โคดี้ โรดส์ กับความสำเร็จและการจบเรื่องราวที่ยังต้อง ‘รอไปก่อน’

7 เม.ย. 2566 - 09:58

  • โคดี้ โรดส์ กับการจบเรื่องราวที่ต้อง ‘รอไปก่อน’ จุดเริ่มต้นอาชีพ จนถึงวันที่ยังไม่สมหวัง ของ โคดี้ โรดส์ เป็นอย่างไร ติดตามได้เลย

Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Thumbnail

ถ้าจะพูดถึงนักมวยปล้ำบิ๊กเนมที่ใครก็รู้จักในปัจจุบัน และยิ่งรู้จักดีมากขึ้นไปอีกเมื่อจบศึก WrestleMania 39 ศึกมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของสมาคม WWE ก็คงจะหนีไม่พ้น โคดี้ โรดส์ 

เพราะล่าสุดการที่เขากลับมาสู่สมาคมมวยปล้ำเบอร์ 1 ของอเมริกา (ในแง่ความนิยม) เขาตั้งใจกลับมาเพื่อจะ ‘Finish the Story’ หรือจบเรื่องราวที่ตัวเองและตระกูลโรดส์ควรจะได้รับ นั่นก็คือ การคว้าแชมป์โลก WWE ซึ่งแฟนมวยปล้ำทั้งโลกก็หวังเช่นนั้น แต่ความสำเร็จนี้กลับต้อง ‘รอไปก่อน’ และไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่  
ชีวิตและเรื่องราวของ โคดี้ โรดส์ เป็นอย่างไร ตั้งแต่เริ่มอาชีพ จนถึงวันที่ยังไม่สมหวัง ติดตามไปพร้อมกันได้เลยที่ SPACEBAR 

เป็นได้แค่นักมวยปล้ำ Mid-card ใน WWE 

สำหรับคนที่ติดตามมวยปล้ำมาบ้างคงจะพอรู้ว่า โคดี้ โรดส์ เป็นลูกชายแท้ๆ ของอดีตตำนานมวยปล้ำในยุค 80’ อย่าง ‘The American Dream’ ดัสตี้ โรดส์ ซึ่งใครที่เคยดูผ่านๆ หรือเกิดช่วงเดียวกับผู้เขียน (ประมาณปี 1995) น่าจะเคยได้ยินชื่อกัน นั่นเลยทำให้ โคดี้ โรดส์ เป็นเด็กฝึกของสมาคมเบอร์ 1 ของโลกมาตั้งแต่แรก ไม่ต้องไปไต่เต้าเข้าสู่สมาคมนี้เหมือนนักมวยปล้ำอินดี้คนอื่นๆ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2X6shCXH4C7jp8zK2ThOBF/0e38e9626dcbaf1e6303bccc6505d3b3/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo01
Photo: WWE
แต่การที่เขาเป็นถึงลูกนักมวยปล้ำระดับตำนาน โคดี้ โรดส์ ก็ไม่ได้โชว์อภิสิทธิ์ของเขาเหนือคนอื่นๆ เพราะในช่วงที่เจ้าตัวอยู่ค่ายพัฒนาทักษะของ WWE ในเวลานั้นอย่าง Ohio Valley Wresting (OVW) โคดี้โชว์ฝีมือและทำผลงานได้โดดเด่น สามารถคว้าแชมป์แท็กทีม OVW Southern Tag Team Championship 2 สมัย, แชมป์ OVW Heavyweight Championship และ OVW Television Championship อย่างละ 1 สมัย จนทำให้เขาถูกค่ายหลักเรียกขึ้นไปปล้ำทันที 

เมื่อขึ้นสู่ค่ายหลัก โคดี้ โรดส์ ถูกผลักดันอย่างรวดเร็วด้วยการได้ไปจับคู่กับ ฮาร์ดคอร์ ฮอลลี่ นักมวยปล้ำรุ่นเก๋า โดยสามารถคว้าแชมป์โลกแท็กทีมมาครองได้ 1 สมัย ก่อนที่จะหักหลังคู่แท็กทีม และเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่ม The Legacy ที่มีตัวเขา, เท็ด ดิบิอาซี่ และ แรนดี้ ออร์ตัน ที่แต่ละคนเป็นอดีตลูกนักมวยปล้ำชื่อดังในอดีตทั้งหมด ซึ่งในเวลานั้นโคดี้ถูกมองว่าเป็นอนาคตของ WWE เลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่เคยได้ก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์ระดับสูงของสมาคม เพียงเพราะไม่ได้เป็นลูกรักของเจ้าของสมาคมอย่าง วินซ์ แม็คแมน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4CiInglMl32rloxnHWMaUj/899a88cc425fe92260ae98a562afbb81/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo02
Photo: WWE
หลังออกจากกลุ่ม The Legacy โคดี้ก็ถูกเปลี่ยนกิมมิคมาเป็น ‘Dashing’ โคดี้ โรดส์ กิมมิคที่หลงความหล่อของตัวเอง และ ‘Undashing’ ที่เป็นกิมมิคของเขาหลังจมูกหัก เลยต้องใส่หน้ากากขึ้นปล้ำเพื่อไม่ให้หน้าตัวเองเสียโฉม ซึ่งทั้งสองกิมมิคนั้นโคดี้ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี เป็นนักมวยปล้ำ Mid-card (ระดับกลาง) ฝ่ายอธรรมที่ตีโจทย์บทบาทของตัวเองได้อย่างดี ทั้งในแง่ของโปรโมสกิลการพูด และฝีมือการปล้ำที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนมีแต่คนชื่นชม นั่นทำให้ครั้งหนึ่งเขาก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์แท็กทีมร่วมกับ ดัสติน โรดส์ หรือ Goldust พี่ชายของเขา  

แต่ก็ดีอยู่ได้แปปเดียวก่อนที่ช่วงเวลาที่ขมขื่นสุดๆ ของเขากับ WWE ก็มาถึงกับการเปลี่ยนกิมมิคเป็น Stardust ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือยกกิมมิคของ Goldust มาใส่ตัวเขา ทาหน้าเป็นรูปดาว ใส่ชุดบอดี้สูทแบบเดียวกับพี่ชาย ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันกำลังดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นฝีมือ สกิลพูด และ คาแรคเตอร์ ที่พร้อมจะเติบโตได้แน่ๆ ซึ่งก็แน่นอนว่ากิมมิค Stardust นี้โดนด่าเละเทะจากโลกมวยปล้ำว่าเป็น กิมมิคที่ห่วยที่สุดอันหนึ่งของวงการมวยปล้ำ จนสุดท้าย โคดี้ โรดส์ ก็ทนไม่ไหวกับบทบาทนี้ ขอยกเลิกสัญญา และไปผจญภัยในโลก ‘มวยปล้ำอินดี้’ แทน 

เริ่มต้นใหม่แต่เฉิดฉายกว่าที่เคยเป็นมา 

พอออกจาก WWE โคดี้ โรดส์ ต้องเริ่มใหม่หมดในฐานะนักมวยปล้ำอินดี้ สิ่งเดียวที่เขายังมีอยู่คือชื่อเสียงจากสมาคมอันดับหนึ่งของโลก โดยโคดี้โดดเด่นสุดๆ กับสมาคม Ring of Honor (ROH) ค่ายมวยปล้ำอินดี้ที่สร้างนักมวยปล้ำฝีมือดีสู่วงการมากมายไม่ว่าจะเป็น Bryan Danielson หรือ Daniel Bryan ที่ทุกคนรู้จักกันดีตอนอยู่ WWE และ Kevin Steen หรือ Kevin Owens ในปัจจุบัน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4tLXWQWm3G1kICbwCRx9Eo/6272eefe6139ef853a60b4f2a2e29f33/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo03
Photo: All Elite Wrestling
นอกจากนี้การร่วมงานกับ ROH ส่งผลดีต่อเขาด้วย เพราะทำให้โคดี้ได้มีโอกาสไปปล้ำกับ New Japan Pro-Wrestling หรือ NJPW สมาคมมวยปล้ำเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่น และเบอร์หนึ่งของโลกในแง่คุณภาพ โดยเจ้าตัวยังได้เข้าไปร่วมกลุ่ม BULLET CLUB กลุ่มมวยปล้ำอธรรมเบอร์หนึ่งของสมาคมที่ดังที่สุดในโลกมวยปล้ำอินดี้ และโคดี้อยู่ในกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว  

และในโลกมวยปล้ำอินดี้ยังเป็นที่กำเนิดกิมมิคปัจจุบันของโคดี้อย่าง ‘The American Nightmare’ ที่อ้างอิงชื่อมาจากพ่อของเขาอย่าง ‘The American Dream’ ซึ่งเขาได้ทั้งคำชื่นชมและคำวิจารณ์มากมายตลอดการโลดแล่นในวงการมวยปล้ำอินดี้ นอกจากนี้เขายังประสบความสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็น แชมป์โลก NWA 1 สมัย, แชมป์ยูเอส IWGP 1 สมัย, แชมป์โลกแท็กทีม 6 คน ของ ROH 1 สมัย และ แชมป์โลก ROH 1 สมัย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2bKbN6CIK4UqiybFmfonh5/cf3eb2a731bd630ed6d931f09af1a46b/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo04
Photo: All Elite Wrestling
ก่อนที่ในปี 2018 เขาจะร่วมกับ The Young Bucks จัดศึก All In โชว์มวยปล้ำอินดี้ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา และได้ผลตอบรับอย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของค่ายมวยปล้ำเบอร์สองของอเมริกาในเวลานี้อย่าง All Elite Wrestling (AEW) ซึ่งตัวเขาเองได้รับตำแหน่ง Executive Vice President (EVP) รวมถึงได้เป็นหน้าตาของสมาคมด้วย และสร้างแมตช์มวยปล้ำ 5 ดาว ที่ได้รางวัล ‘แมตช์ยอดเยี่ยมแห่งปี’ จาก Pro Wrestling Illustrated จากการเจอกับพี่ชายตัวเองอย่าง ดัสติน โรดส์ ในศึก Double or Nothing และพา AEW ให้เป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำทั่วโลก 
หลังจากนั้น โคดี้ โรดส์ ก็ประสบความสำเร็จในสมาคมแห่งนี้ด้วยการคว้าแชมป์ TNT คนแรกของสมาคม และได้ถึง 3 สมัย ช่วยผลักดันนักมวยปล้ำหลายต่อหลายคน และยกระดับสมาคมไปอีกระดับ แต่เขาก็ยังถูกแฟน AEW ตั้งข้อสงสัยว่าสิ่งที่เขาทำก็ทำไปเพื่อหาสปอตไลท์ให้ตัวเองอยู่ตลอด แบบนี้ควรไปอยู่ WWE มากกว่า นั่นจึงทำให้ในปี 2022 เขาตัดสินใจกลับมาที่ WWE ในศึก WrestleMania 38  

กลับมาเพื่อจบเรื่องราว ที่สุดท้ายก็ต้อง ‘รอไปก่อน’ 

โคดี้ โรดส์ กลับมาด้วยการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ใน WrestleMania 38 และมีแมตช์ที่ยอดเยี่ยมกับ เซธ โรลลินส์ ในค่ำคืนนั้น และต่อเนื่องไปจนถึงในศึก Hell In a Cell 2022 ที่เขาขึ้นปล้ำทั้งที่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหน้าอกฉีก แต่ก็ยังสร้างแมตช์ที่ยอดเยี่ยมกับเซธได้ จนได้รับคำชื่นชมจากทั้งคนดูและนักวิจารณ์ในเรื่องของสปิริต แถมยังคว้าแมตช์ 5 ดาวไปได้อีกต่างหาก 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6YhgqEnpeNDavDWh9fu8C3/8d5c7bdffedb051bcb3b3996835c0b38/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo05
Photo: WWE
หลังจบแมตช์นั้น โคดี้ ต้องพักเพื่อไปรักษาอาการบาดเจ็บของเขา แต่ก่อนหน้านั้นหลังจากที่กลับมาสู่ WWE ทางสมาคมก็ได้วางบทบาทให้เขาเป็นนักมวยปล้ำธรรมมะระดับสูงที่พร้อมจะชิงแชมป์โลกเลยด้วย และตัวเขาเองก็บอกแล้วว่าจะกลับมา ‘Finish the Story’ หรือ จบเรื่องราว ที่ตระกูลของเขายังไม่เคยเป็นแชมป์โลก และเขานี่แหละคือคนที่จะทำมันให้สำเร็จ
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2dSViiMp0kDsCc0RhOvRIy/3294287bd323b6169c61b9e3d8724dd9/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo_V01
นั่นเลยทำให้ตอนที่เขาคัมแบ็คกลับมาคว้าตำแหน่งผู้ชนะ Royal Rumble 2023 แฟนมวยปล้ำทั้งโลกก็คงคิดว่าคนที่จะมากระชากแชมป์โลกไปจาก โรมัน เรนจ์ ได้ก็ต้องเป็น โคดี้ โรดส์ นี่แหละ เพราะบทบาททุกอย่างมันส่งมาที่เขาหมดแล้ว แต่แล้วคนดูก็ต้องช็อคและเงียบกันทั้งสนามเมื่อ WWE ไม่เลือกแบบนั้นใน WrestleMania คืนที่สอง สมาคมเลือกที่จะพังเรื่องราวที่พวกเขาสร้างมาทั้งหมด ทิ้งเนื้อเรื่องที่ควรจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสมาคมลงถังขยะด้วยมือตัวเอง ด้วยการให้ เรนจ์ ชนะและเป็นแชมป์โลกต่อไปเพื่อมุ่งสู่สถิติการเป็นแชมป์ทะลุ 1,000 วัน
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6KOgjaFa1d3aVlqtEm27W/a117042829c6ef914a9330d76fc3bf7b/Cody-Rhodes-will-finish-the-story-later-SPACEBAR-Photo06
หนึ่งในสาเหตุที่สตอรี่นี้กลายเป็นแบบนี้ก็เพราะการกลับมามีอำนาจในสมาคมของ วินซ์ แม็คแมน เพราะเจ้าของสมาคมคนนี้ยังต้องการและเห็นความสำคัญของการครองแชมป์สู่สถิติ 1,000 วัน ของ โรมัน เรนจ์ ไม่มีแผนให้เสียแชมป์ มากกว่าการที่ โคดี้ โรดส์ จะเป็นแชมป์ ตรงข้ามกับแฟนมวยปล้ำส่วนใหญ่ที่มองว่า โคดี้ นี่แหละที่เหมาะจะมาล้ม เรนจ์ และเป็นแชมป์โลกคนใหม่ของสมาคม 

ซึ่งหลายคนก็มองว่านี่จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะเวลานี้ โรมัน เรนจ์ คือนักมวยปล้ำที่แกร่งที่สุดในสมาคม และ โคดี้ โรดส์ ก็ถูกบิลด์อัพมาเพื่อให้แกร่งพอที่จะล้มแชมป์คนปัจจุบันได้ แต่ตอนนี้เท่ากับว่าโมเมนตั้มทั้งหมดของโคดี้ก็พังลงไปหมดแล้ว และบอกตรงๆ ว่าตอนนี้ในสมาคมก็ไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะมาล้ม เรนจ์ ได้อีกแล้ว สุดท้ายก็ทำให้การกลับมาจบเรื่องราวของ โคดี้ โรดส์ ในครั้งนี้ยังคงต้อง ‘รอไปก่อน’ โดยที่ทุกคนก็ยังไม่รู้ด้วยว่า ‘เมื่อไหร่’ เพราะตอนนี้ วินซ์ แม็คแมน กลับมามีอำนาจในส่วนของครีเอทีฟเต็มรูปแบบแล้วเรียบร้อย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์