‘ฟุตบอลคือเพื่อน’
นี่คือวลีดังจากการ์ตูนมังงะยอดฮิตในตำนานของประเทศญี่ปุ่น ‘กัปตันซึบาสะ’ ที่สร้างแรงบันดาลให้กับใครหลายคนก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลระดับโลกในปัจจุบัน ทั้งในแง่ของความมุ่งมานะ ความพยายาม ความกระหายในการไปสู่ฝันที่ตั้งเอาไว้และฝันที่ในการ์ตูนเรื่องนี้มักพูดถึงเสมอก็คือ การไปฟุตบอลโลก การเผชิญหน้ากับทีมชาติชั้นนำระดับโลกและจากเรื่องราวการ์ตูนในวันนั้นมันก็ส่งผลมาให้ในวันนี้เราได้พบเห็นความสำเร็จของทีมชาติญี่ปุ่นมากมายบนการแข่งขันเวทีฟุตบอลระดับชาติที่พวกเขามักจะทำผลงานได้ดีเสมอมา และในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็เช่นกัน การเปิดหัวด้วยชัยชนะเป็นสิ่งที่หลายๆ ทีมใฝ่ฝันอยู่แล้ว แถมการที่ต้องอยู่รวมกลุ่มกับยอดทีมอย่าง เยอรมัน, สเปน และ คอสตาริก้า ก็ทำให้งานของพวกเขาไม่ง่ายเลยที่จะคว้าชัยชนะในสักนัดในการแข่งขัน
แต่แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นเมื่อนัดแรกพวกเขาสามารถพลิกนรกเอาชนะทีมชาติเยอรมันได้ ชนิดที่หักปากกาเซียนทุกคนทิ้งลงอย่างสิ้นเชิงและแสดงให้เห็นว่า มาตรฐานของฟุตบอลญี่ปุ่นพัฒนาไปได้ไกลขนาดไหน ซึ่งจากประเด็นนี้เองทำให้เราลองหยิบ 3 ประเด็นหลักๆ ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จครั้งนี้มาพูดถึงกัน ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกัน


1. จิตใจที่แข็งแกร่งและความพยายามที่ไม่มีวันลดละ
หัวข้อแรกที่สำคัญเลยที่เราเห็นได้ในเกมส์การแข่งขันนัดที่พบกับเยอรมันก็คือ หัวใจที่แข็งแกร่งของเหล่านักเตะญี่ปุ่นที่แสดงออกมาให้เห็นว่า พวกเขาไม่เคยยอมแพ้สักวินาทีเดียว แม้จะต้องถูกออกนำไปก่อนในช่วงครึ่งเวลาแรกจาก อิคาย กุนโดกัน ที่ซัดจุดโทษและนำทัพอินทรีเหล็ก ‘เยอรมัน’ บุกกดดันตลอดเวลา แต่สุดท้ายพวกเขาก็อดทนอย่างใจเย็นและรอเวลาที่จะพาตัวเองเข้าสู่การเล่นแบบฉบับของตัวเองที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการอินเตอร์เซปชันและสวนกลับไปทำประตูคู่แข่งตรงนี้หากใครเคยได้อ่านการ์ตูน ซึบาสะ ก็จะเห็นได้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกปลูกฝังให้ผู้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้รับทราบมาตลอดว่า ตราบใดก็ตามถ้ากรรมการยังไม่เป่านกหวีดพวกเขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด และการเจอเยอรมันนี้ทุกครั้งในการ์ตูนก็เป็นการยากเสมอของทีมชาติญี่ปุ่นที่นำทัพโดยซึบาสะ แต่ทุกครั้งพวกเขาก็ใช้ความอดทนและหัวใจนักสู้พาทีมกลับมาสู่เกมส์ได้ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ที่ทีมชาติญี่ปุ่นในชีวิตจริงชนะเยอรมันในครั้งนี้เลย

2. แทคติกที่ชาญฉลาดจาก ‘หมดทางสู้’ สู่ ‘สู้จนตัวตาย’
ต้องยอมรับว่า ช่วงครึ่งเวลาแรกทีมชาติญี่ปุ่นไม่สามารถสู้ทีมชาติเยอรมันได้เลย ทั้งการเข้าทำต่างๆ รวมไปถึงการต่อบอลที่พวกเขาเคยทำได้ดี พวกเขาโดนทีมชาติเยอรมันกดไว้ได้อยู่หมด ก่อนที่ในช่วงครึ่งเวลาหลังเฮดโค้ชของทีมอย่าง ฮาจิเมะ โมริยาซุ ตัดสินใจเปลี่ยนหมากครั้งสำคัญกับการเอาตัวรุกอาวุธหนักทั้ง คาโอะรุ มิโตะมะ, ทาคุมะ อาซะโนะ, ทาคุมิ มินามิโนะ และ ริทสึ โดอัน ลงมา และมันก็ทำให้เห็นผลลัพธ์ครั้งใหญ่ในการแก้เกมส์ครั้งนี้พวกเขาทำสำเร็จทั้งการต่อบอลที่คุ้นเคยรวมไปถึงการพาตัวเองเข้าสู่พื้นที่อันตราย นักเตะกลุ่มนี้ของญี่ปุ่นทำได้ดีมากๆ และมันก็ส่งผลให้พวกเขาพาตัวเองกลับเข้าสู่เกมส์ด้วยเวลาที่เหมาะสมจากประตูของ ริทสึ โดอัน กองหน้าวัย 24 ปีของทีมจุดประกายให้พวกเขามองถึง 3 แต้มในเกมส์นี้ ก่อนที่ในที่สุด ทาคุมะ อาซะโนะ จะทำความฝันที่ทุกคนรอคอยได้สำเร็จ จากการหลุดเข้าไปยิงแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ ชนิดที่หมดสิทธิ์เซฟและพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้า 3 แต้มสำคัญที่สุดและเป็น 3 แต้มประวัติศาสตร์ของพวกเขาในฟุตบอลโลกอีกด้วย
เล่าเรื่องมาถึงตรงนี้ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ครั้งหนึ่งบนโลกของการ์ตูนซึบาสะก็เคยเกิดเรื่องราวแบบนี้เช่นกันในการพบกันของทีมชาติ ญี่ปุ่น กับ ทีมชาติ เยอรมัน ที่เกมส์นั้นแม้จะจบด้วยสกอร์ 2-2 ในภาค Golden 23 ที่ในครึ่งแรกพวกเขาก็ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน แต่ในครึ่งหลังทีมชาติญี่ปุ่นก็ฮึดกลับมาตีเสมอได้ในเกมส์สุดมันส์ เพียงแต่ว่าวันนี้ชีวิตจริงทีมชาติญี่ปุ่น ไม่มีซึบาสะและมิซากิ แต่มีแค่เพียง ริทสึ โดอัน กับ ทาคุมะ อาซะโนะ สานฝันให้เกิดขึ้นจริงเท่านั้นเอง

3. วินัยต้องไม่ขาดตกบกพร่องตั้งแต่นาทีที่ 1 ถึง 90
ความมีวินัยเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากประเทศญี่ปุ่นเสมอมาไม่ว่าจะเป็นทั้งการใช้ชีวิตก็ดี การทำงานหรือเรื่องต่างๆ ก็ดี พวกเขามักแสดงให้เห็นเสมอว่า วินัย เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาจะขาดไม่ได้เด็ดขาด และการลงเล่นในเกมส์กับเยอรมันครั้งนี้ก็เช่นกัน ตลอด 90 นาทีเราจะเห็นได้ว่า ทุกคนในสนามของญี่ปุ่นต่างทำหน้าที่ได้ดีชนิดที่ถูกสั่งให้ทำอะไรมาก็จะทำสิ่งนั้นไปตั้งแต่ต้นจนจบทั้งการครอบครองบอลในพื้นที่ปลอดภัย การลำเลี้ยงบอลไปข้างหน้าอย่างมีทิศทางและไม่ไร้จุดหมาย รวมไปถึงการจบสกอร์ที่ใช้จังหวะไม่เปลืองมีจังหวะที่ยิงต้องทำให้ดีที่สุดในชีวิต ซึ่งพวกเขาก็ทำได้แบบครบถ้วนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ และมันน่าสนใจมากๆ ว่า นัดต่อไปสิ่งนี้จะยังคงอยู่กับพวกเขาไปจนจบทัวร์นาเมนท์นี้หรือไม่
หากมองดู 3 ข้อที่เราลองหยิบยกมาโดยเชื่อมต่อกันระหว่างการ์ตูนซึบาสะและชีวิตจริงที่พวกเขาเก็บ 3 แต้มแรกสำคัญมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เชื่อมต่อกันมากมายเต็มไปหมด และเมื่อเราลองหันมามองดูมาตรฐานของฟุตบอลไทยบ้านเราบ้างแล้ว สิ่งนี้ที่ญี่ปุ่นทำอยู่แทบจะทิ้งไทยไปได้ไกลชนิดที่นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า ฟุตบอลโลกกับเรามันจะมาบรรจบกันเมื่อใดและชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มันจะเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้แต่หวังว่าถึงวันนั้น “ฟุตบอลจะยังคงอยู่เป็นเพื่อนเราเสมอ” เหมือนที่กัปตันซึบาสะเคยบอกไว้นะ