ช้างศึก “คึก” สุดๆ
ทัพช้างศึกเจ้าของแชมป์ 16 สมัย กรุยทางเข้ารอบแรกมาด้วยการจบอันดับที่ 1 ของกลุ่ม ก่อนจะมาเอาชนะเมียนมาในรอบรองชนะเลิศ 3-0 ซึ่งถ้านับรวมผลงานที่ผ่านมาตลอดทัวร์นาเมนต์ ทีมชาติไทยเก็บชัยชนะได้แทบจะทุกนัด มีพลาดเสมอแชมป์เก่าอย่างเวียดนามเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นซึ่งถ้าหากลงลึกไปที่รายละเอียดในนัดล่าสุด ลูกทีมของ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สมดุลทั้งเกมรุกและรับ เคาะบอลตามช่องกันอย่างเป็นระบบ สร้างการเข้าทำแบบฟุตบอลที่มีระเบียบ รู้จักผ่อน รู้จักโหม ทำให้ที่ผ่านมามีการเลือกใช้นักเตะหมุนเวียนกันได้หมดมีตัวหลักๆ เพียง 5-6 คนเท่านั้น ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงตลอด
การหมุนเวียนนักเตะได้เพราะระบบที่เข้มแข็งนี้เอง นับว่าเป็นจุดแข็งของทีมชาติไทยชุดนี้ เนื่องจากซีเกมส์เป็นมหกรรมกีฬาที่มีกำหนดการแข่งขันที่ค่อนข้างบีดอัด การลงทำการแข่งขันทุกๆ 2-3 นัด ในเวลาบ่ายแก่ๆ ของอากาศภูมิภาคอาเซียน นั้นเป็นอะไรที่โหดร้ายต่อนักกีฬาพอสมควร นั่นจึงทำให้ทัพช้างศึกชุดนี้ที่นักเตะสามารถทดแทนกันได้ กุมความได้เปรียบอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังได้พักมากกว่าคู่แข่ง แถมความพร้อมเบื้องต้นไม่มีผู้เล่นติดโทษแบน หรือได้รับบาดเจ็บ ทำให้ในเกมนี้สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามได้
อิเหนา “ใจ” เด็ด
อดีตแชมป์ 2 สมัยเข้ารอบมาด้วยฟอร์มราวกับเทพนิยาย ทำสถิติชนะรวดทุกเกมการแข่งขันตั้งแต่รอบแรก แถมรอบรองชนะเลิศยังสามารถโกงความตายหักด่านเวียดนามแชมป์เก่า ด้วยการยิงแซงในช่วงต่อเวลาบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่ ตัวผู้เล่นเป็นรองจากการโดนใบแดงสิ่งที่เป็นจุดเด่นของทัพอินโดนีเซียที่เราได้เห็นมาตลอดทัวร์นาเม้นต์ นอกจากระบบการเพรสซิ่งที่โค้ชฝีมือดีคนเก่าอย่าง ชิน แต ยัง วางไว้ คือการเล่นลูกตั้งเตะที่อันตรายทุกจุดไม่ว่าจะฟรีคิก เตะมุม ตลอดจนไปถึงลูกทุ่ม ที่สร้างความอันตรายมานักต่อนัก
แต่เรื่องที่น่ากังวลคือการกรำศึกหนักของอินโดนีเซียชุดนี้ เราจะเห็นได้เลยว่าบรรดาผู้เล่นอิเหนาไม่ได้มีสภาพร่างกายที่จะสามารถเพรสซิ่งได้ในโปรแกรมการแข่งขันติดๆ กันแบบนี้ ท้ายเกมพวกเขามีอาการล้าตะคริวขึ้นอยู่หลายครั้ง อีกทั้งผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ปราตามา อาร์ฮัน จอมทุ่มไกล ยังมาติดโทษแบนจากการโดนใบแดง ทำให้อาวุธลับของทีมอิเหนาในทัวนาร์เมนต์หายไปอีกหนึ่งอย่าง
เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่สำคัญที่ทำให้ช้างศึกยังคงไม่สามารถประมาทอินโดนีเซียได้ก็คือหัวจิตหัวใจของนักเตะชุดนี้ ที่พวกเขาสู้ไม่ถอยจริงๆ จากที่เราได้เห็นในแต่ละเกมโดยเฉพาะเกมล่าสุด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็น่าจะทำให้นัดชิงฟุตบอลชายซีเกมส์ในปีนี้ กลายเป็นเกมการแข่งขันที่น่าสนใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์กีฬาอาเซียนเลยทีเดียว
โดยทั้งทีมชาติไทย และ ทีมชาติอินโดนีเซียจะลงทำการแข่งขันชิงเหรียญทองฟุตบอลชายซีเกมส์ครั้งที่ 32 รอบชิงชนะเลิศ ในค่ำวันนี้ เวลา 19.30 น. ที่สนามโอลิมปิก สเตเดียม กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
