รัฐสภา (22 มกราคม 2568) วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันนกปรอดหัวโขน (นกกรงหัวจุก)“ก้าวที่กล้า สานฝันสู่เสรี” ที่บริเวณสนามหญ้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารรัฐสภา โดยมี สุรเทพ บุญญวัฒนวณิชย์ นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย กล่าวรายงาน และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานอย่างคับคั่ง
ประธานรัฐสภา กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า คุ้นเคยกับนกกรงหัวจุกมานาน ตั้งแต่ยังไม่มีการประกวด เคยมีโอกาสเลี้ยงสมัยที่ศึกษาในระดับประถม ความสวยงามของนกกรงหัวจุกเป็นเรื่องที่ดีงามมาก ถ้าสามารถที่จะมีการอนุญาตเพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุก อนุญาตให้ไม่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง การคุ้มครองโดยธรรมชาติกับการคุ้มครองโดยมนุษย์ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นนั้นแตกต่างกัน เชื่อว่าความสามารถของมนุษย์โดยเฉพาะคนไทย ที่มีความสามารถยอดเยี่ยมในการผสมนกเขาได้ดี สามารถที่จะเลือกให้นกเกิดเสียงดี มีราคาตัวละ 2 ล้านบาทได้

“เชื่อว่าถ้ามีการปลดล็อกนกกรงหัวจุก ไม่ใช่สัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เป็นสัตว์ป่าที่ได้รับการดูแลอย่างดี น่าจะเป็นประโยชน์และขยายพันธุ์ได้มากกว่าธรรมชาติ”

ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้สิ่งแวดล้อมทำลายธรรมชาติ อาหารของนกลดน้อยลงไป แต่ถ้ามนุษย์เลี้ยงสามารถจัดสรรอาหารได้ คนทำอาหารเลี้ยงนกร่ำรวยได้ เป็นอุตสาหกรรม เกิดตั้งแต่คนเพาะเลี้ยง คนทำกรงหากมีฝีมือ ก็สามารถขายได้ในราคาแพง เป็น Soft Power เป็นความชอบของคนที่ประเมินราคาไม่ได้ การจัดการแข่งขันครั้งแรกที่รัฐสภาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะสภาใครเสียงดีก็สามารถเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ทั้ง 500 ท่านในสภาต้องมีเสียงที่ดี เพราะเสียงที่ดีมาจากการเพาะพันธุ์ ฝึกฝน เสียงที่ดีก็พัฒนาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้
ประธานรัฐสภา กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นสภากับสมาคมร่วมมือกันได้เพราะต่างคนต่างใช้เสียงเช่นเดียวกัน การเพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกสามารถเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน ทั้งในรูปแบบธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดทั้งยังมีการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ และสร้างอาชีพให้แก่คนไทยในหลายพื้นที่อีกมากมาย
“รัฐสภายินดีสนับสนุนส่งเสริมร่วมมือกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการสานฝันสู่เสรี อนาคตที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงเทศกาลนกกรงหัวจุกแข่งขันกัน อยากส่งเสริมให้มีการแข่งขันทั่วประทศ มิใช่ภาคใต้อย่างเดียว”
ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมนกกรงหัวจุกพัฒนาครบวงจร เป็นการสร้างชื่อเสียง ให้กับคนเลี้ยง ครอบครัว และท้องถิ่น ตลอดจนระดับประเทศ การแข่งขันนกกรงหัวจุกครั้งนี้ สมาคมอนุรักษ์และเพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกแเห่งประเทศไทยจัดขึ้นโดยได้รับการผลักดันจากรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ให้ได้รับความร่วมมือจากรัฐสภา และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ ร่วมมือกันจัดการแข่งขันครั้งนี้ ในนามประธานรัฐสภา ขอขอบคุณทุกฝ่าย และขอชื่นชมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รัฐสภายินดีสนับสนุน มิว่าจะเป็นการออกกฎหมาย หรือสนับสนุนอื่นๆ เพราะ เป็นผลประโยชน์ของประชาชน


ทั้งนี้ ประธานรัฐสภา ได้มอบประกาศเกียรติคุณให้กับกรรมการผู้ตัดสินการแข่งขันนกกรงหัวจุก พร้อมทั้ง รับมอบของที่ระลึกจากนายกสมาคมอนุรักษ์และเพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย จากนั้นได้ร่วมเดินชมบูธนิทรรศการนกปรอดหัวโขนและสินค้า OTOP จากทุกภาคส่วน
สำหรับการแข่งขันดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 23 ม.ค. โดยสมาคมอนุรักษ์และเพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทยร่วมมือกับรัฐสภา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมการเลี้ยงนกปรอดหัวโซน และสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชน
รวมถึงสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุ์นกและธรรมชาติอันเป็นมรดกของชาติ ซึ่งจะมีการจัดเสวนาทางวิชาการ เพื่อศึกษาเป็นข้อมูลในการผลักดัน ถอดถอนบัญชีนกปรอดหัวโขน ลําดับที่ 576 ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และกฎหมายกําหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 2567