บุกไว้ก่อนพ่อสอนไว้! ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ โฉมใหม่ของ อังเก้ ปอสเตโคกลู

15 สิงหาคม 2566 - 10:43

2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview -SPACEBAR-Hero
  • หลังจากที่ ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ เมื่อช่วงกลางซีซันที่แล้ว และใช้ ไรอัน เมสัน คุมทีมขัดตาทัพไปจนจบฤดูกาล และทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 8 พลาดไปเล่นฟุตบอลยุโรปทุกถ้วยในปีนี้

  • มาซีซันนี้พวกเขาได้ อังเก้ ปอสเตโคกลู เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่คนใหม่ วันนี้เราเลยขอพาไปพรีวิวกันหน่อยว่า สเปอร์ปีนี้พร้อมขนาดไหน และจะไปได้ไกลแค่ไหน

หลังจากที่ ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ เฮดโค้ชชาวอิตาเลียนเมื่อช่วงกลางซีซันที่แล้ว และใช้ ไรอัน เมสัน คุมทีมขัดตาทัพไปจนจบฤดูกาล และทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 8 บนตารางคะแนน พลาดไปเล่นฟุตบอลยุโรปทุกถ้วยในปีนี้ ทำให้พวกเขาต้องหาผู้จัดการทีมถาวรคนใหม่ จนมาได้คำตอบสุดท้ายเป็น อังเก้ ปอสเตโคกลู โค้ชชาวออสเตรเลีย ที่เพิ่งพา เซลติก คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่คนปัจจุบัน วันนี้เราเลยขอพาไปพรีวิวกันหน่อยว่า สเปอร์ปีนี้พร้อมขนาดไหน และจะไปได้ไกลแค่ไหน 

2022/23 ซีซันที่เต็มไปด้วยปัญหาของ ‘ไก่เดือยทอง’

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1vJYDOJkoPcQ4OhFrQAkZK/d5f1850811ef278b8abe1f37c6a8f8d0/2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview_-SPACEBAR-Photo01
Photo: AFP
ต้องบอกว่าทัพ ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซีซันที่ผ่านมาดูจะไม่ค่อยราบลื่นเท่าไหร่นัก ผลงานของพวกเขาภายใต้กุนซืออิตาเลียนอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ แย่ลงกว่าเดิมค่อนข้างเยอะ เพราะถ้าย้อนไปเทียบตั้งแต่ตอน คอนเต้ เข้ามากอบกู้ทีมจากผลงานของ นูโน ซานโต โค้ชคนแรกของทีมเมื่อฤดูกาล 2021/22 ที่พาทีมแพ้ชนะไปอย่างละครึ่งจาก 10 นัดแรกในลีก จนบอร์ดบริหารสั่งปลด แล้วให้ คอนเต้ เข้ามารับหน้าที่แทน เขาพาทีมกลับมาอยู่ในร่องในรอยได้ โดยพาทีมเข้าไปถึงรอบตัดเชือก คาราบาว คัพ ในขณะที่ผลงานในลีกก็จบท็อปโฟร์ คว้าโควตา ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ 

แต่แล้วผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมากลับไม่เป็นอย่างที่หวัง มาตรฐานตกลงในทุกรายการ เริ่มตั้งแต่ตกรอบสามศึก คาราบาว คัพ ในขณะที่ผลงานพรีเมียร์ลีกช่วง 10 นัดแรกก็ยังไม่แย่อะไร ชนะไปถึง 7 นัด เสมอ 2 นัด แพ้แค่นัดเดียว หลังจากนั้นก็แย่ลงเรื่อยๆ เริ่มแพ้ถี่ขึ้น จากนั้นก็มาตกรอบห้า เอฟเอ คัพ ต่อด้วยแพ้ เอซี มิลาน ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ก่อนที่ฟางเส้นสุดท้ายของ คอนเต้ กับทีมจะขาดผึงลงหลังจบเกมที่เสมอกับ เซาแธมป์ตัน 3-3 ทั้งที่พวกเขานำก่อนถึง 2 รอบ แต่มาโดนตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากจุดโทษของ เจมส์ วอร์ด-พราวส์ โดยหลังจบเกม คอนเต้ หัวร้อนสุดๆ ออกมาด่ากราดผู้เล่นกลางห้องแถลงข่าวว่า ‘เห็นแก่ตัว’ ไม่ทุ่มเทเพื่อทีม และยังพาดพิงถึง แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสรด้วยว่า ‘ภายใต้ช่วงเวลา 20 ปี ของประธานสโมสรคนปัจจุบัน ทำไมถึงไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย ความผิดอยู่ที่สโมสร หรือผู้จัดการทีมทุกคนที่เคยอยู่ที่นี่’ ซึ่ง แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมเวลานั้น ก็ออกมาบอกว่าเห็นด้วยเรื่องที่ทีมขาดแรงจูงใจในการลงสนามเพื่อไปคว้าแชมป์ จนสุดท้ายหลังเหตุการณ์นั้น ทีมก็ตัดสินใจ ปลด คอนเต้ ออกจากตำแหน่ง 

ก่อนที่ทีมจะตั้ง คริสเตียน สเตลลินี่ มือขวาของ คอนเต้ ขึ้นมาคุมทีมแทน แต่อยู่ได้แค่ 5 นัดก็โดนปลดตามเจ้านายเก่าไป หลังจากแพ้ยับต่อ นิวคาสเซิล 6-1 จนสุดท้ายก็ต้องพึ่งโค้ชชั่วคราวคู่บุญที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานอย่าง ไรอัน เมสัน คุมต่อจนจบฤดูกาล ซึ่งก็ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิมเท่าไหร่ เพราะจาก 6 นัดที่เหลือ พวกเขาเก็บชัยชนะได้ แค่ 2 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ไปถึง 3 นัด จบอันดับที่ 8 มี 60 คะแนน ตามหลัง แอสตัน วิลล่า ทีมอันดับ 7 ที่คว้าโควตาลุยบอลยุโรปถ้วยเล็กสุดรอบเพลย์ออฟ เพียงแค่ 1 แต้ม 

สูญเสีย แฮร์รี่ เคน หัวใจสำคัญของสโมสร

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1dihog3WW5xQE4oqw8GgM3/ea36618e6239548dfd6caa487b050502/2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview_-SPACEBAR-Photo02
Photo: AFP
แน่นอนว่าใครที่ติดตามข่าวในตลาดนักเตะของ สเปอร์ รวมไปถึงแฟนบอลของทีมย่อมรู้กันดีอยู่แล้วว่า อนาคตของกัปตันทีมของพวกเขาไม่แน่นอนมาตั้งแต่ซีซันที่แล้ว เพราะ แฮร์รี่ เคน เคยมีข่าวว่าจะย้ายออกจากสโมสร ไปอยู่กับทั้ง เรอัล มาดริด ที่ต้องการหาตัวแทนของ คาริม เบนเซม่า หรือแม้กระทั่งคู่ปรับร่วมลีกอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่ก็อยากได้กองหน้าคนใหม่ แต่สุดท้ายก็ได้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าจอมมารบู มาร่วมทีมแทน ทำให้ เคน ยังคงอยู่กับทีมต่อไปอีกปี และเมื่อจบซีซันที่ผ่านมา ข่าวคราวอนาคตของเขาก็ถูกยกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่า เคน เลือกไม่ต่อสัญญาใหม่กับทีม ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ออกมาตอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่กำลังหากองหน้าใหม่พอดี จนสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาลแค่ 2 วัน แฮร์รี่ เคน ก็ตกลงย้ายไปร่วมทีมดังจากเยอรมัน ปิดฉากช่วงเวลาเกือบ 20 ปี ของเจ้าตัวกับสโมสร 

ส่วนของการเสริมทัพ สเปอร์ ในซีซันนี้ พวกเขาเลือกที่จะปิดดีลถาวรรกับผู้เล่นที่ย้ายมาแบบยืมตัวแล้วทำผลงานได้ประทับใจก่อน ไล่ตั้งแต่ เดยัน คูลูเซฟสกี้ จาก ยูเวนตุส, และ เปรโดร พอร์โร่ จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต่อด้วยการตามหาผู้เล่นในตำแหน่งที่ทีมต้องการ เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่ต้องหาคนมาสืบทอดตำแหน่งของ อูโก้ ยอริส ที่ทีมไฟเขียวให้ย้ายออกได้ โดยพวกเขาเลือก กูเยลโม่ วิคาริโอ นายทวารฟอร์มดีของ เอ็มโปลี มาด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร ซึ่งฟอร์มในนัดแรกที่ผ่านมาก็พอใช้ได้ อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับทีมอีกสักระยะ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3HA3Y9OSK8OEMH4i22NN5E/6f928f55f2f06df73dc952cc3e513ae3/2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview_-SPACEBAR-Photo03
Photo: AFP
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3cDOoBHfSDbqMswWGXGgYH/46a90c15b08aa5dca506cbcd2b4741f0/2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview_-SPACEBAR-Photo04
Photo: AFP
หลังได้ผู้รักษาประตู พวกเขาก็เสริมแนวรับต่อด้วยการดึง มิคกี้ ฟาน เดอ เวน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่งชาวดัตช์ มาจากโวล์ฟสบวร์ก ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร โดยกองหลังวัย 22 ปี มีจุดเด่นที่หลากหลายทั้งสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่ง ดุดัน มาพร้อมกับสปีดที่ยอดเยี่ยม ตามแบบฉบับกองหลังยุคใหม่ในโลกฟุตบอล ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ผลงานในนัดเปิดฤดูกาลกับ เบรนท์ฟอร์ด ได้อย่างสวยงาม รับคำชมจากแฟนบอลไปพอสมควร ในขณะที่บิ๊กเนมสุดๆ ช่วงขาเข้าคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เจมส์ แมดดิสัน มิดฟิลด์เลือดผู้ดีที่ย้ายมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 46.3 ล้านยูโร ซึ่งก็เชื่อว่าแฟนบอลคงไม่มีใครกังขาในฝีเท้าของเขาอยู่แล้ว จากผลงานที่เขาทำได้มาตลอดตั้งแต่อยู่กับ เลสเตอร์ ก็น่าจะเป็นอีกคนที่เข้ามาเพิ่มมิติในเกมรุกของ สเปอร์ ได้เป็นอย่างดี 

บุกไว้ก่อนพ่อสอนไว้! เกมรุกสุดมันของ อังเก้ ปอสเตโคกลู 

ใครที่ติดตามการคุมทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู บอสใหญ่คนใหม่ของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ น่าจะพอรู้กันมาอยู่แล้วว่า อังเก้ เป็นโค้ชที่มีสไตล์การคุมทีมด้วยเกมรุกที่ครองบอลใส่คู่ต่อสู้ และดาหน้าบุกแหลก ทำประตูแต่ละนัดได้เป็นกอบเป็นกำ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยเกมรับที่ค่อนข้างหลวมและโล่งโจ้ง เสียประตูเยอะ ไม่แพ้ประตูที่ยิงได้ เพราะถ้าย้อนไปดูสถิติทีมเก่าๆ ที่เขาเคยคุมมา อย่างเช่น โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เขาคุมทีมไปทั้งหมด 161 นัด ยิงคู่แข่งไปทั้งหมด 322 ประตู แต่ก็เสียประตูไปมากถึง 237 ประตู เรียกว่าเกินครึ่งของประตูที่ได้มาเยอะมาก เช่นเดียวกับตอนคุมเซลติก จากทั้งหมด 113 นัด เขากระชากประตูฝั่งตรงข้ามไป 284 ประตู เสียไป 108 ประตู เรียกว่าเสียขึ้นหลักร้อยเหมือนกัน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5ln9MFj1mnh28sRIXk47WB/fa4dea3409008292f5a453abc2d76870/2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview_-SPACEBAR-Photo05
Photo: AFP
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6RN6UPWPfhIEwXMiX3i0AI/3bb277431d81722281a129bda3739a08/2023-2024-Tottenham-Hotspur-preview_-SPACEBAR-Photo06
Photo: AFP
แล้วจากฟอร์มนัดแรกที่เสมอ เบรนท์ฟอร์ด ไป 2-2 ก็เห็นค่อนข้างชัดเจนเลยว่า แทคติกของเขามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทีมครองบอลและบุกแหลกเข้าใส่คู่ต่อสู้ มีรูปแบบการเล่นที่คุ้นตาด้วยการใช้แบ็คทั้งสองข้างหุบเข้ามาช่วยปั้นเกมตรงกลาง เหมือนกับที่เราเคยเห็น ธีราทร บุญมาทัน เล่นตอนอยู่ญี่ปุ่น ซึ่งก็เพิ่มมิติเกมรุกในการเข้าทำให้หลากหลายมากขึ้น แต่ข้อเสียก็คือเกมรับที่ริมเส้นทั้ง 2 ฝั่งจะโล่งโจ้งจนโดนคู่แข่งสวนกลับ แล้วอันตรายตลอด การเล่นแบบนี้กับทีมเล็กจนถึงกลางๆ อาจจะดูโอเค แต่ถ้าเล่นกับทีมบิ๊กเซเว่นด้วยการ อาจจะน่ากังวลไม่น้อยว่าพวกเขาจะเอาอยู่ไหม 

สุดท้ายแล้วก็คงต้องมารอดูกันว่า อังเก้ จะปรับโฉมทีมได้มากน้อยขนาดไหน ปัญหาหลักๆ ของเขาอยู่ที่การปรับเกมรับ แล้วหากองหน้าตัวจบสกอร์คนใหม่เข้ามา เพราะเมื่อเสีย แฮร์รี่ เคน ไปแล้ว เกมรุกพวกเขาค่อนข้างมีปัญหาชัดเจน แม้ว่า เจมส์ แมดดิสัน จะปั้นเกมได้ดีขนาดไหน แต่การขาดเพชฌฆาตที่ไว้ใจได้ ย่อมส่งผลในระยะยาวแน่นอน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์