หลังฟอร์มแรงจนลุ้น 4 แชมป์ทุกนัดแบบเหลือเชื่อ แต่เมื่อปลายทางพลาดท่าคว้าได้เพียงแค่ 2 รางวัลบอลถ้วย เริ่มฤดูกาลต่อมาหรือฤดูกาลที่แล้ว ผลงานของหงส์แดงกลับพังพาบลงอย่างไม่เป็นท่า ความล้าสะสม อาการบาดเจ็บ จากการกรำศึกหนักทุกนัดทุกรายการ ก็ทำให้นักเตะชุดนั้นกรอบจนหมดสภาพ แนวรุก และ แดนกลางสลับกันบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องแทบจะทั้งฤดูกาล แถมสภาพจิตใจอันย่ำแย่หลังพลาดหวัง 4 แชมป์ ก็ส่งผลไม่น้อย ขนาดดาวยิงอย่าง โม ซาล่าห์ ที่ความมุ่งมั่นไม่เคยลดยังยิงจุดโทษพลาดถึง 2 ครั้งติด ส่วนนักเตะใหม่อย่างค่าตัวแพงอย่าง ดาร์วิน นูเญซ ก็ยังอยู่ในช่วงปรับตัว ไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปของ ซาดิโอ มาเน่ ได้เลย เมื่อกองกลางไร้พลัง กองหน้าไร้ความมั่นใจ ก็ทำให้แผลที่มีอยู่ในแดนหลังแต่เดิมปริแตกจนพังพาบในที่สุด เทร้นต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กลายเป็นจุดอ่อนในเกมรับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่พยายามปรับจูนทีมก็หาสมดุลไม่เจอ กุนซือที่เคยยึดมั่นในแผนการเดียวตลอดศก มีอันต้องเปลี่ยนแผนสลับไปมาหลายครั้ง ส่งผลให้จบฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล มือเปล่า จบอันดับ 5 บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก พลาดโควต้าฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ในรอบหลายปี
ยกเครื่องแดนกลาง
และหนึ่งปัญหาสำคัญที่เหล่าแฟนหงส์กังวลมาตลอด คือเรื่องงบประมาณของหงส์แดงในการเสริมทีม แม้ไม่ได้น้อยนิดจนน่าเกลียด แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เลือกทางประหยัดเอาไว้ก่อน ซึ่งหลายครั้งการละเลยเหล่านั้นมันก็ก่อให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะในแดนกลาง ที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีมหงส์แดงได้เซ็นสัญญากับผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ไปแค่ 1 คนเท่านั้น คือ ติอาโก อัลคันทารา ซึ่งสำหรับมิดฟิลด์ชาวสเปนรายนี้ แม้ยามลงสนามจะไม่มีใครกังขาในฝีเท้า แต่อาการบาดเจ็บที่เหมือนคำสาปติดตัวเขามานั้น ทำให้ประสิทธิภาพของเขาในการที่จะเข้ามายกระดับแดนกลางลิเวอร์พูลไม่ตรงอย่างที่หวัง แถมในปีล่าสุด มิดฟิลด์กัปตันทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และกลางรับอันดับ 1 ในทีม ฟาบินโญ่ ก็โรยราลงจนน่าใจหาย ทำให้ลิเวอร์พูลตัดสินใจเสริมผู้เล่นในแดนกลางทันทีที่ตลาดเปิดอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางชาวอาร์เจนติน่าวัย 24 ปีของไบร์ตัน เข้ามารับตำแหน่งเบอร์ 10 คนล่าสุดของลิเวอร์พูล จากฟอร์มช่วงล่าสุดของเจ้าตัว ถือว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าสนใจ ด้วยดรีกรีแชมป์โลกกับอาร์เจนติน่า แถมมีแอดออนส์คือไม่ต้องปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ สไตล์การเล่นที่จะนำมาช่วยทีมได้นอกเหนือจากพลังงาน คือการสร้างสรรค์เกมรุก ทั้งการจ่ายบอลเชิงรุก หรือพาบอลเข้าแดนคู่ต่อสู้ ที่ดีกว่ามิดฟิลด์ชุดเก่าของลิเวอร์พูลกว่าเท่าตัว การหาตำแหน่งยิงทำประตู และการวางเท้ายิงก็ถือว่าเป็นจุดเด่น กับสถิติทำประตูถึง 10 ลูกในลีกปีก่อน
ส่วนอีกรายคือ โดมินิค โซบอสซ์ไล มิดฟิลด์รูปงามชาวฮังการี ที่ค่าตัวแพงไม่น้อยกว่า 70 ล้านยูโร จาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่สถิติในเชิงรุกเมื่อฤดูกาลที่แล้วดีกว่า แมคอัลลิสเตอร์ ไปอีกขั้น ด้วยความเล่นคนละลีกเลยอาจจะยังเทียบกันไม่ได้ แต่เมื่อมาเทียบกับมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลชุดฤดูกาลที่แล้วก็แน่นอนว่าชนะขาดลอย โดดเด่นกับการวางบอลแทบทุกรูปแบบและทุกระยะ หาตำแหน่งทำประตูได้ดี จ่ายให้เพื่อนทำประตูไปถึง 8 ลูกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พลังงานล้นเหลือ และมีส่วนร่วมกับเกมรับบ่อยๆ แถมด้วยทีเด็ดลูกนิ่งที่ไม่แพ้ใคร
เกมรุก ‘จัดจ้าน’ เกมรับ ‘แจกโชค’
การเซ็นมิดฟิลด์รวดเดียว 2 คน ดูจะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ แฟนหงส์ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย แถมทั้งสองคนที่เข้ามายังเป็นสเปคที่โดดเด่นในเกมรุก คล้ายกับว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นที่ยกระดับไปอีกขั้น เหลือก็เพียงแต่หากองกลางเชิงรับดีๆ สักคนเข้ามาเสริมที่มีอยู่ แต่ระหว่างที่ความหวังกำลังก่อตัวก็เหมือนฟ้าผ่ากลางแอนฟิลด์อย่างจัง เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ สองกองกลางเชิงรับของทีม ตกลงปลงใจย้ายไปซาอุดิอาระเบียอย่างกระทันหันภาพรวมของเกมช่วงพรีซีซันที่ผ่านมา สิ่งที่ชื่นใจแฟนหงส์ไม่น้อย คือเราได้เห็นภาพการกระหน่ำบุกแบบเฮฟวี่เมทัลที่คุ้นเคย ด้วยความสดของบรรดาตัวรุกได้เรียนรู้ภาษา เริ่มปรับตัว และสลัดอาการบาดเจ็บ จนโชว์ฟอร์มได้ไม่เลว หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันแอสซิสต์ และทำประตู กันกระหน่ำ โดย 4 นัดที่ผ่านมา ยิงรวมกันไปถึง 15 ประตู แต่ในขณะเดียวกันก็เสียไปถึง 9 ประตู และ 6 ประตูคือการเสียให้กับทีมลีกรองของเยอรมัน
เพราะกับเกมรับ แม้เวอร์จิล ฟานไดจ์ กัปตันคนล่าสุดของทีมจะดูดีขึ้นพอสมควร จากฟอร์มที่รูดกราวในฤดูกาลที่แล้ว แต่กองหลังอย่าง โจ โกเมซ โจแอล มาติป หรือ กองหลังดาวรุ่งคนอื่นๆ ที่ได้โอกาสสลับสับเปลี่ยนลงสนามมาแทนตัวจริงอย่าง วานไดจ์ และ โคนาเต้ ในแต่ละเกม ภาพรวมของตัวสำรองที่ออกมาก็ต้องยอมรับว่า “น่าเป็นห่วง” การโดนบุกเข้ามายิงแต่ละชุดสะท้อนให้เห็นถึงระบบที่ยังต้องพึ่งนักเตะที่มีคุณภาพในขั้นท็อป นี่ยังไม่นับระบบการเล่น อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค ที่คล็อปป์พึ่งจะติดตั้งมาแต่ท้ายฤดูกาลที่แล้ว ที่ยังดูไม่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์ซักเท่าไหร่ จินตนาการภาพไม่ออกว่าถ้าขาดสกิลการจ่ายบอลในระดับเหนือจริงของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่ยินอินเวิร์ทฝั่งขวาไป ทีมจะเล่นในระบบนี้ได้อย่างไร แถมแพลนบี ที่คล็อปป์ และทีมงานพยายามทำอย่าง การเอา คอสตาส ซิมิกาส มาเล่นอินเวิร์ทอีกฝั่ง ก็ยังไม่ใกล้เคียงคำว่าลื่นไหลเช่นกัน
เรียกได้ว่าถ้าหากหงส์แดงยังไม่ตามหามิดฟิลด์เชิงรับตัวหลักไห้ได้ในเร็ววัน และยังเฉยเมยกับการเสริมตำแหน่งกองหลังทั้ง 4 อยู่แบบนี้ แม้สัญญาณที่ส่งออกมาจากเกมรุกในตอนนี้จะดูดีเพียงใด แต่ปรัชญาที่ว่าโดนยิงเท่าไหร่ยิงคืนให้มากกว่า มันคงเป็นไปได้ยากที่จะประสบความสำเร็จในระดับสูงกับฟุตบอลในยุคนี้
หากก่อนปิดตลาดซื้อขายรอบนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาถรรพ์ของเยอร์เกน คล็อปป์ อาจจะต้องดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี!!
เพราะกับเกมรับ แม้เวอร์จิล ฟานไดจ์ กัปตันคนล่าสุดของทีมจะดูดีขึ้นพอสมควร จากฟอร์มที่รูดกราวในฤดูกาลที่แล้ว แต่กองหลังอย่าง โจ โกเมซ โจแอล มาติป หรือ กองหลังดาวรุ่งคนอื่นๆ ที่ได้โอกาสสลับสับเปลี่ยนลงสนามมาแทนตัวจริงอย่าง วานไดจ์ และ โคนาเต้ ในแต่ละเกม ภาพรวมของตัวสำรองที่ออกมาก็ต้องยอมรับว่า “น่าเป็นห่วง” การโดนบุกเข้ามายิงแต่ละชุดสะท้อนให้เห็นถึงระบบที่ยังต้องพึ่งนักเตะที่มีคุณภาพในขั้นท็อป นี่ยังไม่นับระบบการเล่น อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค ที่คล็อปป์พึ่งจะติดตั้งมาแต่ท้ายฤดูกาลที่แล้ว ที่ยังดูไม่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์ซักเท่าไหร่ จินตนาการภาพไม่ออกว่าถ้าขาดสกิลการจ่ายบอลในระดับเหนือจริงของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่ยินอินเวิร์ทฝั่งขวาไป ทีมจะเล่นในระบบนี้ได้อย่างไร แถมแพลนบี ที่คล็อปป์ และทีมงานพยายามทำอย่าง การเอา คอสตาส ซิมิกาส มาเล่นอินเวิร์ทอีกฝั่ง ก็ยังไม่ใกล้เคียงคำว่าลื่นไหลเช่นกัน
เรียกได้ว่าถ้าหากหงส์แดงยังไม่ตามหามิดฟิลด์เชิงรับตัวหลักไห้ได้ในเร็ววัน และยังเฉยเมยกับการเสริมตำแหน่งกองหลังทั้ง 4 อยู่แบบนี้ แม้สัญญาณที่ส่งออกมาจากเกมรุกในตอนนี้จะดูดีเพียงใด แต่ปรัชญาที่ว่าโดนยิงเท่าไหร่ยิงคืนให้มากกว่า มันคงเป็นไปได้ยากที่จะประสบความสำเร็จในระดับสูงกับฟุตบอลในยุคนี้
หากก่อนปิดตลาดซื้อขายรอบนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาถรรพ์ของเยอร์เกน คล็อปป์ อาจจะต้องดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี!!