One Player One Story : ‘ยาสซีน บูนู’ สิงโตจากเทือกเขาแอตลาส

14 ธ.ค. 2565 - 05:07

  • เรื่องราวของผู้รักษาประตูมือกาวอย่าง ยาสซีน บูนู หนึ่งในผู้รักษาประตูที่ได้รับการจับตามองในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ และในค่ำคืนนี้เขาจะพาทีมชาติโมร็อกโกสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญกับการลงดวลฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ

One-Player-One-Story-Yassine-Bounou-SPACEBAR-Thumbnail
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3l6Jlz3EosyHpPE4PIDbpb/4815b69f0a1545baaee4fbefd467ffac/One-Player-One-Story-Yassine-Bounou-SPACEBAR-Photo01
ยาสซีน บูนู หรือ ‘โบโน่’ ผู้รักษาประตูทีมชาติโมร็อกโก จากทวีปแอฟริกาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนายทวารที่โดดเด่นมากที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 ด้วยสถิติล่าสุดทำสถิติ 3 คลีนชีตในนัดเจอกับโครเอเชีย ตั้งแต่รอบแรกรวมถึงการแข่งขันที่ต้องต่อเวลาและดวลจุดโทษกับสเปนรอบ 16 ทีมสุดท้าย  เมื่อถึงรอบก่อนรองชนะเลิศที่โมร็อกโกต้องพบกับโปรตุเกส นายทวารที่ผ่านกรำศึกในลาลีก้า มาหลายฤดูกาลป้องกันประตูสำคัญได้หลายครั้ง แม้ทีมตนเองจะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนและนั่นทำให้ มูนู กลายเป็น ‘แมนออฟเดอะแมทช์’ และเป็น วีรบุรุษประจำชาติโมร็อกโก ไปเป็นที่เรียบร้อย 

 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2cNq3lP7wS0XnKSheTjwh4/35dbc94feafaf68f4f6bd50ea321ce37/One-Player-One-Story-Yassine-Bounou-SPACEBAR-Photo02

ยาสซีน บูนู ชื่อนี้แจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2022  

ผลงานของยาสซีน บูนู ในรอบแบ่งกลุ่มนั้น อาจจะยังไม่เตะตาสื่อและแฟนบอลชาติอื่นแต่สำหรับแฟนบอลชาวโมร็อกโก แล้ว บูนู ได้รับเสียงชื่นชมตั้งแต่แมทช์แรกที่พบกับโครเอเชีย จนถึงนัดที่ โมร็อกโก เอาชนะแคนาดา จนผ่านเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่มเอฟ พบกับอดีตแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 อย่างสเปน
 
แน่นอนว่าในการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น การต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่เรียกว่าเป็นตัวเต็งอย่างสเปน ทีมโมร็อกโก เปรียบเสมือนม้านอกสายตา ยาสซีน บูนู ที่ลงเฝ้าเสาทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ได้ปล่อยให้ผู้เล่นของสเปนเข้ามาทำประตูได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงช่วงวัดใจที่ต้องดวลจุดโทษ บูนู สามารถสร้างประวัติศาสตร์การเซฟได้ถึงสามครั้ง และส่งผลให้โมร็อกโก ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
 
ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายโมร็อคโค พบกับทีมที่แข็งแกร่งอย่าง โปรตุเกส ซึ่งนำทัพโดยคริสเตียโน โรนัลโด้ แต่ โมร็อกโก ได้ช็อคแฟนบอลทั่วโลกด้วยการเอาชนะโปรตุเกสไป 1-0 แม้ว่าโปรตุเกส จะพยายามบุกหนักเพียงใด เพื่อทำประตูให้ได้ แต่ด้วยความสามารถเฉพาะตัวของ บูนู และ ประสบการณ์ที่เล่นอยู่ใน ลาลีก้าสเปน ทำให้เขาสามารถดักทางเอาไว้ได้หมด
 
สำหรับชื่อ บูนู หรือ โบโน่ ที่เปรียบเสมือนชื่อเล่น และยังเป็นชื่อที่อยู่บนเสื้อโกลของ Yassine Bounou กับต้นสังกัดสโมสรเซบีญ่า และกำลังจะกลายเป็นที่จดจำมากกว่าชื่อดั้งเดิม  
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3JnTuuB5PqXAU57mrsY7L2/7637902ea0c93ceb10b1b329bac5dedb/One-Player-One-Story-Yassine-Bounou-SPACEBAR-Photo03

ยาสซีน บูนู มาจากไหน?  

ยาสซีน บูนู เกิดที่เมืองมอนทรีออล แคนาดาในปี 1991 แถบเทือกเขาแอตลาส ก่อนที่จะย้ายกลับมาอยู่โมร็อกโก กับพ่อและแม่ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลและติดทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 8 ปี กับสโมสร วีย์ดัด คาซาบลังก้า และอยู่กับสโมสรดังกล่าวจนกระทั่งอายุ 19 โดยลงสนามให้กับทีมทั้งหมด 11 ครั้ง
 
ด้วยความสูง 195 เซนติเมตร และสภาพร่างกายที่เหมาะกับการเล่นในลีกต่างประเทศ ยาสซิน บูนู ได้รับการทาบทาม จากสโมสรแอตเลติโก้ มาดริด เมื่ออายุ 21 ปี และ เล่นให้กับทีม B ของสโมสรอยู่ประมาณสองฤดูกาล แม้จะมีฟอร์มที่ดีแต่โชคยังไม่เข้าข้างเขาไม่มีชื่อติดทีมใหญ่
 
ในปี 2014 ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับทีม เรอัล ซาราโกซ่า อยู่สองฤดูกาลกับทีมในดิวิชั่นสองของสเปน จากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับ กิโรน่า และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมได้รับการโปรโมทกลับขึ้นมาเล่นในลาลีก้า อีกครั้งในปี 2019 ในเวลานั้น ยาสซิน บูนู ถูกเซบีญ่ายืมตัวมาเฝ้าเสา และได้ขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสร ถึงเวลานี้ผ่านไปแล้วสามฤดูกาล โดยมีกระแสข่าวว่า เซบีญ่า เตรียมต่อสัญญายาวเมื่อเขากลับไปลงเล่นให้กับสโมสร  
  

ที่ผ่านมาบูนู เคยสร้างผลงานจนเด่นสะดุดตาเช่นนี้มาก่อนหรือไม่  

จะว่าไปฟุตบอลโลกครั้งนี้คือการโชว์ของ ยาสซีน บูนู โดยแท้เพราะก่อนหน้านี้ ในยูโรป้าลีก ปี 2020เมื่อเซบีญ่า ที่คว้าชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบรองชนะเลิศนั้น บูนู ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ ที่สามารถเซฟได้ในเกมนั้นถึง 6 ครั้ง
 
ไม่ต้องแปลกใจรอบชิงชนะเลิศ เซบีญ่าจะมีชัยเหนืออินเตอร์ มิลาน ด้วยสกอร์ 3-2 ซึ่งในเกมดังกล่าว บูนู สามารถเซฟไว้ได้ 2 ครั้ง และทำให้ทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2021 - 22 บูนู ได้รับโทรฟี่ Zamora ในฐานะสุดยอดผู้รักษาประตูในลาลีก้า
 
ภายหลังจากที่ได้รับรางวัล ธิโบต์ กูร์ตัวส์ กล่าวถึงอดีตเพื่อนร่วมทีม ที่เคยแย่งตำแหน่งมือหนึ่งกันมาก่อนว่า  
“บูนูสมควรที่จะได้รับรางวัลสุดยอดผู้รักษาประตู เป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับความสามารถของเขา” 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5zHCkGl3Xa5Mr85gyUeq8M/a0029d44f3d61990b65aac99d66e6d0e/One-Player-One-Story-Yassine-Bounou-SPACEBAR-Photo04

ทำไมจากชื่อ ยาสซีน บูนู ที่สะกด Bounou กลายเป็น Bono  

บนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของ ยาสซีน บูนู นั้นดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะชื่นชอบที่ชื่อบนหลังเสื้อของตนเองจะปรากฎด้วยอักษรสี่ตัวคือ Bono (โบโน่) มากกว่าให้สะกดตามชื่อเดิม Bounou
   
ซึ่งชื่อดังกล่าว โบโน่ ใช้สะกดด้วยอักษรสี่ตัว บี โอ เอ็น โอ เพราะความง่ายที่จะปักชื่อลงบนเสื้อให้มีพื้นที่พอดี เหนืออื่นใดการออกเสียง Bono กับ Bounou นั้นคล้ายกันในภาษาสเปน ชื่อดังกล่าวจึงถูกปักอยู่บนหลังเสื้อของ บูนู นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตัวลงสนามในลีกอาชีพสเปน
 
การย้ายมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลในสเปน กลายเป็นไม้ตายสำคัญของทีมชาติโมร็อกโก และช่วย บูนู เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดที่ต้องดวลจุดโทษกับสเปน ที่ บูนู สามารถทำคลีนชีต เซฟจุดโทษได้ถึงสามครั้ง
 
ประสบการณ์ที่สั่งสมจากเล่นในทีมบีของ แอตเลติโก้ มาดริด, เรอัล ซาราโกซ่า, กิโรน่า มาจนถึง เซบีญ่า ทั้งหมดทำให้ ยาสซิน บูนู รู้ดีว่าผู้เล่นสเปนมีสไตล์การยิงจุดโทษแบบไหน และมีส่วนสร้างความมั่นใจเมื่อต้องลงสนาม แม้ว่าสเปน หรือ โปรตุเกสจะเป็นทีมใหญ่แต่ก็ไม่ได้แปลกหน้าสำหรับบูนู แม้แต่น้อย
 
ติดตามกันต่อว่า ด้วยหัวใจที่กร้าวแกร่งของสิงโตจากเทือกเขาแอตลาสผู้นี้ จะช่วยเซฟทำคลีนชีตเพิ่มและพาโมร็อคโค สร้างปาฏิหาริย์ในฟุตบอลโลกหนนี้ได้อีกมากน้อยขนาดไหน!  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/sAqkmvsDMrDxKjWweEHI6/595243a6975c884a23278ad28748181c/One-Player-One-Story-Yassine-Bounou-SPACEBAR-Photo05

ยาสซีน โบนู (โบโน่) 
เกิด: 5 เมษายน 1991 (อายุ 31 ปี) 
ส่วนสูง: 195 เซนติเมตร 
สโมสรที่เคยเล่น: วีดัด คาซาบลังก้า, แอตเลติโก้ มาดริด, ซาราโกซ่า (ยืมตัว), กิโรน่า, เซบีญ่า 
ติดทีมชาติ: 50 ครั้ง (นับถึงเกมกับโปรตุเกสเท่านั้น) 

สถิติที่น่าจดจำ:  

  1. เป็นผู้รักษาประตูแอฟริกันคนแรกที่ทำสถิติไม่เสียประตูในฟุตบอลโลกหนเดียวได้ถึง 3 นัด (เกมกับ โครเอเชีย, สเปน และ โปรตุเกส) 
  2. พาโมร็อคโค สร้างประวัติศาสตร์ เป็นชาติจากทวีปแอฟริกาทีมแรกที่ลอยลำเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายเวิลด์คัพ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์