




กรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกเอกสารข่าวเปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบขออนุมัติทำการสืบสวน กรณีการประกอบธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 รวมทั้งความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 อันมีคดีมูลฐานจากข้อหาฉ้อโกงประชาชนที่พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีอยู่ และได้มีการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันในการสืบสวนและติดตามทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำความผิด เพื่อส่งมอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำหรับเป็นทรัพย์ในการเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย ซึ่งมีการดำเนินการมาโดยต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ติดต่อประสานแหล่งข่าวซึ่งชี้ช่องเบาะแสที่ซ่อนทรัพย์สินของกลุ่มผู้บริหารบริษัทดิไอคอนฯ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ พบว่ามีบอสฯ นำทรัพย์สินมาซุกซ่อนเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนถูกจับกุมไม่นาน จึงได้มีการมอบหมายให้ ปริมณ์ สาริยา ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2 เป็นผู้บันทึกปากคำและเห็นว่ามีเหตุควรสงสัยตามคำให้การ จึงรายงานให้ พ.ต.ต.ยุทธนาฯ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน เพื่อทราบ
และเมื่อ (22 ต.ค.67) เวลา 14.00 น. ได้มอบหมาย ปริมณ์ฯ ไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายค้นห้องพักแห่งหนึ่งภายในซอยรามอินทรา 9 บางเขน กรุงเทพมหานคร ตามที่แหล่งข่าวแจ้งเบาะแสซึ่งอยู่ใกล้กับที่ตั้งของบริษัท ดิไอคอนฯ โดยรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีข้อสั่งการให้สนธิกำลังกับกองคดีการฟอกเงินทางอาญาและศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว
โดยมอบหมายให้ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ พ.ต.ต.ธฤตวัน วนาพัทธ์ รองผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และ วิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว อำนวยการตรวจค้น และควบคุมการปฏิบัติ
ผลการตรวจค้นเบื้องต้นพบทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรู จำนวนหลายสิบเรือน รวมทั้งสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทองที่มีมูลค่าอีกจำนวนหนึ่ง กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เนม เบื้องต้นมูลค่าหลายสิบล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดและซีนกล่องบรรจุของกลางร่วมกับเจ้าของสถานที่/ผู้นำการตรวจค้น นำส่งเก็บรักษาที่ส่วนควบคุมและเก็บรักษาของกลาง กองปฏิบัติการพิเศษ เพื่อนัดหมายผู้นำตรวจค้นมาตรวจนับสิ่งของโดยละเอียดต่อไป
ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้มาจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสว่าเห็นรถซูเปอร์คาร์สีเหลือง จดจำหมายเลขทะเบียนได้ชัดเจน และเห็น ‘บอสพอล’ ลงจากรถมาดูห้องเช่าแห่งนี้ ก่อนที่วันต่อมา ‘บอสอ๊อฟ’ คนสนิท ‘บอสพอล’ จะมาติดต่อทำสัญญาและจ่ายเงินค่าเช่าห้อง และวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ขนย้ายทรัพย์สินจำนวนมาก ใส่กล้องลังขนาดใหญ่หลายกล่องมาไว้ที่ห้องเช่าแห่งนี้ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาที่ห้องนี้อีก ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการเช่าห้องเพื่อนำทรัพย์สินมาซุกซ่อน ไม่ใช่เพื่อการอยู่อาศัย
สำหรับของกลางทั้งหมดดีเอสไอได้ตรวจยึดไว้ และจะนำไปตรวจสอบ ก่อนที่จะแถลงสรุปผลการตรวจค้นอีกครั้งในวันที่ 24 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนท. สามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้จำนวนมาก เช่น นาฬิกาหรู 19 เรือน หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหรู Richard Mille RM 53-01 และ Richard Mille RM 35-02 ซึ่งทั้ง 2 เรือนนี้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่อง สร้อยคอทองคำ รองเท้า และ กระเป๋าแบรนด์เนม เป็นต้น