1.โจลินตัน (คนซ้าย)
อดีตกองหน้าดาวรุ่งแซมบ้าราคาแพงที่ทีมใหญ่จ้องกันตาเป็นมัน และเป็นทีมเศรษฐีใหม่อย่างนิวคาสเซิลคว้าตัวไปครองด้วยราคาค่างวดถึง 40 ล้านปอนด์ แต่ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างของทีมในขณะนั้น ทำให้ศูนย์หน้าร่างยักษ์กลับโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง กลายร่างเป็นสากกระเบืออันเบิ้มที่ยิงประตูได้น้อยนิด ถึงขนาดสื่อหลายเจ้าตีข่าวว่าเป็นการซื้อตัวยอดแย่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ จนการเข้ามาของกุนซือคนปัจจุบันอย่าง เอ็ดดี ฮาว ที่ไม่ทราบว่าสติเฟื่องคิดออกได้อย่างไร ก็จัดการจับ โจลินตัน ตัดแต่งพันธุกรรม จากกองหน้าตัวเป้าขยับไปยืนกองกลางมันเสียดื้อๆ ซึ่งก็ปรากฏว่าเจ้าตัวเล่นได้ดีต่อเนื่องอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยทักษะการครองบอลแบบกองหน้า ร่างกายที่สูงใหญ่ และ ทักษะเกมรุกที่มีติดตัวอยู่เป็นเดิม ทำให้ปัจจุบัน โจลินตัน คือกำลังสำคัญที่พานิวคาสเซิลทำผลงานได้ดีอยู่ในขนาดนี้ ไม่ว่าจะวิ่งไล่บอลช่วยเกมรับ ครองบอลทำเกมตะบึงเข้าเขตโทษเพื่อจ่ายหรือจบสกอร์ เจ้าตัวก็ล้วนทำได้ทุกหน้าที่ กลายมาเป็นมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ที่สถิติทั้งยิงและจ่ายในฤดูกาลนี้กับนิวคาสเซิล สูงกว่าตอนที่เจ้าตัวเล่นกองหน้าเสียอีก
2.แดน เบิร์น
อีกหนึ่งผู้ส่งเข้าประกวดจากทีมสาลิกาดง ที่ว่ากันว่านี้คือวิงแบ็คที่มีส่วนสูงมากที่สุดในโลกถึง 2 เมตร ซึ่งต้องย้อนความดีความชอบกลับไปให้ยอดกุนซือไฟ (เคย) แรงสติเฟื่องอย่าง แกรห์ม พอตเตอร์ ที่เมื่อสมัยอยู่กับ ไบรท์ตัน แอน โฮฟ อัลเบียน เขาคือนักตัดแต่งพันธุกรรมชั้นเลิศ ที่ปรับเปลี่ยนนักเตะธรรมดาหลายคนให้เปล่งประกายขึ้นมา ซึ่งแดน เบิร์น เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ระบบของพอตเตอร์ได้มอบหมายให้เจ้าตัวต้องกลายเป็นหนึ่งในแผงหลังที่ต้องเล่นได้ทั้งเกมรุกเกมรับ บ้างก็ต้องมาประจำการเกมรับในตำแหน่งเซ็นเตอร์ตัวขวา หรือเติมไปช่วยทำเกมรุกไม่ต่างจากวิงแบ็ค ซึ่งการเล่นแบบนั้นอยู่แรมปีก็ทำให้แม้ แดน เบิร์น จะย้ายมาอยู่กับนิวคาสเซิลแล้วก็ตาม เขาก็กลายมาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คขวาที่เล่นในระบบของ เอ็ดดี ฮาว ได้อย่างลงตัว เรียกกว่ารุกรับเพลิดเพลินเพิ่มเติมคือลูกโหม่ง และ ความแข็งแกร่งที่ยากจะหาแบ็คขวาในโลกนี้ทำได้แบบเขา
3.มาร์ค คูคูเรย่า (คนขวา)
สร้างแบ็คขวาที่สูงชะลูดขึ้นมาแล้วเหมือนจะยังไม่หนำใจ เพราะนี่คืออีกผลผลิตจากมันสมองของแกรห์มพอตเตอร์ ด้วยการผลิตแนวรับที่ตัวเล็กเน้นความคล่องตัวต่างจากแนวรับในอุดมคติที่ต้องมีความแข็งแกร่งอย่าง มาร์ค คูคูเรย่า ขึ้นมา ย้อนไปในสมัยค้าแข้งอยู่กับนกนางนวล ด้วยความขยัน และเข้าใจเกมรับเป็นอย่างดี ของคูคูเรย่า ทำให้เจ้าตัวถูกปรับเปลี่ยนจากตำแหน่งปีกซ้ายที่แจ้งเกิดมากับเกตาเฟ่ในสเปน มาสู่ตำแหน่งแบ็คซ้าย ด้วยความคล่องตัวระดับสูง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ การโฉบเข้าถึงบอลก่อนกองหน้า หรือการพาบอลพลิกหลบในพื้นที่อันตราย ทำให้คูคูเรญ่ากลายมาเป็นมิติใหม่ของการเล่นเกมรับในระบบกองหลัง 3 หรือ 5 คน จนถึงขนาดที่ช่วงหลังๆ เจ้าตัวถูกขยับมาเป็นปราการหลังตัวซ้ายเลยทีเดียว ซึ่งแม้ในช่วงนี้ผลงานของเจ้าตัวและสโมสรใหม่อย่างเชลซีจะตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย แต่ด้วยอายุอานามที่ยังมีช่องว่างให้พัฒนาได้อีก ก็น่าสนใจว่ากองหลังกลายพันธุ์คนนี้จะมีอนาคตการค้าแข้งแบบใดรอเขาอยู่
4.เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์
หลายๆ คนร่ำลือถึงกิตติศัพท์การจ่ายบอลของไอหนุ่มสเกาเซอร์คนนี้มานาน บ้างก็กล่าวติดตลกว่าผ่านบอลดีจนน่าจะไปเล่นกองกลางแบบเต็มตัวซักที ซึ่งภาพเหล่านั้นก็เป็นเพียงจินตนาการของแฟนบอลหงส์แดงหลายคนเท่านั้น เนื่องจากเจ้าตัวเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาได้อย่างกระฉูดแตก ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่ลิเวอร์พูลฟอร์มตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย และก็ว่ากันว่าแบ็คขวาอย่างอาร์โนลด์ คือผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงด้วยปัญหาจากการเล่นเกมรับของตัวที่มักจะโดนเล่นงานอยู่บ่อยๆ ทำให้ในที่สุดเราจึงได้เห็น เยอร์เกน คล็อปป์ แก้ปัญหาด้วยการตัดสินใจใช้วิธีการเล่นแบบ อินเวิร์ทฟูลแบ็คแบบที่นิยมกันในสมัยใหม่ ด้วยการขยับ อาร์โนลด์ เข้ามาประจำการตรงกลางเวลาเล่นเกมรุก คอยรับบอลเพื่อเปิดป้อนคล้ายกับวาทยากรหลักในการบรรเลงเพลง เฮฟวี่ เมทัล ยุคใหม่ของคล็อปป์ ซึ่งแม้ระยะยาวยังอาจจะยังการันตีไม่ได้ว่าจะประสบความสำเร็จขนาดไหน แต่จากฟอร์มการเล่นของมิดฟิลด์เทร้นต์ใน 5 นัดหลังสุดที่กดไป 6 แอสซิสต์ ก็ทำให้บรรดาเดอะค็อปกลับมาใจเต้นแรงทุกครั้งที่ทีมลงแข่งแม้แทบจะไม่มีลุ้นอะไรแล้ว
5.จอห์น สโตนส์ (คนขวา)
ว่ากันว่าค่าตัวอันแพงระยับของ จอห์น สโตนส์ ตอนที่ย้ายจากเอฟเวอร์ตันมาสู่แมนเชสเตอร์ซิติ้ เกินกว่าครึ่งคือราคาที่เป๊ปยอมจ่ายเพื่อแลกกับการจ่ายบอลของเจ้าตัวที่ยากจะหาปราการหลังตัวกลางผู้ดีในขณะนั้นทำได้ จากวันนั้นล่วงเลยมาครึ่งทศวรรษด้วยอาการบาดเจ็บ และขุมกำลังที่แน่นปึ้กของเรือใบสีฟ้า เราจึงยังคงพูดไม่ได้เต็มปากนัก ว่าจากโอกาสที่สโตนส์ได้รับ และฟอร์มในสนามที่เราได้เห็น เจ้าตัวคุ้มค่าหรือยังกับจำนวนเงินค่าเหนื่อย ค่าตัว ที่แมนซิตี้ทุ่มทุนลงไป จนมาในยุคหลังๆ ที่เทรนด์ฟุตบอลปรับเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนคนดูตามแทบจะไม่ทัน ซึ่งผู้นำเทรนด์ก็มักจะเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ของเรือใบสีฟ้านี่แหละ ที่มักจะใช้มันสมองของตัวเองคิดค้นสูตรลูกหนังฉบับพิศดารออกมาอยู่เป็นระยะๆ เรียกว่าถ้าเข้าล็อคสูตรติดเมื่อไหร่ ก็เก็บชัยกันไปยาวๆ จนกว่าจะมีคนหาวิธีแก้เจอ และในฤดูกาลล่าสุดที่ศิษย์เก่าอย่าง มิเกล อาร์เตตา พา อาร์เซนอล มาลูบคมบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก เป๊ปจึงไม่รอช้าทำการปรับเปลี่ยนรุ่นฟุตบอลของตัวเองอีกครั้ง จนมาลงตัวในแบบฉบับที่มี จอห์น สโตนส์ ยืนขยับเข้ามาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ใช้การจ่ายบอลของเจ้าตัวให้เป็นประโยชน์ ซึ่งก็เข้าล็อคเป๊ะตามสูตร แมนซิตี้ที่มีจอนห์น สโตนส์ ยืนมิดฟิลด์ เก็บชัยชนะรวดจนแซงอาร์เซนอลขึ้นจ่าฝูงได้สำเร็จในที่สุด แถมยังอยู่ในเส้นทางถ้วยบิ๊กเอียร์แบบเต็งจ๋าอีกด้วย