สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม วิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. โชว์ผลงานปราบยาเสพติด ในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 65 พบสามารถยึดทรัพย์สินคดียาเสพติดได้ 20,197 ล้านบาท และสามารถนำเงินเข้ากองทุนยาเสพติดได้แล้ว 541 ล้านบาท
โดย เครือข่ายของตู้ห่าว หรือ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ พบว่ามีผู้ต้องหาทั้งหมด 37 ราย ตอนนี้จับกุมได้แล้ว 17 ราย อยู่ระหว่างการหลบหนี 20 ราย สามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้แล้ว ประมาณ 5,344 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินที่เสนอให้ยึดอายัดเพิ่มเติม เป็นรถบัสโดยสาร 262 คัน และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ารวมประมาณ 216 ล้านบาท และอยู่ระหว่างกลั่นกรองเพื่อเสนอยึดอายัดเพิ่มเติม 800 รายการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 8,560 ล้านบาท ซึ่งถ้าจำนวนนี้ เป็นเงินยาเสพติดทั้งหมด คนแจ้งเบาะแสอย่างเช่น ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่จะได้รางวัลนำจับ 5% แต่ชูวิทย์ ไม่ขอรับเงินส่วนนี้ โดยขอให้นำไปบริจาคให้สถานพยาบาล และผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดยาเสพติดแทน
ส่วนกรณีที่ หลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่ายังไม่ทราบรายละเอียด เพราะตนดูแลคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มาจากเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งคดีทรัพย์และคดีอาญาแยกกัน โดยตำรวจคงตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หากเป็นเรื่องทรัพย์เรายึดหมด ไม่มีนอกมีใน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีมาตรการเด็ดขาด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังบอกว่าตนเองตั้งใจทำให้บ้านเมืองปลอดยาเสพติด เพราะอีก 2 เดือน ภาระหน้าที่ของรัฐมนตรีหมดแล้ว และตนคงต้องไปลุยเรื่องเลือกตั้ง คงดูเรื่องนี้ต่อไม่ได้ จึงอยากสร้างบรรทัดฐานการทำงานในคดียาเสพติดทิ้งไว้ ซึ่งตนก็พยายามตั้ง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด (พาลีปราบยา) เพื่อให้ช่วยดูเรื่องนี้ต่อ
โดย เครือข่ายของตู้ห่าว หรือ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ พบว่ามีผู้ต้องหาทั้งหมด 37 ราย ตอนนี้จับกุมได้แล้ว 17 ราย อยู่ระหว่างการหลบหนี 20 ราย สามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้แล้ว ประมาณ 5,344 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินที่เสนอให้ยึดอายัดเพิ่มเติม เป็นรถบัสโดยสาร 262 คัน และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ารวมประมาณ 216 ล้านบาท และอยู่ระหว่างกลั่นกรองเพื่อเสนอยึดอายัดเพิ่มเติม 800 รายการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 8,560 ล้านบาท ซึ่งถ้าจำนวนนี้ เป็นเงินยาเสพติดทั้งหมด คนแจ้งเบาะแสอย่างเช่น ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่จะได้รางวัลนำจับ 5% แต่ชูวิทย์ ไม่ขอรับเงินส่วนนี้ โดยขอให้นำไปบริจาคให้สถานพยาบาล และผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดยาเสพติดแทน
ส่วนกรณีที่ หลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่ายังไม่ทราบรายละเอียด เพราะตนดูแลคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มาจากเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งคดีทรัพย์และคดีอาญาแยกกัน โดยตำรวจคงตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หากเป็นเรื่องทรัพย์เรายึดหมด ไม่มีนอกมีใน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีมาตรการเด็ดขาด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังบอกว่าตนเองตั้งใจทำให้บ้านเมืองปลอดยาเสพติด เพราะอีก 2 เดือน ภาระหน้าที่ของรัฐมนตรีหมดแล้ว และตนคงต้องไปลุยเรื่องเลือกตั้ง คงดูเรื่องนี้ต่อไม่ได้ จึงอยากสร้างบรรทัดฐานการทำงานในคดียาเสพติดทิ้งไว้ ซึ่งตนก็พยายามตั้ง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด (พาลีปราบยา) เพื่อให้ช่วยดูเรื่องนี้ต่อ