แน่นอนว่าเวลาที่คนเราแต่ละคนทำอะไรที่อินหรือมีแพสชันสักอย่าง ถ้าสิ่งๆ นั้นออกมาดี เป็นไปตามที่หวังไว้ เราก็จะรู้สึกยินดีและมีความสุขร่วมไปกับสิ่งนั้นมากๆ เป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกันถ้าผลของมันออกมาตรงข้าม ไม่ดี ไม่ถูกใจ หรือ ไม่ประทับใจ เราก็พร้อมจะหงุดหงิด หัวเสีย จนบางทีอาจเผลอสบถ ไม่ก็แสดงกริยาที่บางทีอาจจะถูกมองว่าไม่น่ารักออกไป โดยเรื่องที่เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ในวันนี้ก็คือ ‘กีฬา’ ว่าถ้าสมมติ เราอยู่ที่สนามกีฬาแล้วสิ่งที่ดูอยู่ตรงหน้ามันไม่อภิรมย์เอาซะเลย จนเผลอหลุดปากด่าคำหยาบคาย หรืองัดนิ้วกลางออกมาโชว์ใส่นักกีฬามันเป็นสิ่งที่ ‘ผิดไหม’
อย่างแรกต้องเข้าใจกันก่อนว่า การด่าแรงๆ หรือ ชูนิ้วกลาง ยังไงก็ย่อมถูกตีความว่าเป็นการแสดงออกในแง่ลบแน่นอน เพราะนั่นคือความหยาบคายรูปแบบหนึ่ง บางคนอาจจะทำหยอกล้อกับเพื่อนสนิท (ที่ต้องสนิทมากจริงๆ) กันเป็นเรื่องปกติ เพราะคิดว่าไม่มีอะไร แค่แกล้งกันขำๆ เฉยๆ แต่ถ้าอยู่ดีๆ ไปทำใส่ใครก็ไม่รู้ ก็อาจจะโดนฟ้องหรือไม่ก็มีกล้ามเนื้อเป็นก้อนหนาๆ เหวี่ยงเข้าใบหน้าเอาได้ เพราะการกระทำแบบนี้เป็นการแสดงออกในทางดูหมิ่น ไม่เคารพ และหยาบคายมากๆ
ส่วนในการแข่งขันกีฬาบางที่ การชูนิ้วกลาง หรือ ด่าคำหยาบคายที่แสดงออกถึงการดูหมิ่นใส่นักกีฬา อาจโดนแบนหรือมีบทลงโทษ เช่น การเสียค่าปรับได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมที่หยาบคาย ยกตัวอย่างในไทยกับ ระเบียบข้อบังคับของศึกฟุตบอล ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2022/23 บทที่ 6: การลงโทษการกระทำผิดกฎ กติกา และมารยาท ข้อที่ 34 บทกำหนดโทษสำหรับนักกีฬาฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม ทีม และกองเชียร์ ข้อที่ 34.4 การกระทำความผิดของกองเชียร์จากการก่อเหตุต่างๆ ทำให้การแข่งขันไม่มีความเรียบร้อย องค์กรสมาชิก ต้นสังกัดต้องถูกเรียกปรับค่าเสียหาย
อย่างในเกมฟุตบอลไทยลีก เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านเสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปแบบสุดเดือด 4-4 ซึ่งไม่ใช่แค่อุณหภูมิของเกมการแข่งขันที่เดือด แต่แฟนบอลในสนามเองก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะทางผู้ควบคุมการแข่งขันได้สั่งปรับสโมสรเมืองทองฯ จากสาเหตุที่กองเชียร์ชูนิ้วกลางและด่า เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กัปตันบุรีรัมย์ มีความผิดว่าด้วยเรื่องกองเชียร์ด่าบุคคลใดด้วยถ้อยคําที่หยาบคายหรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ ปรับเงิน 10,000 บาท แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่สโมสรจะถูกปรับ เพราะผู้ควบคุมการแข่งขันไม่สามารถจับตามองแฟนบอลได้ทั่วทั้งสนาม เว้นแต่ว่าผู้ตัดสินจะเป็นคนได้ยินและเอาไปรายงานอีกที แต่อย่างในกรณีเกมที่เรากล่าวถึงเป็นการด่าตรงบริเวณซุ้มม้านั่งสำรอง ซึ่งโจ่งแจ้งและผู้ควบคุมการแข่งขันก็จะอยู่บริเวณนั้นอยู่แล้วเลยถูกปรับไปตามระเบียบ
ขณะที่ในต่างประเทศก็จะมีข้อถกเถียงแบบนี้เหมือนกัน ยกตัวอย่างในกีฬามวยปล้ำ ที่นักมวยปล้ำจะต้องสวมคาแรกเตอร์ของตัวเอง ซึ่งก็จะมีคาแรกเตอร์ตัวโกงที่ทำให้คนดูเกลียด ไม่ชอบ และเมื่อเขาปรากฏตัวก็จะถูกคนดูตะโกนด่าหรือไม่ก็ชูนิ้วกลางใส่ บางคนก็มองว่าหยาบคาย ในขณะเดียวกันบางคนก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะถือว่านักมวยปล้ำทำให้เราอินกับคาแรกเตอร์ของเขาได้ และคนดูก็ทำแบบนี้แค่ในสนามเท่านั้น พอเจอข้างนอกก็เข้าไปขอถ่ายรูปด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปทำใส่เขาตอนเจอข้างนอกที่ใช้ชีวิตปกติ อารมณ์ประมาณว่าให้มันจบแค่ในสนาม
ทีนี้ก็วนกลับมาคำถามที่ว่า ผิดไหมในกรณีด่าหรือชูนิ้วกลางเวลาเชียร์กีฬา ก็คงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนมากกว่าครับ บางคนก็มองว่าทำแค่ในสนาม ตามอารมณ์ร่วมตอนนั้น ไม่ได้ออกไปด่าหรือทำอะไรแบบนี้ข้างนอก ส่วนบางคนอาจจะมองว่ายังไงก็ไม่สมควร เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่หยาบคาย ดูหมิ่น และไม่สมควรทำอยู่ดี สุดท้ายก็อย่าไปด่าหรือชูนิ้วกลางพร่ำเพรื่อใส่ใครก็พอครับ ถ้ามันเป็นอารมณ์ร่วมตอนนั้นก็ให้มันจบแค่ในสนาม เอาพอหอมปากหอมคอ ควบคุมให้ได้ อย่าเกินเลยมากไปจนมันหลุดออกมาในชีวิตจริง
อย่างแรกต้องเข้าใจกันก่อนว่า การด่าแรงๆ หรือ ชูนิ้วกลาง ยังไงก็ย่อมถูกตีความว่าเป็นการแสดงออกในแง่ลบแน่นอน เพราะนั่นคือความหยาบคายรูปแบบหนึ่ง บางคนอาจจะทำหยอกล้อกับเพื่อนสนิท (ที่ต้องสนิทมากจริงๆ) กันเป็นเรื่องปกติ เพราะคิดว่าไม่มีอะไร แค่แกล้งกันขำๆ เฉยๆ แต่ถ้าอยู่ดีๆ ไปทำใส่ใครก็ไม่รู้ ก็อาจจะโดนฟ้องหรือไม่ก็มีกล้ามเนื้อเป็นก้อนหนาๆ เหวี่ยงเข้าใบหน้าเอาได้ เพราะการกระทำแบบนี้เป็นการแสดงออกในทางดูหมิ่น ไม่เคารพ และหยาบคายมากๆ
ส่วนในการแข่งขันกีฬาบางที่ การชูนิ้วกลาง หรือ ด่าคำหยาบคายที่แสดงออกถึงการดูหมิ่นใส่นักกีฬา อาจโดนแบนหรือมีบทลงโทษ เช่น การเสียค่าปรับได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมที่หยาบคาย ยกตัวอย่างในไทยกับ ระเบียบข้อบังคับของศึกฟุตบอล ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2022/23 บทที่ 6: การลงโทษการกระทำผิดกฎ กติกา และมารยาท ข้อที่ 34 บทกำหนดโทษสำหรับนักกีฬาฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม ทีม และกองเชียร์ ข้อที่ 34.4 การกระทำความผิดของกองเชียร์จากการก่อเหตุต่างๆ ทำให้การแข่งขันไม่มีความเรียบร้อย องค์กรสมาชิก ต้นสังกัดต้องถูกเรียกปรับค่าเสียหาย
อย่างในเกมฟุตบอลไทยลีก เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านเสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปแบบสุดเดือด 4-4 ซึ่งไม่ใช่แค่อุณหภูมิของเกมการแข่งขันที่เดือด แต่แฟนบอลในสนามเองก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะทางผู้ควบคุมการแข่งขันได้สั่งปรับสโมสรเมืองทองฯ จากสาเหตุที่กองเชียร์ชูนิ้วกลางและด่า เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กัปตันบุรีรัมย์ มีความผิดว่าด้วยเรื่องกองเชียร์ด่าบุคคลใดด้วยถ้อยคําที่หยาบคายหรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ ปรับเงิน 10,000 บาท แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่สโมสรจะถูกปรับ เพราะผู้ควบคุมการแข่งขันไม่สามารถจับตามองแฟนบอลได้ทั่วทั้งสนาม เว้นแต่ว่าผู้ตัดสินจะเป็นคนได้ยินและเอาไปรายงานอีกที แต่อย่างในกรณีเกมที่เรากล่าวถึงเป็นการด่าตรงบริเวณซุ้มม้านั่งสำรอง ซึ่งโจ่งแจ้งและผู้ควบคุมการแข่งขันก็จะอยู่บริเวณนั้นอยู่แล้วเลยถูกปรับไปตามระเบียบ
ขณะที่ในต่างประเทศก็จะมีข้อถกเถียงแบบนี้เหมือนกัน ยกตัวอย่างในกีฬามวยปล้ำ ที่นักมวยปล้ำจะต้องสวมคาแรกเตอร์ของตัวเอง ซึ่งก็จะมีคาแรกเตอร์ตัวโกงที่ทำให้คนดูเกลียด ไม่ชอบ และเมื่อเขาปรากฏตัวก็จะถูกคนดูตะโกนด่าหรือไม่ก็ชูนิ้วกลางใส่ บางคนก็มองว่าหยาบคาย ในขณะเดียวกันบางคนก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะถือว่านักมวยปล้ำทำให้เราอินกับคาแรกเตอร์ของเขาได้ และคนดูก็ทำแบบนี้แค่ในสนามเท่านั้น พอเจอข้างนอกก็เข้าไปขอถ่ายรูปด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปทำใส่เขาตอนเจอข้างนอกที่ใช้ชีวิตปกติ อารมณ์ประมาณว่าให้มันจบแค่ในสนาม
ทีนี้ก็วนกลับมาคำถามที่ว่า ผิดไหมในกรณีด่าหรือชูนิ้วกลางเวลาเชียร์กีฬา ก็คงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนมากกว่าครับ บางคนก็มองว่าทำแค่ในสนาม ตามอารมณ์ร่วมตอนนั้น ไม่ได้ออกไปด่าหรือทำอะไรแบบนี้ข้างนอก ส่วนบางคนอาจจะมองว่ายังไงก็ไม่สมควร เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่หยาบคาย ดูหมิ่น และไม่สมควรทำอยู่ดี สุดท้ายก็อย่าไปด่าหรือชูนิ้วกลางพร่ำเพรื่อใส่ใครก็พอครับ ถ้ามันเป็นอารมณ์ร่วมตอนนั้นก็ให้มันจบแค่ในสนาม เอาพอหอมปากหอมคอ ควบคุมให้ได้ อย่าเกินเลยมากไปจนมันหลุดออกมาในชีวิตจริง
