



เครือข่ายสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เข้าพบ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เพื่อหารือและมอบหลักฐานเกี่ยวกับ ‘ส่วยสติกเกอร์’ ก่อนส่งมอบข้อมูลให้ ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว’ รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และคณะทำงานของจเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบต่อไป
ก่อนการหารือ ‘อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง’ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ เปิดเผยว่าปัญหาสติกเกอร์ส่วยเป็นปัญหาที่มีมานานแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2539 และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เเม้จะเคยมีสื่อตีแผ่เรื่องนี้ไปแล้ว แต่ปัญหานี้ก็เเค่เงียบหายไปชั่วคราวแล้วกลับมาใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาสหพันธ์ฯ ได้พยายามร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขและมีแต่คำหลอกลวง ต่างจาก วิโรจน์ ที่แม้จะไม่เคยพูดคุยเป็นการส่วนตัวมาก่อน และยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแต่ก็นำเรื่องนี้มาเปิดเผยและเพียงไม่กี่วัน ก็สามารถเด้งผู้การทางหลวงได้ จึงอยากขอบคุณที่วิโรจน์ช่วยนำเสนอเรื่องนี้ พร้อมเปรียบเปรยในทำนองว่า “เราพบแสดงสีส้มที่ปลายอุโมงค์แล้วครับ และตอนนี้ฝนกำลังจะตกชะล้างสิ่งสกปรกในประเทศไทยแล้ว” ส่วนจะแก้ปัญหาได้ทั้งระบบหรือไม่ คิดว่าอยู่ที่คนทำงานว่ามีความตั้งใจแค่ไหน แต่ปัญหานี้มีมานานแล้วคิดว่าคงต้องใช้เวลา
‘อภิชาติ’ ยังอธิบายถึงลักษณะการเรียกรับส่วยสติกเกอร์ในช่วงที่ผ่านมาว่าจะมีตำรวจระดับนายสิบ เรียกรถบรรทุกให้จอด แล้วส่งเบอร์โทรศัพท์มาให้คนขับ โดยบอกว่าให้โทรไปเคลียร์กับเจ้านาย ถ้าไม่ทำตามจะถูกจ้องตรวจเป็นพิเศษและยังถูกยัดความผิดอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งราคาส่วยสติกเกอร์มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นที่เป็นระดับพรีเมียม สามารถบรรทุกน้ำหนักได้แบบไม่จำกัด จนทำให้เกิดปัญหาเรื่องถนนทรุดตามมา และจากข้อมูลที่มีพบว่ามีรถบรรทุกที่จดทะเบียนถูกต้องประมาณ 1.5 ล้านคัน แต่มีประมาณ 2 แสนคันที่เข้าร่วมกับเครือข่ายนี้
นอกจากส่วยสติกเกอร์แล้ว ‘อภิชาติ’ ยังบอกว่ามีส่วยซ่อนรูปในแบบอื่นๆ ด้วย เช่น รถบรรทุกที่ปกติต้องขับเลนซ้าย แต่ถ้าอยากขับเลนขวาต้องจ่ายเงิน หรืออยากเเต่งสวย - แตรดังกว่าปกติ ก็ต้องจ่ายส่วยเคลียร์ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท รวมถึงยังมีส่วยตรวจจับความเร็วรถในพื้นที่เขตเมือง ที่พบว่าตำรวจมีการจ้างเอกชนให้เข้ามาดูแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน และสุดแล้วค่าปรับ 1,000 บาท จะถูกแบ่งเป็นราวัลนำจับให้ตำรวจประมาณ 85% แล้วที่เหลือถึงจะถูกส่งเข้าคลัง
ขณะที่ วิโรจน์ บอกว่าตัวละครที่ต้องพูดถึงนอกจากตำรวจทางหลวง ก็คือตำรวจภูธร และตำรวจในท้องที่ เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายจากส่วยแต่ละเดือนเป็นพันล้านบาท และปีหนึ่งคงเป็นหมื่นล้านบาท เชื่อว่าถ้าคลี่คลายเรื่องนี้ได้จะแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ถึง 10% วิโรจน์ยังมั่นใจว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และจเรตำรวจแห่งชาติจะสามารถหาตัวตำรวจระดับสูงที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ได้
วิโรจน์ ยังทิ้งท้ายว่านอกจากส่วยสติกเกอร์แล้วเขายังมีส่วยอื่นๆ ที่รอเปิดเผย เช่น การลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ส่วยศุลกากร ซึ่งตอนนี้มีเบาะแสบ้างแล้ว แต่ตอนนี้ขอเคลียร์ส่วยรถบรรทุกก่อน พร้อมย้ำว่าเขาไม่รับเคลียร์เรื่องนี้ และขอให้กลับไปทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องโทรมาเคลียร์
ส่วนประเด็นที่รักษาการผู้การทางหลวงบอกว่าฯ พร้อมร่วมงานกับวิโรจน์ แต่ต้องไม่มีประเด็นการเมือง วิโรจน์ย้ำว่าเรื่องส่วยไม่ใช่เรื่องการเมืองแน่นอน และเขาพร้อมให้ข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่
ก่อนการหารือ ‘อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง’ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ เปิดเผยว่าปัญหาสติกเกอร์ส่วยเป็นปัญหาที่มีมานานแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2539 และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เเม้จะเคยมีสื่อตีแผ่เรื่องนี้ไปแล้ว แต่ปัญหานี้ก็เเค่เงียบหายไปชั่วคราวแล้วกลับมาใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาสหพันธ์ฯ ได้พยายามร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขและมีแต่คำหลอกลวง ต่างจาก วิโรจน์ ที่แม้จะไม่เคยพูดคุยเป็นการส่วนตัวมาก่อน และยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแต่ก็นำเรื่องนี้มาเปิดเผยและเพียงไม่กี่วัน ก็สามารถเด้งผู้การทางหลวงได้ จึงอยากขอบคุณที่วิโรจน์ช่วยนำเสนอเรื่องนี้ พร้อมเปรียบเปรยในทำนองว่า “เราพบแสดงสีส้มที่ปลายอุโมงค์แล้วครับ และตอนนี้ฝนกำลังจะตกชะล้างสิ่งสกปรกในประเทศไทยแล้ว” ส่วนจะแก้ปัญหาได้ทั้งระบบหรือไม่ คิดว่าอยู่ที่คนทำงานว่ามีความตั้งใจแค่ไหน แต่ปัญหานี้มีมานานแล้วคิดว่าคงต้องใช้เวลา
‘อภิชาติ’ ยังอธิบายถึงลักษณะการเรียกรับส่วยสติกเกอร์ในช่วงที่ผ่านมาว่าจะมีตำรวจระดับนายสิบ เรียกรถบรรทุกให้จอด แล้วส่งเบอร์โทรศัพท์มาให้คนขับ โดยบอกว่าให้โทรไปเคลียร์กับเจ้านาย ถ้าไม่ทำตามจะถูกจ้องตรวจเป็นพิเศษและยังถูกยัดความผิดอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งราคาส่วยสติกเกอร์มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นที่เป็นระดับพรีเมียม สามารถบรรทุกน้ำหนักได้แบบไม่จำกัด จนทำให้เกิดปัญหาเรื่องถนนทรุดตามมา และจากข้อมูลที่มีพบว่ามีรถบรรทุกที่จดทะเบียนถูกต้องประมาณ 1.5 ล้านคัน แต่มีประมาณ 2 แสนคันที่เข้าร่วมกับเครือข่ายนี้
นอกจากส่วยสติกเกอร์แล้ว ‘อภิชาติ’ ยังบอกว่ามีส่วยซ่อนรูปในแบบอื่นๆ ด้วย เช่น รถบรรทุกที่ปกติต้องขับเลนซ้าย แต่ถ้าอยากขับเลนขวาต้องจ่ายเงิน หรืออยากเเต่งสวย - แตรดังกว่าปกติ ก็ต้องจ่ายส่วยเคลียร์ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท รวมถึงยังมีส่วยตรวจจับความเร็วรถในพื้นที่เขตเมือง ที่พบว่าตำรวจมีการจ้างเอกชนให้เข้ามาดูแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน และสุดแล้วค่าปรับ 1,000 บาท จะถูกแบ่งเป็นราวัลนำจับให้ตำรวจประมาณ 85% แล้วที่เหลือถึงจะถูกส่งเข้าคลัง
ขณะที่ วิโรจน์ บอกว่าตัวละครที่ต้องพูดถึงนอกจากตำรวจทางหลวง ก็คือตำรวจภูธร และตำรวจในท้องที่ เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายจากส่วยแต่ละเดือนเป็นพันล้านบาท และปีหนึ่งคงเป็นหมื่นล้านบาท เชื่อว่าถ้าคลี่คลายเรื่องนี้ได้จะแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ถึง 10% วิโรจน์ยังมั่นใจว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และจเรตำรวจแห่งชาติจะสามารถหาตัวตำรวจระดับสูงที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ได้
วิโรจน์ ยังทิ้งท้ายว่านอกจากส่วยสติกเกอร์แล้วเขายังมีส่วยอื่นๆ ที่รอเปิดเผย เช่น การลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ส่วยศุลกากร ซึ่งตอนนี้มีเบาะแสบ้างแล้ว แต่ตอนนี้ขอเคลียร์ส่วยรถบรรทุกก่อน พร้อมย้ำว่าเขาไม่รับเคลียร์เรื่องนี้ และขอให้กลับไปทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องโทรมาเคลียร์
ส่วนประเด็นที่รักษาการผู้การทางหลวงบอกว่าฯ พร้อมร่วมงานกับวิโรจน์ แต่ต้องไม่มีประเด็นการเมือง วิโรจน์ย้ำว่าเรื่องส่วยไม่ใช่เรื่องการเมืองแน่นอน และเขาพร้อมให้ข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่