“ก้นทะเลเต็มไปด้วยหมึกยักษ์! ชาวประมงอังกฤษเฮรับโชคไม่คาดคิด จากการมาของหมึกทะเล” พาดหัวข่าวประเด็นสำคัญที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวต่างประเทศ แม้อ่านแวบแรกโดยสัญชาตญาณคนไทยสายแซบและสายเลือดนักชิมคงจะนึกถึง “น้ำจิ้มซีฟู้ด” แต่ถ้ามองลึกลงไป…ใต้ทะเล เราจะพบความผิดปกติบางอย่าง
จากกรณี “ปลาหมึกยักษ์” ที่กลายเป็นดาวเด่นแห่งท้องทะเลตะวันตกเฉียงใต้ของสหราชอาณาจักร ภายหลังจากจำนวนประชากรของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบริเวณชายฝั่งเดวอนและคอร์นวอลล์ในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา จนชาวประมงในท้องถิ่นสามารถจับหมึกได้วันละหลายสิบตัน
แม้ปรากฏการณ์นี้จะเป็นเสมือน “โชคทางเศรษฐกิจ” ในระยะสั้น แต่นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลต่างมองว่า นี่คือภาพสะท้อนของผลกระทบจากคลื่นความร้อนในทะเล (Marine Heatwave) ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี
ปรากฏการณ์โชคดี ที่มากับคลื่นความร้อนใต้ผิวน้ำ
รายงานจากชาวประมงในพื้นที่ระบุว่า อุณหภูมิน้ำทะเลรอบชายฝั่งเดวอนและคอร์นวอลล์เพิ่มขึ้นจากค่าปกติในฤดูใบไม้ผลิถึง 2–4 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยปรากฏการณ์นี้ทำให้หมึกทะเลซึ่งมักพบได้ในแถบน่านน้ำโมร็อกโกและมอริเตเนีย เคลื่อนตัวขึ้นเหนือมายังทะเลอังกฤษซึ่งอบอุ่นขึ้นกว่าที่เคย
แบร์รี ยัง ผู้อำนวยการบริหารของ Brixham Trawler Agents เปิดเผยว่า มีหมึกทะเลมากถึง 36 ตันเข้าสู่ตลาดในวันเดียว เทียบกับเพียง 200 กิโลกรัมในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาประมูลสูงถึง 8 ปอนด์ต่อกิโลกรัม โดย 70–80% ของปลาหมึกที่จับได้ถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะสเปน
หมึกทะเล: สัญญาณของระบบนิเวศที่เปลี่ยนไป
หมึกทะเลไม่เพียงเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างแปลกตา แต่ยังเป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่ปรับตัวเก่ง เติบโตเร็ว และฉลาดอย่างยิ่ง การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของหมึกสะท้อนถึงการตอบสนองของสัตว์ทะเลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ
คาร์ลี คอชชิอาร์ดี เจ้าหน้าที่จาก Devon Wildlife Trust กล่าวว่า หมึกทะเลเคยเพิ่มจำนวนมาแล้วในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงและกินระยะเวลานานกว่าปกติ โดยเธอย้ำว่า “เราอาจกำลังอยู่ในระลอกแรกของการเปลี่ยนแปลงระยะยาว หากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต”
นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากสเปนระบุว่า กว่าครึ่งของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทะเลในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เป็นผลโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผลกระทบซ้อนต่ออุตสาหกรรมประมง
แม้ชาวประมงที่จับหมึกจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ไม่ใช่ทุกกลุ่มในอุตสาหกรรมประมงจะพอใจกับสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะชาวประมงที่จับปูและกุ้งมังกร ซึ่งระบุว่าหมึกจำนวนมากได้เข้าไปในกับดักสัตว์เปลือกแข็งและกินสัตว์ในนั้นจนเสียหาย
หมึกทะเลมีสมอง 9 ก้อน หัวใจ 3 ดวง และมีจะงอยปากแข็งแรงที่สามารถเจาะกระดองสัตว์อื่นได้อย่างง่ายดาย พร้อมปล่อยเอนไซม์ย่อยสลายเนื้อก่อนดูดกิน การล่าของหมึกส่งผลให้ประชากรปูและกุ้งในบางพื้นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
ระบบจัดการทรัพยากรยังคงตามหลังการเปลี่ยนแปลง
ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการควบคุมหรือโควตาการจับหมึกทะเลอย่างเป็นทางการในสหราชอาณาจักร ทำให้ชาวประมงสามารถจับหมึกได้อย่างเสรี ซึ่งอาจนำไปสู่การจับเกินขนาดในอนาคต
หน่วยงานด้านประมงท้องถิ่น เช่น Devon and Severn Inshore Fisheries and Conservation Authority กำลังพิจารณาแนวทางการจัดการ เช่น การปรับขนาดช่องในกับดักสัตว์น้ำ หรือการพิจารณาโควตาการจับ หากปรากฏการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไปในระยะยาว
นักอนุรักษ์เตือนว่า หากไม่มีแผนบริหารจัดการที่ชัดเจน ความอุดมสมบูรณ์ในวันนี้อาจกลายเป็นปัญหาเชิงระบบในวันหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงเร็วและซับซ้อนเช่นทะเล
โอกาสทอง หรือคำเตือนสีเทา?
คลื่นหมึกในทะเลอังกฤษอาจดูเหมือนเป็นของขวัญจากธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริง มันอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในระบบนิเวศทะเลระดับโลก ในยุคที่อุณหภูมิน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
บทเรียนสำคัญจาก “มหกรรมหมึกทะเล” ในครั้งนี้ คือความจำเป็นเร่งด่วนในการวางแผนจัดการทรัพยากรทางทะเลให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และสร้างความมั่นคงระยะยาวให้กับอาชีพชาวประมง รวมถึงผู้บริโภคทั่วโลก