นับจากหมดยุคทองของ ลีโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ชื่อของ ‘คีลิยัน เอ็มบัปเป้’ กองหน้าดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส คือหนึ่งในนักเตะที่ถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเบอร์หนึ่งของโลกคนต่อไป แต่ถึงวันนี้ดาวยิงวัย 23 ปี ยังไม่สามารถครองใจแฟนบอลทั่วโลกได้ แม้จะประสบความสำเร็จสูงสุดกับทีมชาติด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 มาแล้วก็ตาม

แชมป์โลกครั้งแรกของเด็กหนุ่ม 19 ปี
ย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เอ็มบัปเป้ ในวัย 19 ปี คือนักเตะที่มีอายุน้อยที่้สุดในทีมชาติฝรั่งเศส ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ถูกสื่อมวลชนและแฟนบอลทั่วโลกจับตามองมากที่สุด หลังสร้างผลงานโดดเด่นในการเล่นให้กับโมนาโกในฤดูกาล 2016-17 ด้วยลีลาการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว รวดเร็ว และยิงประตูได้อย่างแม่นยำ จนถูกปารีส แซงต์ แชร์กแมง ดึงตัวไปร่วมทีมเจ้าหนูจากปารีส ต้องแบกความกดดันอันหนักอึ้งภายใต้เสื้อหมายเลข 10 อันเป็นเบอร์เสื้อระดับตำนานของฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคมิเชล พลาตินี่ มาจนถึง ซีเนอดีน ซีดาน ได้รับโอกาสจากกุนซือดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตั้งแต่เกมแรกที่พบกับออสเตรเลีย ซึ่งแม้จะยังยิงประตูไม่ได้ แต่ เอ็มบัปเป้ ก็ได้สร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในวัย 19 ปี 178 วัน
แม้จะได้รับการจับตามองในฐานะดาวรุ่ง แต่ผู้สันทัดกรณีทุกสำนักในยุโรปต่างมองว่า เอ็มบัปเป้ ยังไม่น่าที่จะทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้มากนัก ทำให้ไม่ติดโผอยู่ใน 10 ตัวเต็งดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2018 และมองว่า อองตวน กรีซมันน์ คือความหวังอันดับหนึ่งของทีมจากแดนน้ำหอม อย่างไรก็ดี เอ็มบัปเป้ ก็ระเบิดฟอร์มยิงไปทั้งสิ้น 4 ประตู พร้อมมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ
ซึ่งผลงาน 4 ประตู ในฟุตบอลโลกครั้งแรกของเด็กหนุ่มวัยไม่ถึง 20 ปี ที่ยิงใส่ เปรู 1 ประตูในรอบแรก ต่อด้วยยิงอาร์เจนติน่า 2 ประตูในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และยิงโครเอเชีย 1 ประตูในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมพาทีมเป็นแชมป์โลก ได้ทำให้เอ็มบัปเป้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนจับตามอง และถูกหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของโลกเคียงข้างเนย์มาร์ ดาวยิงทีมชาติบราซิล

ความผิดหวังและเสียงวิจารณ์จากยูโร 2020
หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับฝรั่งเศสในปี 2018 ไม่มีใครกล้าปฎิเสธความเก่งกาจทั้งความสามารถเฉพาะตัวและการยิงประตูของเอ็มบัปเป้ โดยเฉพาะผลงานการลงเล่นในระดับสโมสรกับเปแอสเช ที่พาทีมเป็นแชมป์ ลีก เอิง 3 สมัย และครองตำแหน่งดาวซัลโวลีกเมืองน้ำหอม 4 สมัยติดต่อกัน อย่างไรก็ดีในศึกยูโร 2020 เอ็มบัปเป้ ต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวัง และเสียงวิจารณ์ครั้งใหญ่ทีมฝรั่งเศสต้องยุติเส้นทางป้องกันแชมป์ยุโรปไว้เพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังพ่ายในการดวลจุดโทษต่อสวิตเซอร์แลนด์ โดยที่เอ็มบัปเป้ ผู้เป็นดาวยิงความหวังอันดับหนึ่งสังหารจุดโทษพลาดในลูกตัดสิน มิหนำซ้ำ ดาวยิงจากปารีส ยังไม่สามารถยิงประตูได้แม้แต่ลูกเดียวในเกมการแข่งขันรอบแรกทั้ง 3 นัด ทั้งที่ได้โอกาสลงสนามเต็มเกมครบ 90 นาที จนเกิดเป็นคำถามว่าฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมที่รัสเซีย 2018 หายไปไหน

ขณะเดียวกันการค้าแข้งอยู่ใน ลีก เอิง ของฝรั่งเศส ของเจ้าตัว และการที่ยังไม่สามารถพาต้นสังกัดเปแอสเช ก้าวไปสู่แชมป์สโมสรยุโรปได้ ก็ยิ่งถูกทำให้ตั้งคำถามเช่นกันว่า ซูเปอร์สตาร์รายนี้ จะสามารถก้าวขึ้นมาเทียบชั้นความสำเร็จกับนักเตะระดับเมสซี่ และโรนัลโด ได้หรือไม่ จนตกเป็นกระแสข่าวเตรียมย้ายทีมอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะมีต่อสัญญากับทีมออกไปถึงปี 2025 ในที่สุด นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวไม่ลงรอยกับเพื่อนร่วมทีม และผู้บริหารทีมอยู่เป็นระยะอีกด้วย
ผลงานและความประพฤตินอกสนาม ของ เมสซี่ และโรนัลโด้ พิสูจน์ให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นว่าเขาคือ ‘ของจริง” ทั้งที่ไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก ในมุมกลับกัน เอ็มบัปเป้ ที่แม้จะได้แชมป์โลกตั้งแต่อายุ 19 เวลานี้ยังไม่มีทีท่าที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้ ฉะนั้นผลงานในกาตาร์ 2022 จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าเขาพร้อมจะรับช่วงต่อจาก ‘โด้-แมสซี่’ ได้หรือไม่ หรือผลงานจากรัสเซีย 2018 จะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
ผลงานและความประพฤตินอกสนาม ของ เมสซี่ และโรนัลโด้ พิสูจน์ให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นว่าเขาคือ ‘ของจริง” ทั้งที่ไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก ในมุมกลับกัน เอ็มบัปเป้ ที่แม้จะได้แชมป์โลกตั้งแต่อายุ 19 เวลานี้ยังไม่มีทีท่าที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้ ฉะนั้นผลงานในกาตาร์ 2022 จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าเขาพร้อมจะรับช่วงต่อจาก ‘โด้-แมสซี่’ ได้หรือไม่ หรือผลงานจากรัสเซีย 2018 จะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น