10 ตำนานช็อกโลกในศึกเวิลด์คัพ!
1.คาเมรูน (1990)
ฟุตบอลโลกปี 1990 กลายเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่มีสถิติย่ำแย่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องการทำประตูกันน้อยที่สุด ใบแดงอันเกลื่อนกลาด รวมทั้งสไตล์การเล่นแบบอุดประตูของหลายๆทีม แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่สร้างสีสันได้นั่นคือทีมชาติ คาเมรูน!
‘ทีมหมอผี’ ปรากฏตัวในกลุ่มบีร่วมกับ โรมาเนีย, สหภาพโซเวียต และ แชมป์เก่าอย่าง อาร์เจนติน่า แบบไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะเข้าสู่รอบต่อไปได้ แต่พอแข่งขันจริงปรากฏว่า ทีมจากแอฟริกาสร้างปาฏิหาริย์ตั้งแต่นัดเปิดสนามด้วยการหักปากกาเซียนเฉือน ‘แชมป์เก่า’ อย่าง อาร์เจนติน่า ที่มี ดิเอโก้ มาราโดน่า อยู่ในทีม 1-0
เกมต่อมา คาเมรูน ยังสามารถดับซ่าโรมาเนียอีก 2-1 แม้นัดสุดท้ายจะพ่ายโซเวียต 0-4 แต่พวกเขาลอยลำเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ เข้าไปเขี่ยโคลัมเบียตกรอบด้วยสกอร์ 3-2 ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับอังกฤษ
ในที่สุดแม้เส้นทาง ‘ซินเดอเรลล่า’ ของพวกเขาจบลงด้วยน้ำมือของทีม ‘สิงโตคำราม’ แต่ก็แพ้อย่างเฉียดฉิว 2-3 ชนะใจแฟนๆทั่วโลก จบทัวร์นาเม้นต์ โรเจอร์ มิลล่า กองหน้าตัวเก๋าวัย 38 ของทีมยิงไปถึง 4 ประตูในทัวร์นาเม้นต์นั้น

2.บัลกาเรีย (1994)
ก่อนจะถึงปี 1994 ทีมชาติบัลกาเรีย ยังไม่เคยชนะใครในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในเวิลด์คัพที่สหรัฐอเมริกา ทีมจากยุโรปตะวันออกลงสนามนัดแรกแพ้ไนจีเรียไป 0-3 ถูกกาชื่อว่าจะตกรอบอย่างแน่นอน แต่ในเกมที่สองพวกเขากลับอัดกรีซ 4-0 ตามด้วยพลิกชนะอาร์เจนติน่า 2-0นอกจากนั้น บัลกาเรีย ยังสร้างความตื่นตะลึงต่อในรอบน็อคเอาท์ด้วยการเขี่ยเม็กซิโกตกรอบหลังจากเสมอ 1-1 ดวลจุดโทษ 3-1 ส่งทีม ‘จังโก้’ กลับบ้าน ต่อมาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายสุดยอดแห่งการพลิกล็อคคือการที่บัลกาเรีย เอาชนะ เยอรมัน 2-1 เขี่ย ‘อินทรีเหล็ก’ ตกรอบไปอีกทีม
ท้ายที่สุดเส้นทางของ บัลกาเรีย หยุดอยู่ที่รอบตัดเชือก พ่ายอิตาลี 1-2 ได้เพียงชิงที่สามกับสวีเดน ก่อนจะโดนทีมไวกิ้งส์อัดไป 0-4 ปิดตำนานความซ่า แต่โลกยังต้องจารึกว่าดาราของพวกเขาอย่าง ฮริสโต้ สตอยช์คอฟนั้น ยิง 6 ประตูคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง

3.ตุรกี (2002)
เกาหลีใต้, เซเนกัล และ ตุรกี คือสามตำนานแห่งความพลิกล็อคในบอลโลกปี 2002 ทว่า ตุรกี คือทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างหวือหวาที่สุด แพ้บราซิลแชมป์ในคราวนั้นไปเพียง 0-1 ในรอบรองชนะเลิศโดยการแข่งขันไปรอบแรกนั้น เติร์ก แพ้ให้กับทีม ‘แซมบ้า’ ไปก่อนหน้าในรอบแรก 1-2 ตามด้วยเสมอกับคอสตาริก้า 1-1 และถล่มจีน 3-0 เข้ารอบน็อคเอาท์เขี่ยญี่ปุ่นเจ้าภาพร่วมตกรอบไปด้วยสกอร์ 1-0 ตามด้วยการดับซ่าเซเนกัล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
หลังจากตกรอบตัดเชือก ตุรกี คว้าที่สามมาครองได้ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพร่วมอย่าง เกาหลีใต้ 3-2 กลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน โดยในเกมชิงที่สาม ฮาคาน ซูเคอร์ สร้างสถิติยิงเร็วที่สุดเพียง 10.8 วินาทีและสถิติยังคงยืนยงถึงปัจจุบันเช่นกัน

4 เกาหลีใต้ (2002)
แม้ผลงานการเข้ารอบรองชนะเลิศของเกาหลีใต้ในปีนั้นจะเต็มไปด้วยคำครหา แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้เล่นโสมขาวชุดนั้น เล่นกันได้อย่างน่าประทับใจ โดยพวกเขาเริ่มต้นด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเหนือ โปแลนด์, โปรตุเกส และสหรัฐอเมริกา ตามด้วยการเขี่ยอิตาลีตกรอบ 2-1 ด้วยโกลเด้นโกล์ ของ อาห์น จุง วานเทพนิยายโสม ยังคงติดเครื่องต่อ เมื่อพวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการส่ง สเปน กลับบ้านอีกทีม หลังเสมอกันในเวลา 0-0 ดวลจุดโทษ 5-3 ท่ามกลางคำโต้แย้งในการตัดสินของกรรมการที่ปฏิเสธ 2 ประตูสำคัญของทีม ‘กระทิงดุ’
สุดท้ายเกาหลีใต้ ถูก เยอรมนี ปราบในรอบตัดเชือก และจบทัวร์นาเม้นต์อย่างช็อคโลกด้วยอันดับ 4

5.โครเอเชีย (1998)
โครเอเชียเพิ่งถูกแยกเป็นประเทศและเข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์คัพรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1998 อยู่ในกลุ่มเดียวกับ อาร์เจนติน่า, จาไมก้า และ ญี่ปุ่น ในรอบแบ่งกลุ่ม ‘ทีมตราหมากรุก’ ปราบเพื่อนร่วมสายอย่าง จาไมก้า และญี่ปุ่น ไปได้อย่างไม่มีปัญหา ก่อนจะแพ้ทีมฟ้าขาวไปตามฟอร์มหลังจากนั้นเครื่องเริ่มติดในรอบน็อคเอาท์พวกเขาปราบโรมาเนีย ตามด้วยการส่งเยอรมนี กลับบ้านไปอีกทีมด้วยสกอร์ 3-0 เข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ ฝรั่งเศส น่าเสียดายที่เจอเกมรับของทีมเจ้าภาพ เล่นงานจนแพ้ไป 1-2 แต่สุดท้าย โครเอเชีย ก็ได้ตำแหน่งที่สามเป็นเครื่องปลอบใจเมื่อเฉือน เนเธอร์แลนด์ส ไป 2-1 ส่วน ดาวอร์ ซูเคอร์ ดาวยิงของพวกเขาซัดไป 6 ประตูคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง

6.เกาหลีเหนือ (1966)
เกาหลีเหนือเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก และสร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกหลังความพ่ายแพ้ให้สหภาพโซเวียต 0-3 ในนัดรแกไปตามความคาดหมาย แต่พอนัดที่สอง ‘โสมแดง’ เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการยันเสมอชิลี 1-1 และเกมสุดท้ายในรอบแรกพวกเขาพลิกล็อคครั้งใหญ่ ด้วยการเฉือนอิตาลี 1-0เส้นทางรอบน็อคเอาท์ หรือ 8 ทีมสุดท้าย เกาหลีเหนือ โชคร้ายต้องไปเจอกับทีมฟอร์มแรงอย่าง โปรตุเกส แม้ทีมจากเอเชียจะสร้างความมหัศจรรย์ด้วยการขึ้นนำไปก่อน 3-0 แต่ก็ถูก ยูเซบิโอ ‘เจ้าเสือดำ’ แห่งโมซัมบิค พาทีมกลับมาได้ด้วยการยิงคนเดียว 4 ประตูในเกมนั้น เขี่ยทีม ‘โสมแดง’ กลับบ้าน ปิดตำนานความพลิกล็อคด้วยสกอร์ 3-5

7.คอสตาริก้า 2014
ฟุตบอลโลกปี 2014 ที่ บราซิล คอสตาริก้า อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า ‘กรุ๊ปออฟเดธ’ ร่วมกับ อิตาลี, อุรุกวัย และอังกฤษ แน่นอนไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะผ่านเข้ารอบ ปรากฏว่าทีม ‘กล้วยหอมจอมซน’ ประเดิมอัดอุรุกวัย 3-1 ตามด้วยเฉือนอิตาลี 1-0 และสุดท้ายเสมออังกฤษ 0-0 เซอร์ไพรส์ชาวโลกแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบแรกพอเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ คอสตาริก้า ยังสร้างความตื่นตะลึงต่อด้วยการเขี่ย กรีซ ลอยลำรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ด้วยการดวลจุดโทษ เข้าไปเจอกับ เนเธอร์แลนด์ส พวกเขายังเล่นได้อย่างสูสี ผลปรากฏว่าเสมอกันไป 0-0 แต่ คอสตาริก้า กลับโชคร้ายดวลจุดโทษพ่ายดัทช์ไป 3-4 ตกรอบฟุตบอลโลกคราวนั้นไปแบบไม่แพ้ทีมใดในเวลาปกติเลย

8.กาน่า (2010)
บางทีปาฏิหาริย์ของกาน่าอาจไม่สิ้นสุดอยู่เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010 หากไม่มีคนที่ชื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าอุรุกวัย ซึ่งยอมโดนใบแดงใช้มือปัดบอลไม่ให้ กาน่า ได้ประตู จนสุดท้ายพวกเขาชะตาขาดต้องพลาดท่าเสียทีในการดวลจุดโทษไป 2-4กาน่าเริ่มต้นทัวร์นาเม้นต์ด้วยการเอาชนะเซอร์เบีย 1-0 ตามด้วยเสมอ ออสเตรเลีย 1-1 ปิดฉากรอบแรกด้วยการแพ้เยอรมนี 0-1 ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ทีมจากแอฟริกาช็อคโลกด้วยการอัดสหรัฐอเมริกา 2-1 โดยดาราของทีมอย่าง อซาโมอาห์ กียาน ซัดชัยในช่วงต่อเวลา กาน่า กลายเป็นชาติจากแอฟริกาทีมที่ 3 ที่สามารถเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แม้สุดท้ายจะเสียทีให้กับอุรุกวัย แต่รับรองว่าโลกไม่มีวันลืมพวกเขาจากผลงานในครั้งนั้น

9.เซเนกัล (2002)
เซเนกัล ได้เข้าร่วมเวิลด์คัพรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ แต่โชคร้ายถูกจับไปอยู่กับ แชมป์เก่า ฝรั่งเศส, อุรุกวัย และเดนมาร์ค ในรอบแรก แต่แล้วพวกเขากลับสร้างผลงาน ‘ช็อคโลก’ ด้วยการเฉือนฝรั่งเศส ‘แชมป์เก่า’ ไปในนัดเปิดสนาม 1-0 จากฝีเท้าของ ปาป้า ดิยอปหลังจากนั้นทีมจากแอฟริกา เสมออีกสองนัดที่เหลือในรอบแรกกับ เดนมาร์ค 1-1 และ อุรุกวัย 3-3 ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับสวีเดน ผลปรากฏว่าเซเนกัล ยันเสมอ 1-1 ในช่วง 90 นาที ก่อนที่ อองรี กามาร่า จะกลายเป็นฮีโร่ด้วยการซัดโกลเด้นโกล์ให้พวกเขาในนาทีที่ 104 ส่ง ไวกิ้งส์ ล่องเรือกลับบ้าน
น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว เซเนกัล ตกรอบเพราะตุรกี ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่เพียงเท่านั้นพวกเขาก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในสามทีมจากทวีปแอฟริกาที่ไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จแล้ว

10.นิวซีแลนด์ (2010)
แม้นิวซีแลนด์ จะไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้ แต่พวกเขาก็สามารถเอาชนะใจคนทั้งโลกในการเข้าร่วมเวิลด์คัพเป็นสมัยที่สอง ทีมที่มีขุนพลซึ่งชาวโลกแทบไม่มีใครรู้จัก ยกเว้น ไรอัน เนลเซ่น กับ วินสตัน รีด ที่เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ประเดิมด้วยการยันเสมอ สโลวะเกีย 1-1 นัดต่อมาเจอกับยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปอย่าง อิตาลี ทีม ‘ออลไวท์’ ยิงนำไปก่อนจาก เชน ชเมลต์ซ จบเกมพลิกล็อคเสมอทีมอัซซูรี่ไป 1-1นัดสุดท้ายนิวซีแลนด์ สามารถยันปารากวัยเอาไว้ได้ 0-0 แม้จะตกรอบไปเพราะมีเพียง 3 คะแนน แต่พวกเขาชนะใจคนทั่วโลก ด้วยผลงานที่แม้จะไม่ชนะใครแต่ก็ไม่แพ้ใครเลยเช่นเดียวกันตลอดทัวร์นาเม้นต์ ถือเป็นทีมเดียวที่ทำได้ในคราวนั้นด้วยซ้ำเพราะขนาดทีมแชมป์อย่าง สเปน ยังแพ้ให้กับ สวิตเซอร์แลนด์ ในนัดแรก สมควรที่ทีมจากแดนกีวีจะเดินยืดอกกลับบ้านได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
