่าไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์จากนักแสดงสาวชาวไต้หวันอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่ามีการโต้เถียงกันจริง เนื่องจากตำรวจได้ขอดูหนังสือเดินทางของนักแสดงสาวและเพื่อนชายอีก 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกัน แต่นักแสดงสาวคนดังกล่าวมีอาการมึนเมา อ้างว่าไม่ได้นำหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย โดยบอกว่าจะให้เพื่อนนำหนังสือเดินทางมาให้ แต่เนื่องจากการสื่อสารและภาษาที่ใช้ของตำรวจไม่แข็งแรง จึงสื่อสารกันไม่เข้าใจกัน ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวใกล้เวลายกเลิกจุดตรวจเคลื่อนที่ จึงให้นักแสดงสาวกับพวกกลับไปก่อน เพราะหัวหน้าชุดจุดตรวจประเมินแล้วว่าไม่น่าจะเป็นบุคคลที่เป็นภัยหรือเป็นอันตราย
ส่วนกรณีที่พบบุหรี่ไฟฟ้าในตัวนักแสดงสาว ตำรวจไม่ได้มีการจับปรับ แต่ได้อธิบายว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตามกฎหมายของประเทศไทย อาจทำให้นักแสดงสาวเข้าใจผิดว่าเธออาจถูกเรียกปรับจากการพกบุหรี่ไฟฟ้าได้
พล.ต.ต.สำเริง ยังยอมรับว่าการจะให้นักแสดงสาวคนดังกล่าวมาให้ข้อมูลคงเป็นไปได้ยาก เพราะขณะนี้เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่เบื้องต้นทราบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ เพื่อมาหักล้าง และยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ตามที่นักแสดงสาวอ้าง แต่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเบื้องต้นไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมรับเงิน