‘ฟอร์มูล่าวัน' ส่วนผสมลงตัว กีฬา-ธุรกิจ-เทคโนโลยี สร้าง Engagement สูงสุดในโลก

30 พฤศจิกายน 2565 - 09:28

Formula-1-Top-Sport-Engagement-SPACEBAR-Thumbnail
  • ขณะที่กีฬาอื่นซบเซาในช่วงการระบาดของโควิด-19 ‘ฟอร์มูล่าวัน’ ได้สร้างปรากฎการณ์มีตัวเลขผู้ติดตามบนโลกโซเชียลเพิ่มขึ้น 99 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าลีกกีฬาดังทั้ง บุนเดสลีกา, UFC รวมไปถึง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

  • เคล็ดลับความสำเร็จนี้ เกิดขึ้นจากการปรับโฉมให้ ‘เอฟวัน’ กลายเป็นกีฬาที่ผสมผสานทั้ง ธุรกิจ การแข่งขัน และเทคโนโลยี เข้ากันได้อย่างลงตัว

จากกีฬาของคนเฉพาะกลุ่มที่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดสุดแสนแพง และแทบจะหาดูภาพการแข่งขันไม่ได้บนโลกออนไลน์ ทว่าภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของกลุ่มทุนบริหารในปี 2017 ‘ฟอร์มูล่า วัน’ กลายเป็นกีฬาที่ผสมผสานทั้ง ธุรกิจ การแข่งขัน และเทคโนโลยี เข้ากันได้อย่างลงตัว 
 
ท่ามกลางภาวะโรคระบาดใหญ่ โควิด-19 ในปี 2020 ธุรกิจกีฬาทั่วโลกแทบจะหยุดนิ่ง แต่ ‘เอฟวัน' ได้สร้างปรากฎการณ์มีตัวเลขผู้ติดตามบนโลกโซเชียลเพิ่มขึ้น 99 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าลีกกีฬาดังทั้ง บุนเดสลีกา, UFC รวมไปถึง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี 
 

ปี 2017 พลิกโฉมเอฟวันยุคใหม่ 

เดือนมกราคมปี 2017 ‘ลิเบอร์ตี้ มีเดีย’ กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่นำโดยประธานหนวดงาม เชส แครีย์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในการเข้าเทคโอเวอร์กิจการ ฟอร์มูล่าวัน ด้วยมูลค่าสูงถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.64 แสนล้านบาท 
 
นับเป็นการปิดฉากการบริหารสิทธิประโยชน์ของลีกการแข่งขันรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ในความดูแลของ เบอร์นี เอคเคิลสโตน นักธุรกิจชาวอังกฤษมายาวนานตั้งแต่ปี 1978 และสิ่งที่น่าสนใจคือ การแข่งขันที่ทีมแข่งทั้งหมดอยู่ในยุโรป จะเดินหน้าไปในทิศทางใดหลังอยู่ในน้ำมือกลุ่มทุนอเมริกัน 
 
ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘เจ้าพ่อเอฟวัน’ อย่างเบอร์นี เอคเคิลสโตน คือคนที่ทำให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตแบรนด์นี้แข็งแกร่งและได้ชื่อว่าเป็นกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นถือเป็นการพลิกโฉมเอฟวันเข้าสู่โลกของสื่อดิจิทัลอย่างแท้จริง 
 
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดจากในยุคของเบอร์นี ที่ให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์การแข่งขันทางโทรทัศน์อย่างเดียว แฟนความเร็วไม่เคยได้เห็นภาพการแข่งขันหรือไฮไลต์ผ่านทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ ทว่านับจากปี 2017 เป็นต้นมา ทุกคนสามารถเข้าถึงไฮไลต์เอฟวัน ผ่านทุกแพลตฟอร์มของฟอร์มูล่าวัน บนโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ Instagram, Facebook, Twitter, YouTube, Snapchat และ TikTok ไปจนถึง Twitch และสามารถเจาะเข้าถึงผู้ชมที่ไม่เคยสนใจเอฟวันได้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 
 

Covid-19 จากวิกฤต สู่ ‘เอฟวัน’ พลังโซเชียล 

ในขณะที่ยอดผู้ชมทางโทรทัศน์ทั่วโลกปี 2020 ลดลงถึง 400 ล้านคน เมื่อเทียบจากยอดผู้ชมในปี 2019 หลังต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19 แต่สถิติที่น่าทึ่งคือตัวเลขจากแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเป็นทางของฟอร์มูล่าวัน กลับเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด 
 
โดยหากนับเฉพาะ 3 แพลตฟอร์มหลักอย่าง Facebook, Twitter และ YouTube ข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเอฟวัน ระบุว่า มีตัวเลขของ Engagement หรือ การมีส่วนร่วม ของผู้ชม เพิ่มขึ้น 99 เปอร์เซ็นต์ 
 
จริงอยู่แม้ความนิยมของกีฬาทั่วโลกยังคงอยู่ที่ฟุตบอล แต่ในปี 2020 ที่การแข่งขันเอฟวัน ต้องถูกยกเลิกในหลายสนาม และแข่งขันแบบไร้ผู้ชม กลยุทธ์ของกลุ่ม ลิเบอร์ตี้ มีเดีย สามารถตอบโจทย์ฐานแฟนออนไลน์ได้เป็นอย่างดี 
 
ตัวเลขของการมีส่วนร่วม ที่เพิ่มขึ้นจาก 3 แพลตฟอร์มหลักรวมกัน 99 เปอร์เซนต์นั้น ทิ้งขาด บุนเดสลีกา และมวยกรง UFC กีฬาที่มียอด Engagement ในปี 2020 อันดับสองร่วมที่ 48 เปอร์เซ็นต์ ชนิดไม่เห็นฝุ่น ขณะที่อันดับสามเป็น กัลโช่ เซเรีย อา ลีกฟุตบอลของอิตาลี 
 

Netflix ต่อยอดแฟนเอฟวันพุ่งกระฉูด 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6xkpo0psvPB3RgaXANL8fo/6597f297f944cf51560edd3ae4877901/Formula-1-Top-Sport-Engagement-SPACEBAR-Photo01
Photo: Netflix
การผลิตสารคดี Drive to Survive ผ่านช่องทางสตรีมมิ่ง Netflix คืออีกหนึ่งแนวทางที่เกิดขึ้นหลังกลุ่ม ลิเบอร์ตี้ มีเดีย เข้าเทคโอเวอร์ ซึ่งตอบโจทย์การเพิ่มฐานผู้ชมในทุกเจเนอเรชัน และต่อยอดมาถึงเรตติ้งในการแข่งขันจริง 
 
ภาพการแข่งขันสุดมันส์ จังหวะการชนและอุบัติเหตุบนแทร็กที่เต็มไปด้วยอารมณ์และดราม่า บวกกับความขัดแย้งของนักขับและทีมบอสในสนามจริง ทำให้ Drive to Survive ถูกผลิตออกมาถึง 3 ซีซั่น รวม 30 ตอน 
 
ถือเป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ชม Gen Y และ Gen Z ต่างจากการดูเอฟวันในยุคก่อนที่อยู่ในวงจำกัดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ และมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น และเป็นการเชื่อมคนดูนยุคเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน 
 
ขณะที่คาแรกเตอร์ของนักขับ ก็กลายเป็นที่สนใจของแฟนๆ ที่อาจไม่เคยชื่นชอบกีฬาชนิดนี้มาก่อน ล่าสุด อินสตาแกรมของ ลูอิส แฮมิลตัน มีผู้ติดตามทะลุ 30 ล้านคน ขณะที่แลนโด นอร์ริส นักขับดาวรุ่งก็แจ้งเกิดในวงการเกม จนมียอดวิวใน Twitch ของเขาเกินว่า 18 ล้านครั้งไปแล้ว 
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/KYgSh2bIKT1y6OZOfRSnf/7e56cfd1b8c1e5607808bbe5efe8423d/Formula-1-Top-Sport-Engagement-SPACEBAR-Photo02
Photo: instagram : lewishamilton
 เทคโนโลยีขั้นสุด แม้เทรนด์รถยนต์ก้าวสู่ยุคไฟฟ้า 
ในขณะที่ตลาดรถยนต์ทั่วโลกกำลังก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน จากเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง สู่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากพลังงานแบตเตอรี่ แต่เอฟวันที่มีจุดเด่นอยู่ที่กำลังเครื่องยนต์ ยังคงยืนยันที่จะรักษาสิ่งที่เป็นจุดขายเอาไว้ ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 
 
ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของเอฟวัน คือ กีฬาที่แพงที่สุดในโลก โดยเฉพาะการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง แต่รู้หรือไม่ว่า เทคโนโลยีเครื่องยนต์ และไฮบริดในรถยนต์ปัจจุบัน ล้วนถูกพัฒนามาจากสนามแข่งเอฟวันแทบทั้งสิ้น 
 
อาทิ MGU-H หรือ Motor Generator Unit-Heat เทคโนโลยีที่เปลี่ยนพลังงานความร้อนจากไอเสียให้เป็นพลังไฟฟ้าที่พัฒนาตั้งแต่ปี 2014 ถูกติดตั้งในซูเปอร์คาร์หลายรุ่นของเมอร์เซเดส 
 
ขณะที่ในปี 2025 เอฟวัน กำหนดให้พัฒนาเครื่องยนต์ที่รองรับเชื้อเพลิงแบบใหม่ที่ผลิตจากเอทานอล 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดมลพิษ ซึ่งจะทำให้สามารถคงเอกลัษณ์เครื่องยนต์สันดาปเอาไว้ได้ต่อไป แต่คงสมรรถนะได้เทียบเท่าเชื้อเพลิงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน  
 
ทั้งหมดคือโฉมหน้าของฟอร์มูล่าวันที่เดินกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจ ผสมกีฬาเข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว โดยมีเหตุการณ์ดราม่าจากสนามแข่งเป็นตัวเร่งความน่าสนใจ จนกลายเป็นกีฬาที่มียอด Engagement เติบโตสูงสุดในโลกในเวลานี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์