ศึกรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula 1 กลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง หลังจบ Belgian Grand Prix แล้วมีการหยุดพักซัมเมอร์เบรก หรือพักเบรกช่วงครึ่งฤดูกาลกันไปประมาณเกือบๆ หนึ่งเดือน ก็เดินทางมาถึงช่วงครึ่งซีซันหลังในเรซที่ 13 ประจำปีนี้กับ ‘Dutch Grand Prix’ ที่สนาม Circuit Zandvoort ทางตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Spacebar VIBE ก็มีสรุปผลการแข่งขันมาให้ทุกคนได้ทราบกันเหมือนเคย แล้ว Dutch Grand Prix ปีนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ติดตามได้เลยครับ
สำหรับ Circuit Zandvoort สนามแข่งขันของ Dutch Grand Prix เริ่มจัดการแข่งขัน Formula 1 ครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1950 แล้วจัดการแข่งขันครั้งสุดท้ายในช่วงยุค 1900 เมื่อปี 1985 ก่อนจะหยุดแข่งที่สนามแห่งนี้ไปยาวนานถึง 36 ปี และกลับมาแข่งขันในยุคใหม่เมื่อปี 2021 โดยในปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่ง 2 หนก่อนหน้านี้ที่กลับมาแข่ง ผู้ชนะก็เป็นนักขับเจ้าบ้าน แชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง Max Verstappen ที่ขับเข้าไปคว้าธงตราหมากรุกได้ทั้งหมด
มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Circuit Zandvoort กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 4.259 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 72 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงยาวๆ ให้ใช้ความเร็วค่อนข้างน้อย และมีโค้งที่เป็นช่วงโค้งสูงชันให้เห็นด้วย เนื่องจากเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และมีสถานะเป็นประเทศแผ่นดินต่ำ โดยสนามนี้มีโค้งทั้งหมด 14 โค้ง มีโซนให้เปิดปีกท้ายเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ DRS ทั้งหมด 2 โซน ซึ่งอยู่ในช่วงทางตรงยาวที่สุด 2 ช่วง ของสนามก็คือ หลังออกจากโค้ง 10 วิ่งตรงยาวไปถึงก่อนเข้าโค้ง 11 และโซนที่สองอยู่ตรงหลังออกโค้ง 13 ลากยาวผ่านจุดสตาร์ทและเส้นชัยไปจนสุดทางตรงก่อนโค้ง 1
สำหรับ Circuit Zandvoort สนามแข่งขันของ Dutch Grand Prix เริ่มจัดการแข่งขัน Formula 1 ครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1950 แล้วจัดการแข่งขันครั้งสุดท้ายในช่วงยุค 1900 เมื่อปี 1985 ก่อนจะหยุดแข่งที่สนามแห่งนี้ไปยาวนานถึง 36 ปี และกลับมาแข่งขันในยุคใหม่เมื่อปี 2021 โดยในปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่ง 2 หนก่อนหน้านี้ที่กลับมาแข่ง ผู้ชนะก็เป็นนักขับเจ้าบ้าน แชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง Max Verstappen ที่ขับเข้าไปคว้าธงตราหมากรุกได้ทั้งหมด
มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Circuit Zandvoort กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 4.259 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 72 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงยาวๆ ให้ใช้ความเร็วค่อนข้างน้อย และมีโค้งที่เป็นช่วงโค้งสูงชันให้เห็นด้วย เนื่องจากเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และมีสถานะเป็นประเทศแผ่นดินต่ำ โดยสนามนี้มีโค้งทั้งหมด 14 โค้ง มีโซนให้เปิดปีกท้ายเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือ DRS ทั้งหมด 2 โซน ซึ่งอยู่ในช่วงทางตรงยาวที่สุด 2 ช่วง ของสนามก็คือ หลังออกจากโค้ง 10 วิ่งตรงยาวไปถึงก่อนเข้าโค้ง 11 และโซนที่สองอยู่ตรงหลังออกโค้ง 13 ลากยาวผ่านจุดสตาร์ทและเส้นชัยไปจนสุดทางตรงก่อนโค้ง 1


สำหรับ Starting Grid สนามนี้ คนที่ได้ออกสตาร์ทในตำแหน่ง Pole Position ก็คือ Max Verstappen นักขับเจ้าถิ่นที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในรอบควอลิฟาย ตามมาด้วย Lando Norris จาก McLaren ในอันดับที่ 2 ส่วนอันดับที่สามเป็น George Russell นักขับจาก Mercedes และอันดับที่ 4 ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่ายินดีของแฟนๆ F1 ชาวไทย เพราะเป็นทาง Alexander Albon นักขับไทยจากทีม Williams Racing ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบควอลิฟาย จนได้ออกสตาร์ทในแถวหน้าๆ ของกริด นอกจากนี้อันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี Fernando Alonso อันดับ 5, Carlos Sainz อันดับ 6, ‘Checo’ Sergio Perez อันดับ 7, Oscar Piastri อันดับ 8 และ Charles Leclerc อันดับ 9
ส่วนในช่วงของการแข่งขัน Dutch Grand Prix ต้องบอกว่าเกิดความวุ่นวายตั้งแต่ช่วงเริ่มออกสตาร์ท เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงซ้อมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เกิดฝนตกลงมาค่อนข้างเยอะ จนทำให้เกิดการควบคุมรถไม่อยู่ และชนข้างสนามกันไปบ้างแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Daniel Ricciardo นักขับจากทีม AlphaTauri ที่ชนจนถึงขั้นมือมีอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถลงแข่งได้ ทำให้ทีมต้องไปดึงนักขับดาวรุ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นนักขับทดสอบของทีมอย่าง Liam Lawson มาขับแทน และในช่วงเมนเรซนี้ก็เช่นกัน ทุกทีมส่วนใหญ่ออกสตาร์ทด้วยยาง Soft เพราะท้องฟ้าโปร่ง แทร็คแห้ง แต่ยังไม่ทันจบรอบแรกดี ฟ้าฝนเจ้ากรรมก็กระหน่ำตกลงมา ทำให้หลายทีมต้องเรียกนักแข่งเข้าพิทกันยกใหญ่ เพื่อไปเปลี่ยนเป็นยาง Intermediate ตั้งแต่รอบที่ 2
ส่วนในช่วงของการแข่งขัน Dutch Grand Prix ต้องบอกว่าเกิดความวุ่นวายตั้งแต่ช่วงเริ่มออกสตาร์ท เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงซ้อมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เกิดฝนตกลงมาค่อนข้างเยอะ จนทำให้เกิดการควบคุมรถไม่อยู่ และชนข้างสนามกันไปบ้างแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Daniel Ricciardo นักขับจากทีม AlphaTauri ที่ชนจนถึงขั้นมือมีอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถลงแข่งได้ ทำให้ทีมต้องไปดึงนักขับดาวรุ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นนักขับทดสอบของทีมอย่าง Liam Lawson มาขับแทน และในช่วงเมนเรซนี้ก็เช่นกัน ทุกทีมส่วนใหญ่ออกสตาร์ทด้วยยาง Soft เพราะท้องฟ้าโปร่ง แทร็คแห้ง แต่ยังไม่ทันจบรอบแรกดี ฟ้าฝนเจ้ากรรมก็กระหน่ำตกลงมา ทำให้หลายทีมต้องเรียกนักแข่งเข้าพิทกันยกใหญ่ เพื่อไปเปลี่ยนเป็นยาง Intermediate ตั้งแต่รอบที่ 2



แต่หลังจากนั้นฝนก็มาหยุดตกในรอบที่ 11 ของการแข่งขัน หลายๆ ทีมก็เข้าพิทเพื่อไปเปลี่ยนเป็นยาง Soft ออกมาวิ่งกันต่ออีกครั้ง ก่อนที่ในรอบที่ 16 จะมีคนที่ต้องออกจากการแข่งขันเป็นคนแรกในเรซนี้นั่นก็คือ Logan Sargeant ของทีม Williams ที่เกิดอาการล้อล็อกในโค้งที่ 8 จนหลุดออกไปชนที่กั้นบริเวณข้างสนาม ทำให้แข่งขันต่อไม่ได้ต้องรีไทร์ไปในที่สุด ส่วนอีกคนที่ออกจากการแข่งขันก็คือ Charles Leclerc จาก Ferrari ที่รถมีปัญหาต้องรีไทร์ไปในรอบที่ 41 ก่อนที่ฝนจะเริ่มตกอีกครั้งในรอบที่ 62 จนในรอบถัดมารถหลายคันก็ควบคุมไม่อยู่หลุดแทร็คไปตามๆ กัน เริ่มตั้งแต่ Sergio Perez ที่ล้อล็อกในช่วงโค้งที่ 1 แต่ยังโชคดีที่ชนเบา สามารถแข่งต่อได้ ส่วนคนที่โชคร้ายกลายเป็น Zhou Guanyu จาก Alpha Romeo ที่หลุดโค้งเดียวกัน แต่ชนแรงจนรถเสียหาย และต้องออกจากการแข่งขัน ซึ่งนอกจากสองคนนี้ก็ยังมี Pierre Gasly, Carlos Sainz และ Lewis Hamilton ที่โดนความลื่นเล่นงานในโค้งแรก หลุดโค้งลงไปบริเวณบ่อกรวดทั้ง 3 คน
จากนั้นฝนก็มาตกหนักมากๆ จนทำให้สุดท้ายทาง Race Control หรือผู้ควบคุมการแข่งขันต้องประกาศตีธงแดง ให้หยุดการแข่งไว้ก่อนในรอบที่ 65 เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากแข่งต่อ โดยการแข่งขันหยุดไปนานกว่า 40 นาที ก่อนจะกลับมาแข่งต่ออีกครั้งในรอบที่ 66 ซึ่งเป็นการออกสตาร์ทตามหลังรถ Safety Car แล้วในรอบที่ 68 ทางด้าน Lando Norris ก็ไปชนกับ George Russell ทำให้รถของนักขับ Mercedes มีปัญหาหล่นจากอันดับที่ 8 ไปอยู่ที่ 17
จากนั้นฝนก็มาตกหนักมากๆ จนทำให้สุดท้ายทาง Race Control หรือผู้ควบคุมการแข่งขันต้องประกาศตีธงแดง ให้หยุดการแข่งไว้ก่อนในรอบที่ 65 เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากแข่งต่อ โดยการแข่งขันหยุดไปนานกว่า 40 นาที ก่อนจะกลับมาแข่งต่ออีกครั้งในรอบที่ 66 ซึ่งเป็นการออกสตาร์ทตามหลังรถ Safety Car แล้วในรอบที่ 68 ทางด้าน Lando Norris ก็ไปชนกับ George Russell ทำให้รถของนักขับ Mercedes มีปัญหาหล่นจากอันดับที่ 8 ไปอยู่ที่ 17


สำหรับผู้ชนะเรซนี้ก็เป็นไปตามคาดเมื่อ Max Verstappen นักขับขวัญใจเจ้าถิ่นวิ่งเข้าไปรับธงตราหมากรุกเป็นคันแรก คว้าชัยที่สนามบ้านเกิดเป็นหนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นชัยชนะ 9 ครั้งรวดของทีม Red Bull ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง Sergio Perez แม้จะจบที่อันดับ 3 แต่โดนปรับโทษ 5 วินาที จาการใช้สปีดเกิดกำหนดในพิทเลน ทำให้หล่นมาอยู่อันดับ 4 ส่วนอันดับ 2 ตกเป็นของ Fernando Alonso นักขับตัวเก๋าของ Aston Martin ที่ขับได้ดีมากๆ แถมยังทำ Fastest Laps ในเรซนี้ไปได้ด้วยเวลา 1:13.837 นาที และอันดับที่ 3 ก็ต้องชื่นชมทาง Pierre Gasly ที่ออกสตาร์ทในอันดับที่ แต่ก็ขับได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลับมายืนบนโพเดียมอีกครั้ง
ส่วนอีกคนที่ต้องยอมรับว่าทำได้ดีมากๆ ในเรซนี้ก็คือ Alexander Albon นักขับชาวไทยที่ขับได้ดีมากๆ จบอันดับที่ 8 คว้าอีก 4 คะแนนสะสมมาเพิ่มให้ทีม Williams Racing แถมเจ้าตัวยังไม่เข้าไปเปลี่ยนยางตอนช่วงฝนตก ยื้อใช้ยาง Soft นานจนถึงรอบที่ 44 อีกด้วย สำหรับคนที่ผิดหวังที่สุดสองคนในการแข่งขันวันนี้ก็คงเป็น Charles Leclerc ที่ออกสตาร์ทสิบอันดับแรก แต่สุดท้ายไม่จบการแข่งขัน และ George Russell ที่ออกสตาร์ทแถวหน้าในอันดับ 3 แต่ด้วยการวางแผนผิดพลาดของทีม บวกกับความโชคร้ายที่ไปปะทะกับรถคันอื่น จนทำให้จบในอันดับที่ 17
ส่วนผลการแข่งขันของนักขับที่เหลือใน Dutch Grand Prix รวมไปถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ส่วนอีกคนที่ต้องยอมรับว่าทำได้ดีมากๆ ในเรซนี้ก็คือ Alexander Albon นักขับชาวไทยที่ขับได้ดีมากๆ จบอันดับที่ 8 คว้าอีก 4 คะแนนสะสมมาเพิ่มให้ทีม Williams Racing แถมเจ้าตัวยังไม่เข้าไปเปลี่ยนยางตอนช่วงฝนตก ยื้อใช้ยาง Soft นานจนถึงรอบที่ 44 อีกด้วย สำหรับคนที่ผิดหวังที่สุดสองคนในการแข่งขันวันนี้ก็คงเป็น Charles Leclerc ที่ออกสตาร์ทสิบอันดับแรก แต่สุดท้ายไม่จบการแข่งขัน และ George Russell ที่ออกสตาร์ทแถวหน้าในอันดับ 3 แต่ด้วยการวางแผนผิดพลาดของทีม บวกกับความโชคร้ายที่ไปปะทะกับรถคันอื่น จนทำให้จบในอันดับที่ 17
ส่วนผลการแข่งขันของนักขับที่เหลือใน Dutch Grand Prix รวมไปถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ผลการแข่งขัน Dutch Grand Prix
- Max Verstappen (Red Bull Racing)
- Fernando Alonso (Aston Martin)
- Pierre Gasly (Alpine)
- Sergio Perez (Red Bull Racing)
- Carlos Sainz (Ferrari)
- Lewis Hamilton (Mercedes)
- Lando Norris (McLaren)
- Alexander Albon (Williams)
- Oscar Piastri (McLaren),
- Esteban Ocon (Alpine)
- Lance Stroll (Aston Martin)
- Nico Hulkenberg (Haas F1 Team)
- Liam Lawson (AlphaTauri)
- Kevin Magnussen (Haas F1 Team)
- Valtteri Bottas (Alfa Romeo)
- Yuki Tsunoda (AlphaTauri)
- George Russell (Mercedes)
5 อันดับคะแนนสะสมนักแข่ง
- Max Verstappen 339 คะแนน
- Sergio Perez 201 คะแนน
- Fernando Alonso 168 คะแนน
- Lewis Hamilton 156 คะแนน
- Carlos Sainz 102 คะแนน
อันดับคะแนนสะสมทีมผู้ผลิต
- Red Bull Racing 540 คะแนน
- Mercedes 255 คะแนน
- Aston Martin 215 คะแนน
- Ferrari 201 คะแนน
- McLaren 111 คะแนน
- Alpine 73 คะแนน
- Williams 15 คะแนน
- Haas F1 Team 11 คะแนน
- Alfa Romeo 9 คะแนน
- AlphaTauri 3 คะแนน