สุดสัปดาห์นี้ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ Formula 1 ประจำฤดูกาล 2023 ก็เตรียมเดินทางเข้าสู่เรซที่ 17 กันแล้ว รอบนี้จะเป็นที่ประเทศกาตาร์กับ ‘Qatar Grand Prix’ ซึ่งหลังจากจบเรซนี้ก็จะยกพลไปแข่งกันที่โซนทวีปอเมริกายาวๆ 4 เรซ โดยเรซที่กาตาร์สำคัญตรงที่ว่าเราอาจจะได้เห็น Max Verstappen คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของเขาได้ที่สนามนี้เลย และอย่างที่ Spacebar VIBE สัญญากันไว้ก่อนหน้านี้ว่าเราได้มีโอกาสบินไปดู ‘Singapore Grand Prix’ แบบติดขอบสนาม แล้วจะเอารีวิวมาฝาก วันนี้เราเลยขอเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ให้ทุกคนได้ติดตามกัน เผื่อในปีหน้าใครอยากลองไปดูด้วยตัวเองสักครั้ง ก็ใช้บทความนี้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้เลยครับ

เราขอเริ่มจากบัตรเข้าชมการแข่งขันกันก่อนเลย สำหรับการไปดู Singapore Grand Prix ในครั้งนี้ เราซื้อบัตรผ่านทาง Traveloka ได้มาในราคา 7,000 นิดๆ กับบัตร Zone 4 Walkabout เป็นบัตรเข้าชมในวันอาทิตย์ หรือวันแข่งขันจริงนั่นเอง ซึ่งถ้าหากใครตัดสินใจได้เร็วหน่อย ในราคานี้ถ้าซื้อล่วงหน้าอาจจะได้ดูทั้ง 3 วันเลย ส่วนที่เราอยากเอาเรื่องบัตรมาเล่าก็เพราะ ถ้าดูใบยืนยันการจองจะเห็นตรงส่วนวิธีการแลกรับบัตรว่า ให้แสดงใบยืนยันนี้พร้อมเอกสารยืนยันตัวตน แต่จริงๆ แล้วทาง Traveloka จะส่ง QR Code ที่เอาไว้เข้างานมาให้เราในช่วงก่อนถึงวันแข่ง เพราะใบยืนยันนี้ไม่สามารถใช้ผ่านประตูได้นะครับ โดยเราเองก็พลาดและไม่ได้เช็ค ทำให้เสียเวลาไปประมาณเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน

สำหรับแผนที่ของสนามแข่ง Marina Bay Street Circuit แทร็คประจำ Singapore Grand Prix จะเห็นว่ามีประตูเข้าออกสนามทั้งหมด 8 ประตู ซึ่งการเดินทางมาก็ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะแต่ละประตูจะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT ของสิงคโปร์ ในระยะเดินไม่ถึง 500 เมตร และต่อจากนี้ในหลายๆ โซนที่เราเอามารีวิว อยากให้ดูแผนที่ของสนามประกอบไปด้วยนะครับ

โดยทางเข้าที่เราเลือกคือประตูที่ 4 เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากที่พักในทริปนี้เท่าไหร่ โดยเราเดินผ่านย่าน Boat Quay ซึ่งถ้าใครใช้ทางเข้าตรงเรา พอเดินออกมาย่านริมน้ำแล้ว ให้สังเกตหาโรงแรม Fullerton ถ้าเห็นปุ๊บก็เดินตรงยาวๆ ไปจนถึงโรงแรมได้เลย แล้วก็จะเจอสะพาน Cavenagh ให้ข้ามสะพานไปได้เลย หลังจากนั้นก็จะเจอกับป้ายทางเข้า เดินตามป้ายไปก็จะพบเต็นท์ทางเข้าแล้วครับ

หลังจากผ่านประตูเข้ามาได้ สิ่งแรกที่จะเห็นเลยก็คือ โซนที่นั่งที่จัดไว้ให้ผู้ชมมานั่งพัก มีฉากหลังเป็น Victoria Theatre ในขณะที่ด้านข้างเป็นสแตนด์ใหญ่อย่าง Orange @ Empress Grandstand ใครที่ซื้อตรงนี้ไว้ก็ขึ้นไปได้เลย นอกจากนั้นบริเวณนี้ก็ยังมีโซนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า Grid Bar ไว้ให้บริการด้วย รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึกก็มีพร้อมให้แฟนๆ F1 ได้ละลายทรัพย์เช่นกัน ส่วนบัตร Zone 4 Walkabout แบบเราก็จะต้องดูผ่าน Viewing Platform ที่เป็นสแตนด์เล็กๆ ตั้งไว้ให้คนที่ซื้อบัตรโซนนี้ได้ชมกัน แต่ด้วยพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มากบวกกับจำนวนคนที่ค่อนข้างเยอะ อาจจะทำให้ต้องขึ้นไปจับจองกันไวหน่อยนะครับ

โดยช่วงเวลาที่เราเข้าสนามไปกำลังจะเป็นช่วงที่มี Driver Parade พอดี ซึ่งนักแข่งของแต่ละทีมก็จะนั่งรถเปิดประทุนออกมาทักทายคนดูรอบๆ สนามก่อนจะเริ่มแข่ง ทำให้เราเอาตัวเองเบียดเข้าไปใน Viewing Platform บริเวณทางเข้าไม่ได้ ก็เลยต้องมุดอุโมงค์ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่ง ที่แพลตฟอร์มตรงนั้นพอมีที่เหลือให้เข้าไปยืนอยู่ได้พอดิบพอดี ใครที่อยากเห็นชัดๆ แนะนำเผื่อเวลากันให้ดีๆ ครับ

หลังจากดู Driver Parade เสร็จ เราก็เตรียมเดินไปยัง Viewing Platform ที่เราตั้งใจไว้ว่าจะไปดูก็คือบริเวณสะพาน Jubilee ซึ่งเป็นช่วงทางตรงยาว โดยบรรยากาศระหว่างทางเดิน เราจะผ่าน F1 Village ของโซน 4 ที่เหมือนเป็นศูนย์กลางตรงนี้ มีทั้งร้านอาหาร ห้องน้ำ ร้านขายของที่ระลึก และเวทีคอนเสิร์ตใหญ่อย่าง The Padang ก็อยู่บริเวณนี้เหมือนกัน เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ทางขวามือเราก็จะเห็นทางลอดที่พาเราข้ามมายังฝั่ง Esplanade Theater เลี้ยวขวาอีกทีก็จะถึงสะพาน Jubilee ซึ่งเดินไปอีกนิดก็จะเจอทางเข้าของแพลตฟอร์มแล้วครับ

สำหรับ Viewing Platform บริเวณสะพาน Jubilee จะอยู่ตรงช่วงหลังออกจากโค้งที่ 13 และจะเป็นทางตรงยาวๆ ไปจนถึงโค้ง 14 ซึ่งสามารถใช้ DRS เพิ่มความเร็วได้ โดยเราก็จะมีโอกาสเห็นนักแข่งกดคันเร่งกันแบบเต็มๆ บริเวณนี้ ส่วนวิวฉากหลังก็สวยงามไม่แพ้กัน เพราะเราจะเห็นโรงแรม Fullerton อยู่ตรงหน้า พร้อมกับตึกสูงใหญ่มากมายของสิงคโปร์ สำหรับใครที่คอแห้งอยากหาอะไรดื่มก็ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะเขามี Grid Bar ไว้ให้บริการด้านล่างสแตนด์เลย

การรับชมการแข่งขันผ่าน Viewing Platform ตรงนี้ ข้อสำคัญเหมือนตอน Driver Parade เลยนั่นก็คือ เราต้องเผื่อเวลาพอสมควร ถ้าเกิดอยากจะมีที่ดีๆ เพื่อดูการแข่งแบบชัดๆ ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร เพราะจริงๆ แล้วเราเองก็ไปช้าเหมือนกัน แต่ว่ายังพอมีที่เหลือให้ขึ้นไปยืนได้ตามมุมที่เห็น ซึ่งจริงๆ แล้วด้านล่างสแตนด์มีคนจำนวนหนึ่งที่มาช้า และไม่สามารถขึ้นมาได้ ในขณะที่การรับชม เราจะเห็นรถออกจากโค้ง 13 แล้ววิ่งต่อในทางตรงทันที ก็ถือว่าเห็นได้ชัดแบบติดขอบสนามพอสมควร ส่วนเรื่องเสียงบางคนก็จะใส่ Earplug แต่โดยส่วนตัวเราคิดว่าไม่ดังเท่าไหร่ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ และถ้าใครกลัวเห็นการแข่งได้ไม่ทั่วถึงก็ไม่ต้องเป็นห่วง เขามีจอถ่ายทอดสดการแข่งให้ดูกระจายอยู่ทั่วทุกโซน เพราะต่อให้เรานั่งสแตนด์ดีแค่ไหน ยังไงเราก็เห็นแค่รถวิ่งผ่านตรงหน้าอยู่ดี จึงต้องมีจอไว้ให้คนดูอัพเดตเรื่อยๆ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในเรซบ้าง

และหลังรถคันแรกวิ่งเข้าไปรับธงตราหมากรุก คว้าชัยชนะสนามนี้ได้ ตามธรรมเนียมก็จะต้องมีการจุดพลุเพื่อเฉลิมฉลอง ซึ่งบริเวณที่เราอยู่ก็ใกล้มากๆ แค่หันหลังไปก็เจอขบวนพลุสุดอลังการยิงยาวๆ เกือบ 4-5 นาที ที่ถูกยิงขึ้นจากอ่าว Marina Bay ท่ามกลางวิวด้านหลังสวยๆ ของ Marina Bay Sand, Art & Science Museum และ Singapore Flyer

ถ้าใครติดตามการแข่งขัน F1 ที่สิงคโปร์ หรือพอรู้ข้อมูลเบื้องต้นมาบ้าง น่าจะทราบกันดีว่าจุดเด่นของที่นี่นอกจากการแข่งรถแล้ว ยังมีคอนเสิร์ตที่ขนเอาไลน์อัพศิลปินเบอร์ท็อปๆ มาเล่นตลอดในทุกๆ ปี อย่างในปีนี้ก็มีทั้งแก๊ง 88rising ที่มาทั้ง Jackson Wang, Rich Brian, Bibi และ Milli เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมี Post Malone, The Kooks, Kings Of Leon และป๊อปสตาร์ตัวพ่ออย่าง Robbie Williams ที่ขึ้นโชว์ในวันสุดท้ายด้วย โดยเราก็มีทริคสำหรับคนที่อยากดูคอนเสิร์ตกันนิดนึงว่า ให้รีบมาแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าคุณออกมาตอนการแข่งขันจบแล้ว พื้นที่บริเวณหน้าเวที The Padang จะเต็มจนไม่สามารถเข้าไปได้แล้ว อาจจะต้องยืนเสพบรรยากาศจากรอบนอกเอา ซึ่งถ้าใครไม่ซีเรียส เราว่ามันก็โอเค เพราะเสียงที่ได้ยินมันชัด บวกกับเขามีจอยักษ์ให้เราเห็นการแสดงบนเวทีอยู่แล้วด้วย

ช่วงท้ายๆ ถ้าใครหิวหรืออยากแวะซื้อของที่ระลึกก่อนกลับก็ไม่ต้องห่วง เพราะบริเวณ F1 Village โซน 4 มีร้านอาหารมากมายเรียงรายให้เลือกอิ่มกัน รวมไปถึงเต๊นท์ขายของที่ระลึกที่พร้อมตกเงินจากกระเป๋าของคุณก็มีอยู่รอบๆ เต็มไปหมด ส่วนใครที่รู้สึกว่าอยากจะปาร์ตี้ต่อ ค่ำคืนนี้มันยังไม่สุด ใกล้ๆ กันเขาก็มีโซนที่เรียกว่า The Garage มีน้ำอ้อยเย็นๆ ให้บริการ พร้อมกับเปิดเพลงให้คนเต้นกันอย่างเมามัน ตอนที่เราไปถึงบอกเลยว่าหลายคนกำลังเพลินได้ที่เลย แล้วจอที่อยู่ตรงบริเวณบาร์เครื่องดื่ม เขาก็มีบอกเวลารถไฟฟ้าคันสุดท้ายด้วยนะ ซึ่งหลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปออกตรงทางเดิมก็คือประตูที่ 4 ปิดท้ายวันแบบสวยงาม
เป็นยังไงครับกับรีวิวที่เราเอามาฝากกัน ตั้งแต่ซื้อบัตรไปจนถึงตอนออกจากสนาม บอกได้เลยว่าไม่ยากครับ สำหรับใครที่จะลองมาในปีหน้า เพราะที่นี่เขาบริหารจัดการดีมากๆ ป้ายบอกทางต่างๆ ชัดเจน ยังไงก็ไม่มีหลงแน่นอน ของกินของฝากครบ ซึ่งถ้าใครติดตามการแข่งขัน F1 ไม่ว่าจะเพิ่งมาหรือติดตามมานานแล้ว และยังไม่เคยมา เราอยากแนะนำให้ลองมาสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองสักครั้งครับ เพราะที่สิงคโปร์ใกล้บ้านเราที่สุดแล้ว ราคาก็ไม่ได้เขยิบไปไกลมากเหมือนที่อื่นๆ เชื่อเถอะครับว่าถ้าคุณหลงใหลใน F1 แค่มาเห็นรถแข่งวิ่งผ่านใกล้ๆ ตรงหน้า และได้ยินเสียงเครื่องยนต์ V6 กระหึ่มเข้าโซนประสาทก็คุ้มแล้ว