10 ตำนานช็อกโลกในศึกเวิลด์คัพ!

18 พ.ย. 2565 - 08:59

  • สำหรับการเลือกทีมเชียร์ในศึกฟุตบอลโลก เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะเลือกเชียร์ทีมชาติใหญ่ๆ ที่มีนักเตะดาวดัง มีโอกาสลุ้นเข้าไปเป็นแชมป์กันเป็นปกติ แต่ทุกครั้งของการแข่งขันก็มักจะมีทีมรองบ่อนที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน

10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Main

10 ตำนานช็อกโลกในศึกเวิลด์คัพ!

 

1.คาเมรูน (1990)


ฟุตบอลโลกปี 1990 กลายเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่มีสถิติย่ำแย่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องการทำประตูกันน้อยที่สุด ใบแดงอันเกลื่อนกลาด รวมทั้งสไตล์การเล่นแบบอุดประตูของหลายๆทีม แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่สร้างสีสันได้นั่นคือทีมชาติ คาเมรูน! 

‘ทีมหมอผี’ ปรากฏตัวในกลุ่มบีร่วมกับ โรมาเนีย, สหภาพโซเวียต และ แชมป์เก่าอย่าง อาร์เจนติน่า แบบไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะเข้าสู่รอบต่อไปได้ แต่พอแข่งขันจริงปรากฏว่า ทีมจากแอฟริกาสร้างปาฏิหาริย์ตั้งแต่นัดเปิดสนามด้วยการหักปากกาเซียนเฉือน ‘แชมป์เก่า’ อย่าง อาร์เจนติน่า ที่มี ดิเอโก้ มาราโดน่า อยู่ในทีม 1-0   
เกมต่อมา คาเมรูน ยังสามารถดับซ่าโรมาเนียอีก 2-1 แม้นัดสุดท้ายจะพ่ายโซเวียต 0-4 แต่พวกเขาลอยลำเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ เข้าไปเขี่ยโคลัมเบียตกรอบด้วยสกอร์ 3-2 ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับอังกฤษ 

ในที่สุดแม้เส้นทาง ‘ซินเดอเรลล่า’ ของพวกเขาจบลงด้วยน้ำมือของทีม ‘สิงโตคำราม’ แต่ก็แพ้อย่างเฉียดฉิว 2-3 ชนะใจแฟนๆทั่วโลก จบทัวร์นาเม้นต์ โรเจอร์ มิลล่า กองหน้าตัวเก๋าวัย 38 ของทีมยิงไปถึง 4 ประตูในทัวร์นาเม้นต์นั้น 
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1Xm2EIDx1xMjjYJvb1Hja/ba12482ad73f8db017c53102abb4c1d9/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo01

2.บัลกาเรีย (1994) 

ก่อนจะถึงปี 1994 ทีมชาติบัลกาเรีย ยังไม่เคยชนะใครในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในเวิลด์คัพที่สหรัฐอเมริกา ทีมจากยุโรปตะวันออกลงสนามนัดแรกแพ้ไนจีเรียไป 0-3 ถูกกาชื่อว่าจะตกรอบอย่างแน่นอน แต่ในเกมที่สองพวกเขากลับอัดกรีซ 4-0 ตามด้วยพลิกชนะอาร์เจนติน่า 2-0

นอกจากนั้น บัลกาเรีย ยังสร้างความตื่นตะลึงต่อในรอบน็อคเอาท์ด้วยการเขี่ยเม็กซิโกตกรอบหลังจากเสมอ 1-1 ดวลจุดโทษ 3-1 ส่งทีม ‘จังโก้’ กลับบ้าน ต่อมาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายสุดยอดแห่งการพลิกล็อคคือการที่บัลกาเรีย เอาชนะ เยอรมัน 2-1 เขี่ย ‘อินทรีเหล็ก’ ตกรอบไปอีกทีม 

ท้ายที่สุดเส้นทางของ บัลกาเรีย หยุดอยู่ที่รอบตัดเชือก พ่ายอิตาลี 1-2 ได้เพียงชิงที่สามกับสวีเดน ก่อนจะโดนทีมไวกิ้งส์อัดไป 0-4 ปิดตำนานความซ่า แต่โลกยังต้องจารึกว่าดาราของพวกเขาอย่าง ฮริสโต้ สตอยช์คอฟนั้น ยิง 6 ประตูคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง

 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5iZills5iahxV5Eek0VMTu/2d205c2a561a3dcda3ceadba56571f35/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo02

3.ตุรกี (2002) 

เกาหลีใต้, เซเนกัล และ ตุรกี คือสามตำนานแห่งความพลิกล็อคในบอลโลกปี 2002 ทว่า ตุรกี คือทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างหวือหวาที่สุด แพ้บราซิลแชมป์ในคราวนั้นไปเพียง 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ 

โดยการแข่งขันไปรอบแรกนั้น เติร์ก แพ้ให้กับทีม ‘แซมบ้า’ ไปก่อนหน้าในรอบแรก 1-2 ตามด้วยเสมอกับคอสตาริก้า 1-1 และถล่มจีน 3-0 เข้ารอบน็อคเอาท์เขี่ยญี่ปุ่นเจ้าภาพร่วมตกรอบไปด้วยสกอร์ 1-0 ตามด้วยการดับซ่าเซเนกัล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
 
หลังจากตกรอบตัดเชือก ตุรกี คว้าที่สามมาครองได้ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพร่วมอย่าง เกาหลีใต้ 3-2 กลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน โดยในเกมชิงที่สาม ฮาคาน ซูเคอร์ สร้างสถิติยิงเร็วที่สุดเพียง 10.8 วินาทีและสถิติยังคงยืนยงถึงปัจจุบันเช่นกัน
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3QwUeqC1gu1wuQsPw1d1pA/506d4fb3df4f6991f3c57c42bd843977/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo03

4 เกาหลีใต้ (2002)  

แม้ผลงานการเข้ารอบรองชนะเลิศของเกาหลีใต้ในปีนั้นจะเต็มไปด้วยคำครหา แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้เล่นโสมขาวชุดนั้น เล่นกันได้อย่างน่าประทับใจ โดยพวกเขาเริ่มต้นด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเหนือ โปแลนด์, โปรตุเกส และสหรัฐอเมริกา ตามด้วยการเขี่ยอิตาลีตกรอบ 2-1 ด้วยโกลเด้นโกล์ ของ อาห์น จุง วาน 

เทพนิยายโสม ยังคงติดเครื่องต่อ เมื่อพวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการส่ง สเปน กลับบ้านอีกทีม หลังเสมอกันในเวลา 0-0 ดวลจุดโทษ 5-3 ท่ามกลางคำโต้แย้งในการตัดสินของกรรมการที่ปฏิเสธ 2 ประตูสำคัญของทีม ‘กระทิงดุ’

สุดท้ายเกาหลีใต้ ถูก เยอรมนี ปราบในรอบตัดเชือก และจบทัวร์นาเม้นต์อย่างช็อคโลกด้วยอันดับ 4

 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1EdrUger3t2fFv5odXjMPz/fb3d751abd33d0e066f11b3d78894047/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo04

5.โครเอเชีย (1998) 

โครเอเชียเพิ่งถูกแยกเป็นประเทศและเข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์คัพรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1998 อยู่ในกลุ่มเดียวกับ อาร์เจนติน่า, จาไมก้า และ ญี่ปุ่น ในรอบแบ่งกลุ่ม ‘ทีมตราหมากรุก’ ปราบเพื่อนร่วมสายอย่าง จาไมก้า และญี่ปุ่น ไปได้อย่างไม่มีปัญหา ก่อนจะแพ้ทีมฟ้าขาวไปตามฟอร์ม
 
หลังจากนั้นเครื่องเริ่มติดในรอบน็อคเอาท์พวกเขาปราบโรมาเนีย ตามด้วยการส่งเยอรมนี กลับบ้านไปอีกทีมด้วยสกอร์ 3-0 เข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ ฝรั่งเศส น่าเสียดายที่เจอเกมรับของทีมเจ้าภาพ เล่นงานจนแพ้ไป 1-2 แต่สุดท้าย โครเอเชีย ก็ได้ตำแหน่งที่สามเป็นเครื่องปลอบใจเมื่อเฉือน เนเธอร์แลนด์ส ไป 2-1 ส่วน ดาวอร์ ซูเคอร์ ดาวยิงของพวกเขาซัดไป 6 ประตูคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง 
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6xYdAKgmg2bKtF74KGmmxy/034728a9dbb3c4f24661938b8861a728/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo05

6.เกาหลีเหนือ (1966) 

เกาหลีเหนือเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรก และสร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกหลังความพ่ายแพ้ให้สหภาพโซเวียต 0-3 ในนัดรแกไปตามความคาดหมาย แต่พอนัดที่สอง ‘โสมแดง’ เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการยันเสมอชิลี 1-1 และเกมสุดท้ายในรอบแรกพวกเขาพลิกล็อคครั้งใหญ่ ด้วยการเฉือนอิตาลี 1-0

เส้นทางรอบน็อคเอาท์ หรือ 8 ทีมสุดท้าย เกาหลีเหนือ โชคร้ายต้องไปเจอกับทีมฟอร์มแรงอย่าง โปรตุเกส แม้ทีมจากเอเชียจะสร้างความมหัศจรรย์ด้วยการขึ้นนำไปก่อน 3-0 แต่ก็ถูก ยูเซบิโอ ‘เจ้าเสือดำ’ แห่งโมซัมบิค พาทีมกลับมาได้ด้วยการยิงคนเดียว 4 ประตูในเกมนั้น เขี่ยทีม ‘โสมแดง’ กลับบ้าน ปิดตำนานความพลิกล็อคด้วยสกอร์ 3-5 
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5p5snoclsqTrD5qgbyHvkB/ff9594bc2b02e0c637e6bb6b164f2908/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo06

7.คอสตาริก้า 2014 

ฟุตบอลโลกปี 2014 ที่ บราซิล คอสตาริก้า อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า ‘กรุ๊ปออฟเดธ’ ร่วมกับ อิตาลี, อุรุกวัย และอังกฤษ แน่นอนไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะผ่านเข้ารอบ ปรากฏว่าทีม ‘กล้วยหอมจอมซน’ ประเดิมอัดอุรุกวัย 3-1 ตามด้วยเฉือนอิตาลี 1-0 และสุดท้ายเสมออังกฤษ 0-0 เซอร์ไพรส์ชาวโลกแบบไม่แพ้ใครเลยในรอบแรก

พอเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ คอสตาริก้า ยังสร้างความตื่นตะลึงต่อด้วยการเขี่ย กรีซ ลอยลำรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ด้วยการดวลจุดโทษ เข้าไปเจอกับ เนเธอร์แลนด์ส พวกเขายังเล่นได้อย่างสูสี ผลปรากฏว่าเสมอกันไป 0-0 แต่ คอสตาริก้า กลับโชคร้ายดวลจุดโทษพ่ายดัทช์ไป 3-4 ตกรอบฟุตบอลโลกคราวนั้นไปแบบไม่แพ้ทีมใดในเวลาปกติเลย

 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3JZ1uhdHnHSAgbiTqzP9Yl/70fa44e29454d9042ac8374ffee3df85/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo07

8.กาน่า (2010) 

บางทีปาฏิหาริย์ของกาน่าอาจไม่สิ้นสุดอยู่เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2010 หากไม่มีคนที่ชื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าอุรุกวัย ซึ่งยอมโดนใบแดงใช้มือปัดบอลไม่ให้ กาน่า ได้ประตู จนสุดท้ายพวกเขาชะตาขาดต้องพลาดท่าเสียทีในการดวลจุดโทษไป 2-4

กาน่าเริ่มต้นทัวร์นาเม้นต์ด้วยการเอาชนะเซอร์เบีย 1-0 ตามด้วยเสมอ ออสเตรเลีย 1-1 ปิดฉากรอบแรกด้วยการแพ้เยอรมนี 0-1 ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ทีมจากแอฟริกาช็อคโลกด้วยการอัดสหรัฐอเมริกา 2-1 โดยดาราของทีมอย่าง อซาโมอาห์ กียาน ซัดชัยในช่วงต่อเวลา กาน่า กลายเป็นชาติจากแอฟริกาทีมที่ 3 ที่สามารถเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แม้สุดท้ายจะเสียทีให้กับอุรุกวัย แต่รับรองว่าโลกไม่มีวันลืมพวกเขาจากผลงานในครั้งนั้น 

 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4pVAUm3vh3w9yTh3zgyykT/178502619f63c80a66fc829ffdfdd84f/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo08

9.เซเนกัล (2002) 

เซเนกัล ได้เข้าร่วมเวิลด์คัพรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ แต่โชคร้ายถูกจับไปอยู่กับ แชมป์เก่า ฝรั่งเศส, อุรุกวัย และเดนมาร์ค ในรอบแรก แต่แล้วพวกเขากลับสร้างผลงาน ‘ช็อคโลก’ ด้วยการเฉือนฝรั่งเศส ‘แชมป์เก่า’ ไปในนัดเปิดสนาม 1-0 จากฝีเท้าของ ปาป้า ดิยอป

หลังจากนั้นทีมจากแอฟริกา เสมออีกสองนัดที่เหลือในรอบแรกกับ เดนมาร์ค 1-1 และ อุรุกวัย 3-3 ลอยลำเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับสวีเดน ผลปรากฏว่าเซเนกัล ยันเสมอ 1-1 ในช่วง 90 นาที ก่อนที่ อองรี กามาร่า จะกลายเป็นฮีโร่ด้วยการซัดโกลเด้นโกล์ให้พวกเขาในนาทีที่ 104 ส่ง ไวกิ้งส์ ล่องเรือกลับบ้าน
 
น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว เซเนกัล ตกรอบเพราะตุรกี ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่เพียงเท่านั้นพวกเขาก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในสามทีมจากทวีปแอฟริกาที่ไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จแล้ว 

 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/73eBUi7c7XejOGLFFmJjAi/dfe32446c936ef2f971d741b90c9f6a1/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo09

10.นิวซีแลนด์ (2010) 

แม้นิวซีแลนด์ จะไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้ แต่พวกเขาก็สามารถเอาชนะใจคนทั้งโลกในการเข้าร่วมเวิลด์คัพเป็นสมัยที่สอง ทีมที่มีขุนพลซึ่งชาวโลกแทบไม่มีใครรู้จัก ยกเว้น ไรอัน เนลเซ่น กับ วินสตัน รีด ที่เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ประเดิมด้วยการยันเสมอ สโลวะเกีย 1-1 นัดต่อมาเจอกับยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปอย่าง อิตาลี ทีม ‘ออลไวท์’ ยิงนำไปก่อนจาก เชน ชเมลต์ซ จบเกมพลิกล็อคเสมอทีมอัซซูรี่ไป 1-1

นัดสุดท้ายนิวซีแลนด์ สามารถยันปารากวัยเอาไว้ได้ 0-0 แม้จะตกรอบไปเพราะมีเพียง 3 คะแนน แต่พวกเขาชนะใจคนทั่วโลก ด้วยผลงานที่แม้จะไม่ชนะใครแต่ก็ไม่แพ้ใครเลยเช่นเดียวกันตลอดทัวร์นาเม้นต์ ถือเป็นทีมเดียวที่ทำได้ในคราวนั้นด้วยซ้ำเพราะขนาดทีมแชมป์อย่าง สเปน ยังแพ้ให้กับ สวิตเซอร์แลนด์ ในนัดแรก สมควรที่ทีมจากแดนกีวีจะเดินยืดอกกลับบ้านได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1B8koYXroLBkDKrBm9Q93D/8f3b4e8ad3db114e8f0885a421144f24/10-Greatest-World-Cup-underdog-SPACEBAR-Photo10

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์