‘สไลด์เข่า’ เอาจน ‘ขยาด’
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการทำประตูนั้นมีความหมายต่อนักฟุตบอลทุกคน ยิ่งถ้าหากคุณเป็นดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่พึ่งทำประตูแรกในเกมอาชีพให้กับทีมใหญ่เมืองเบียร์อย่าง “เสือใต้” บาร์เยิร์น มิวนิค แล้วนั้น คุณคงเก็บความรู้สึกที่เอ่อล้นไม่ไหว จนมันทะลักออกมากลายเป็นการดีใจสุดเหวี่ยง แบบแบ็คซ้ายชาวแคนาดาอย่าง อัลฟองโซ เดวีส์ แน่นอนหลังจากกดประตูเต็มข้อสุดสวย เดวีส์ ก็วิ่งสุดแรงเกิดไปดีใจด้วยท่าเบสิคยอดฮิต ด้วยการสไลด์เข่าแบบเท่ห์ๆ ที่บริเวณมุมธง แต่ด้วยความตื่นเต้น หรือเป็นน้องใหม่หัดสไลด์ก็ไม่ทราบได้ การสไลด์ของไอหนูเดวีส์ในตอนนั้น ดูจะรวดเร็วรุนแรงเกินกว่าปกติทั่วไปที่รุ่นใหญ่เขาทำกัน ซึ่งก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน แม้ดูเผินๆ เจ้าตัวจะลุกขึ้นตะโกนดีใจกับเพื่อนร่วมทีมต่อได้ แต่ก็เป็นเพราะอะดรีนาลีนกำลังสูบฉีดอยู่เท่านั้น เพราะเอ็นเข่าของเดวีส์นั้นพลิกกลับหัวกลับหางไปแล้ว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น เจ้าตัวได้เข็ดขยาดถึงขนาดประกาศว่าจะไม่สไลด์เข่าไปอีกตลอดชีวิต แถมยังรู้สึกสยองทุกครั้งเวลาเห็นใครก็ตามสไลด์เข่าอีกต่างหาก
โดย อัลฟองโซ เดวีส์ ได้อัดคลิปรีแอคเหตุการณ์บาดเจ็บดังกล่าวลงสื่อสตรีมมิ่งของตัวเองไว้ด้วย
‘เจ็บใจ’ เพราะ ‘ไอดอล’
ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่า ‘Siu’ ของคริสเตียโน โรนัลโด คือหนึ่งในท่าดีใจที่เป็นไอคอนิกของวงการฟุตบอลไปแล้ว เพราะถูกนำมาใช้เพื่อแสดงความดีใจบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลในระดับใด เรียกง่ายๆ ว่าไล่ตั้งแต่เด็กๆ เตะบอลในซอย ไปจนถึงทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างฟุตบอลโลก ก็มีนักเตะที่ไม่ใช่ตัวโรนัลโดเองดีใจด้วยการกระโดดกลับหลัง ฟาดมือลงมา พร้อมกับเปล่งเสียง Siuuuuuu ออกมาอยู่บ่อยๆซึ่งก็รวมถึงฟุตบอลระดับเยาวชนในแถบบ้านเราอย่างเวียดนามเองก็เช่นกัน ในรายการ ไท ซอง นัมห์ คัพ 2023 นัดชิงชนะเลิศ การเจอกันของ เวียตเทล ยู-17 พบ ฮองลินห์ ฮา ตินห์ ยู-17 ได้มีแข้งดาวรุ่งชาวเวียดนามคนหนึ่งที่คงจะมีโรนัลโดเป็นไอดอล เพราะหลังจากยิงประตูด้วยการจิ้มบอลโล่งๆ เข้าไปแล้ว เจ้าตัวได้วิ่งไปดีใจท่าในตำนานด้วยความสะใจ แต่เมื่อเท้าเจ้าตัวถึงพื้น สีหน้ายิ้มแป้นแล้นก็เหยเกขึ้นทันทีตามภาพ

และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็บาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องขึ้นเปลถูกหามออกจากสนามไปในที่สุด ซึ่งสำหรับใครที่แค่ภาพนิ่งยังไม่เข้าใจ ก็เชิญชมคลิปเหตุการณ์เต็มๆ ด้านล่างได้เลย
‘ดีใจ’ เปลี่ยน ‘ชีวิต’
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ชื่อของ ชาริล ชัปปุยส์ นั้นดังกระหึ่มไปทั่วประเทศ เรียกได้ว่าตั้งแต่แฟนบอลตัวยงไปยันสาวแก่แม่ม่าย ไม่มีใครไม่รู้จักกองกลางลูกครึ่ง ไทย-สวิตเซอร์แลนด์ รายนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงบุคลิกราวกับเทพบุตร และหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาเท่านั้น แต่ฝีเท้าของ ชาริล ชัปปุยส์ ในตอนนั้นคือของจริง เรียกได้ว่าอนาคตทีมชาติไทยในแดนกลางดูสดใสขึ้นมาทันตาเห็น หลังอดีตกองกลางแชมป์เยาวชนโลก U-17 รายนี้ลงสนามให้กับทัพช้างศึก
แต่ก็น่าเสียดาย ที่ภาพเหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ปี เพราะในปัจจุบัน ชาริล ชัปปุยส์ ในวัย 31 ปี ยังคงหาฟอร์มเก่งแบบในอดีตไม่เจอ ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุมเร้ามาตลอดค้าแข้ง ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจุดเริ่มต้นอาการบาดเจ็บเรื้อรังของชัปปุยส์ จะมาจากการกระโดดดีใจลงพื้นผิดท่า จนทำให้ได้เจ้าตัวรับบาดเจ็บอย่างรุนแรงบริเวณหัวเข่าเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
นักฟุตบอลคืออาชีพที่ต้องยอมรับว่ามีอายุการใช้งานที่จำกัด ดังนั้นอาการบาดเจ็บจึงเปรียบเสมือนฝันร้ายของพวกเขา โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่ไม่เกี่ยวกับเกมการแข่งขัน ก็อาจจะส่งผลให้นักกีฬามีแผลในใจ เฝ้าโทษตัวเองในการตัดสินใจทำบางสิ่งที่ส่งผลให้ตัวเองบาดเจ็บได้ ดังนั้นในฟุตบอลระดับสูงของลีกชั้นนำจึงได้มีการเพิ่มตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยามาโดยเฉพาะเพื่อดูแลในเรื่องนี้ เพราะอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายนอกนั้น สามารถลุกลามไปกัดกินจิตใจนักกีฬาได้โดยไม่รู้ตัว และจิตใจที่บอบช้ำก็ไม่ต่างจากกล้ามเนื้อ มันจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาเช่นกัน