ชนาธิปคัมแบ็ก! บีจีฯ พร้อมท้าชิงโทรฟีไทยลีก กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

13 สิงหาคม 2566 - 03:41

023-2024-Thai-League-preview-SPACEBAR-Thumbnail
  • กลับมาเปิดฤดูกาลใหม่แล้วเรียบร้อยสำหรับฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยอย่าง ไทยลีก โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กับ 2 คู่เปิดสนาม

  • ไหนๆ บอลไทยก็กลับมาลับแข้งกันแล้ว วันนี้เราเลยขอมาพรีวิวศึก ไทยลีก เวอร์ชัน 2023/24 กันสักหน่อย ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ใครจะมาท้าชิงแชมป์กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้บ้าง

กลับมาเปิดฤดูกาลใหม่แล้วเรียบร้อยสำหรับฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทยอย่าง ไทยลีก โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กับ 2 คู่เปิดสนาม ที่ก่อนเริ่มฤดูกาลก็มีดราม่าตั้งแต่เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จนต้องประชุมถกแก้ปัญหากันอยู่หลายครั้ง ไหนๆ ก็กลับมาฟาดแข้งกันแล้ว วันนี้เราเลยขอมาพรีวิวศึก ไทยลีก เวอร์ชัน 2023/24 กันสักหน่อย ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ใครจะมาท้าชิงแชมป์กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้บ้าง ติดตามได้เลยครับ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/U720WUMcqlUjot7KyPoye/11063b8df2389fe738939639ad80069a/1__1_
Photo: Thai League

จากพันล้านเหลือไม่ถึงร้อยล้าน 

ก่อนฟุตบอลไทยเริ่มฤดูกาล 2023/24 มีดราม่าตั้งแต่ยังไม่คิกออฟ ก็คือเรื่องของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากที่เคยขายได้ราวๆ 1,000 ล้านบาท ทำไปทำมาปีนี้เหลือแค่ 50 ล้านบาท ถือว่าตกลงแบบน่าใจหาย แฟนบอลบางส่วนถึงขั้นออกมาบอกว่าตอนแรกคิดว่าฟุตบอลไทยโตขึ้น แต่จริงๆ แล้วเหมือนยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้ก้าวไปไหนเลย จนสุดท้าย 3 สโมสรใหญ่อย่าง การท่าเรือ เอฟซี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต้องลงขันควักเอาเงินส่วนตัวมาลงค่าลิขสิทธิ์เพื่อช่วยเหลืออีก 13 ทีมที่เหลือ แล้วก็เคาะราคาแพ็กเกจดูบอลไทยลีกสำหรับแฟนบอลออกมาแล้ว โดยมี 2 แบบ แบบแรกคือรายเดือน เดือนละ 59 บาท แพงกว่าฤดูกาลที่แล้ว 10 บาท ส่วนแบบที่สองคือรายฤดูกาล ฤดูกาลละ 500 บาท สำหรับช่องทางการรับชมจะผ่านทางบริการ OTT ของแต่ละแพลตฟอร์ม ได้แก่ AIS, True ID และ 3BB ซึ่งแบ่งสัดส่วนรายได้กับผู้ให้บริการ 10% และ สโมสรฟุตบอล 90% เรียกว่าลุ้นกันเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เปิดลีก 

เมสซี่เจ คัมแบ็ก! พร้อมพา บีจีฯ ลุ้นแชมป์ไทยลีกเต็มตัว 

ด้านตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีกฤดูกาล 2023/24 ถ้าจะให้พูดถึงบิ๊กดีลที่ฮือฮาที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการคัมแบ็คสู่ไทยลีกของ ‘เมสซี่เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ตัดสินใจโบกมือลา เจลีก ลีกสูงสุดของแดนปลาดิบ กลับมาค้าแข้งที่ประเทศไทยกับ ‘เดอะ แรบบิท’ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยทีมดังของเมืองไทยตกลงจ่ายค่าตัว 70 ล้านบาท ให้กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ เพื่อดึงชนาธิปกลับมาวาดลวดลายบนไทยลีกอีกครั้งในรอบ 7 ปี 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1DR4GosaNsYp3tzzmEhod6/4c4abfaa08abacec1a96064060007a53/2__1_
Photo: BG Pathum United
นอกจากนี้ด้วยความที่ บีจี เป็นทีมที่มีกำลังทรัพย์ในการเสริมผู้เล่นเยอะที่สุดทีมหนึ่งในไทยลีก ทำให้ปีนี้พวกเขาเสริมทัพต้อนรับเฮดโค้ชใหม่อย่าง ‘โค้ชธง’ ธงชัย สุขโกกี แบบจัดเต็ม ไล่มาตั้งแต่ ดานิโล อัลเวส กับ เรนาโต้ เคลิช มาจาก ชลบุรี เอฟซี ส่วนต่างชาติตัวใหม่ก็มี อิกอร์ เซกอเยฟ กับ เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ ซึ่งต้องมารอเช็คฟอร์มยาวๆ อีกที ในขณะที่ตัวไทยน่าสนใจนอกจาก ชนาธิป ก็มี ชินภัทร์ ลีเอาะ ที่ย้ายมาจาก ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด จากการเสริมทัพบวกกับผู้เล่นเดิมที่มีอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น, ธีรศิลป์ แดงดา, อิรฟาน ฟานดี้, อิคซาน ฟานดี้ ฯลฯ ก็ต้องบอกว่าเป้าหมายของ ‘เดอะ แรบบิท’ ปีนี้ต้องเป็น ‘แชมป์’ สถานเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้อาจจะเป็นความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว 

ในขณะที่แชมป์เก่าอย่างทัพ ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สำหรับแฟนบอลที่ติดตามไทยลีกกันมาตลอด ก็น่าจะรู้มาตรฐานของสโมสรแห่งนี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า เป้าหมายของพวกเขาในทุกๆ ฤดูกาลคือการคว้าแชมป์ทุกรายการในประเทศ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้อยู่บ่อยๆ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ ยิ่งกับขุมกำลังของพวกเขาแต่ละปีก็เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าแกร่งทั่วแผ่นแทบจะทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะผู้เล่นต่างชาติที่แทบจะไม่เคยผิดหวังเลย ด้วยความที่แมวมองของพวกเขาค่อนข้างมองขาดในการคัดเลือกนักเตะ ซื้อมาแล้วใช้งานได้ทันที ถึงจะปล่อย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไปอยู่ โอเอช ลูเวิน แต่พวกเขาก็ได้ รามิล เชย์ดาเยฟ ที่มีดีกรีเป็นถึงกองหน้าทีมชาติอาเซอร์ไบจาน มาผนึกกำลังร่วมกับ ศุภชัย ใจเด็ด ดาวซัลโวไทยลีก ปีที่แล้ว ก็แทบไม่ต่างจากเดิมเลย บวกกับขุมกำลังเดิมที่มีอยู่ เช่น ธีราทร บุญมาทัน, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, รัตนากร ใหม่คามิ, ลอนซานา ดูมบูย่า ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เหมือนกันที่จะมาท้าชิงบัลลังก์กับพวกเขา 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/GGv9NelpwfEuouxs3zOJ2/acd30381b05908a7d7aa999ad4cb0592/023-2024-Thai-League-preview-SPACEBAR-Photo01
Photo: Thai League
นอกจากสองทีมลุ้นแชมป์ที่บอกไปแล้ว ทีมใหญ่ทีมอื่น เช่น ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็พร้อมที่จะสอดแทรกขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดได้เช่นกันอย่าง เชียงรายฯ พวกเขาก็มีจุดเด่นในการเล่นฟุตบอลที่รัดกุมแล้วใช้เกมโต้กลับที่อันตราย ก็ทำให้คู่แข่งเล่นด้วยยากเสมอเวลาต้องเจอ แต่ก็น่าเป็นห่วงตรงที่ตอนนี้ทีมมีผู้เล่นอายุน้อยๆ อยู่ในทีมเยอะพอสมควร อาจจะทำให้สู้สองทีมลุ้นแชมป์ลำบากกว่านิดหน่อย ในขณะที่ การท่าเรือ และ แบงค็อก ก็เป็นสองทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกอยู่เรื่อยๆ  ทุกปี ด้วยขุมกำลังทั้งไทยและต่างชาติที่มีคุณภาพ แต่ปัญหาเดิมๆ ของพวกเขาก็อยู่ที่ความสม่ำเสมอ ที่มักจะมีช่วงเครื่องสะดุดอยู่บ่อยๆ ระหว่างฤดูกาล ซึ่งถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้ก็น่าจะทำให้ลุ้นแชมป์ได้สนุกขึ้นกว่าเดิม 

น้องใหม่ลุ้นสู้เพื่อความอยู่รอด 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6YxEcR2Fe2pltPp1BUpBZT/f438fa62526bdbba68aeddf1fa96ab75/023-2024-Thai-League-preview-SPACEBAR-Photo02
Photo: Nakhonpathom United
ส่วนทีมน้องใหม่ในไทยลีก 2023/24 ก็มี นครปฐม ยูไนเต็ด, ตราด เอฟซี และ อุทัยธานี เอฟซี ที่เลื่อนชั้นมาจากไทยลีก 2 ฤดูกาลที่แล้ว ถ้านับความคุ้นเคยต้องบอกว่าทางทัพ ‘ช้างป่าห้วยขาแข้ง’ อุทัยธานี มีประสบการณ์น้อยที่สุด เพราะนี่เป็นครั้งแรกบนเวทีลีกสูงสุดของพวกเขา ซึ่งทีมเองก็พยายามเสริมตัวดีๆ เข้ามาเยอะไม่ว่าจะเป็น วัฒนา พลายนุ่ม, อิรฟาน ดอเลาะ, อ่อง ธู และ สุมัญญา ปุริสาย ที่มีประสบการณ์ในไทยลีกกันมาหมดแล้ว คงต้องมาดูกันว่าทีมจะรับแรงกดดัน และปรับตัวได้ดีแค่ไหนในซีซันนี้ 

ต่อด้วยทัพ ‘ช้างขาวจ้าวเกาะ’ ตราด เอฟซี น้องใหม่แต่หน้าเก่าของศึกไทยลีก ที่มีจุดเด่นกับการเล่นเกมในบ้าน เพราะแฟนๆ ของทีมมักจะเข้ามาให้กำลังใจกันเต็มสนามอยู่เสมอ สำหรับเรื่องน่าเป็นห่วงของพวกเขาก็คือการเสียผู้เล่นตัวหลักที่ลุยด้วยกันมาในไทยลีก 2 ไปหลายคน โดยเฉพาะดาวยิงของทีม 2 คนอย่าง ตาอัว แฟร์ไรร่า และ โมฮาเหม็ด เอสแซม ถึงแม้ว่าจะพยายามเสริมทัพเต็มที่ แต่ก็ต้องดูว่าทีมจะสามารถปรับทีมให้ลงตัวได้ไวขนาดไหน ซึ่งถ้าช้าก็อาจจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในช่วงท้ายซีซันแน่นอน 

ปิดท้ายกันด้วยทีมเก่าทีมแก่ในวงการฟุตบอลไทยอย่าง นครปฐม ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ไทยลีก 2 ได้ในปีที่แล้ว จนเลื่อนชั้นกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในซีซันนี้ แต่ดันต้องมาเสีย ‘โค้ชธง’ ธงชัย สุขโกกี เฮดโค้ชผู้พาทีมไต่เต้ามาตั้งแต่ไทยลีก 4 หลังจากโดนแบน ไปให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตั้งแต่ยังไม่เริ่มฤดูกาล ก็อาจจะส่งผลไม่มากก็น้อยในการลงเล่นในไทยลีก ซึ่งคงต้องอาศัยจุดเด่นของทีมอย่างพลังความสามัคคีของนักเตะในการลงเล่นมาเป็นแรงฮึดในการอยู่รอด และฝากความหวังไว้กับ จิตปัญญา ทิสุด กองกลางมันสมองที่มีประสบการณ์โชกโชนบนลีกสูงสุดว่าจะช่วยเหลือทัพ ‘เสือป่าราชา’ ได้มากขนาดไหนในปีนี้ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์