มาต่อกันที่กลุ่ม บี ที่ประกอบไปด้วย ทีมชาติอังกฤษ, ทีมชาติอิหร่าน, ทีมชาติสหรัฐอเมริกา และ ทีมชาติเวลส์ ซึ่งเมื่อมองในภาพรวมก็ดูน่าจะเป็นกลุ่มที่สู้กันสนุกสูสีพอสมควร ส่วนทีมไหนจะมีขุมกำลังเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามได้กับ SPACEBAR สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูทีมในกลุ่ม A สามารถกดลิงค์ World Cup 2022: ส่องขุมกำลังทีมชาติในศึกฟุตบอลโลก 2022 กลุ่ม เอ นี้ไปอ่านกันก่อนได้เลย
England
เริ่มทีมแรกของกลุ่มบีกับ ทีมชาติอังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนคนไทย ที่ไปบอลโลกมาแล้ว 15 หน แต่คว้าแชมป์ได้แค่สมัยเดียวในปี 1966 หลังจากนั้นพวกเขาไปได้ไกลสุดที่อันดับ 4 เมื่อสี่ปีที่แล้ว และเกือบจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ “Football’s Coming Home” ได้ในศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมาที่ได้รองแชมป์ ส่วนในปีนี้ทัพ “สิงโตคำราม” ขาดตัวหลักๆ จากอาการบาดเจ็บแค่เพียงสองคนคือ Reece James และ Ben Chilwell ที่เหลือก็ขนมาแบบจัดเต็มทั้ง Aaron Ramsdale, Trent Alexander-Arnold, Declan Rice, Mason Mount, Bukayo Saka, Phil Foden, Raheem Sterling และ Harry Kane ต้องมารอดูกันว่าคราวนี้พวกเขาจะไปถึงฝันได้หรือเปล่า
Iran
ต่อกันที่ตัวแทนจากเอเชียอย่าง ทีมชาติอิหร่าน เจ้าของแชมป์เอชียสามสมัย ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เป็นครั้งที่ 6 โดยผลงานที่ดีที่สุดที่ผ่านมาของพวกเขาก็คือจบที่อันดับ 14 ในฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนติน่า มาในหนนี้ทัพ “นักรบเปอร์เซีย” นำมาโดย Carlos Queiroz ที่หวนกลับมาคุมทีมเป็นคำรบที่สอง หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำมานานเกือบ 8 ปี ในขณะที่ตัวผู้เล่นก็นำมาด้วยปราการหลังกัปตันทีมอย่าง Ehsan Hajsafi ปีกตัวเก่งอย่าง Alireza Jahanbakhsh และกองหน้าตัวความหวังอย่าง Sardar Azmoun ส่วนพวกเขาจะสร้างเซอร์ไพรส์ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ไหม ก็ขึ้นอยู่กับผลงานในสนามแล้ว
United States
ทีมที่สามที่เราจะมาพูดถึงคือ ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ยักษ์ใหญ่ประจำโซนคอนคาเคฟ กับฟีฟ่า แรงกิ้งปัจจุบันที่อันดับ 16 ผ่านการเข้ามาเล่นศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว 10 ครั้ง โดยเคยมีผลงานที่ดีที่สุดคือรอบรองชนะเลิศตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย แถมในฟุตบอลโลกหนที่แล้วที่รัสเซียก็ไม่ได้ไปเล่น มาในครั้งนี้ทัพ “พญาอินทรีย์” นำโดย Christian Pulisic ปีกกัปตันอเมริกา พร้อมกับดาวรุ่งอีกหลายคนอย่าง Giovanni Reyna, Brenden Aaronson, Tyler Adams, Sergiño Dest โดยมีพี่ใหญ่อย่าง Tim Ream คอยประคองน้องๆ ต้องมาลุ้นกันว่าขุนพลพลังหนุ่มของสหรัฐจะไปได้ไกลขนาดไหน
Wales
ปิดท้ายกันที่อีกหนึ่งทีมชาติจากทวีปยุโรปอย่าง ทีมชาติเวลส์ ที่ต้องบอกว่ามีประสบการณ์ในฟุตบอลโลกน้อยที่สุดในบรรดาทุกทีม เพราะนี่เป็นเพียงบอลโลกครั้งที่สองของพวกเขา โดยครั้งเดียวที่เคยไปคือปี 1958 และจบเส้นทางด้วยรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งครั้งนี้ทัพ “มังกรแดง” นำมาโดย Gareth Bale ปีกกัปตันทีมที่เพิ่งคว้าแชมป์ MLS Cup กับ LAFC มาหมาดๆ ตามมาด้วยนักเตะชื่อคุ้นหูอีกหลายคนทั้ง Aaron Ramsey, Neco Williams, Ben Davies, Joe Allen เป็นต้น คงต้องมารอดูว่าด้วยประสบการณ์ที่น้อยกว่าทีมอื่น จะทำให้พวกเขาต้องจอดตั้งแต่รอบแรกหรือเปล่า
