10 ยอดนักเตะตำนานฟุตบอลโลก

19 พ.ย. 2565 - 09:12

  • ‘ฟุตบอลโลก’ คือทัวร์นาเมนต์อันยิ่งใหญ่ของวงการลูกหนัง การจัดอันดับของสื่ออังกฤษต่อจากนี้ คือการรวบรวมเอา 10 นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาฝากกัน

Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Thumbnail

‘ฟุตบอลโลก’ คือทัวร์นาเมนต์อันยิ่งใหญ่ของวงการลูกหนัง ที่เหล่านักเตะจะได้ปล่อยของ โชว์ศักยภาพ และความสามารถของพวกเขาบนสนาม แน่นอนว่าการแข่งขันที่มีขึ้นเกือบร้อยปี ย่อมมีนักเตะที่กลายเป็นฮีโร่ และวายร้ายเกิดขึ้น ในแต่ละวงรอบสี่ปีของทัวร์นาเมนต์ และการจัดอันดับของสื่ออังกฤษในบรรทัดต่อจากนี้ คือการรวบรวมเอา 10 นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย  

ทั้ง 10 คนนี้นั้นมีนักเตะเยอรมนี 3 คน บราซิล 3 คน และ 1 นักฟุตบอลอังกฤษ ส่วนที่เหลือจะมีใครอีกบ้างนั้นติดตามกันเลย 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/7EfWh1enHw8dlgKZj1LVjP/883d81d941991a804cf9174c112f5134/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo01
Photo: Photo: AFP
10. เกิร์ด มุลเลอร์ (ทีมชาติเยอรมนี)  

เข้าร่วมการแข่งขัน: ฟุตบอลโลกปี 1970, 1974  

คว้าแชมป์ร่วมกับทีม: ฟุตบอลโลกปี 1974  

ผลงาน: ลงสนาม 13 นัดทำไป 14 ประตู   

เกิร์ด มุลเลอร์ เจ้าของฉายา ‘Der Bomber’ (ไอ้ลูกระเบิด) เป็นนักเตะที่มีสถิติที่หาคนเทียบยาก กับการทำประตูมากกว่าสถิติการลงสนาม นั่นแสดงให้เห็นว่ายอดศูนย์หน้าผู้นี้ทำประตูต่อเกมได้มากกว่าหนึ่งประตู ถ้าดูสถิติทีมชาติจะพบกว่าเกิร์ด มุลเลอร์ ทำประตูให้ทีมชาติไปทั้งหมดรวมกัน 68 ประตู จาก 62 เกมที่ลงเล่นให้กับทีมชาติ โดย 14 ประตูนั้นมาจากฟุตบอลโลก  

ถ้าดูจากสถิติและลักษณะการเล่นของ เกิร์ด มุลเลอร์ จะพบว่าเขาเป็นศูนย์หน้าที่มักอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ และ สามารถสร้างโอกาสตรงนั้นให้กลายเป็นประตูได้ทุกครั้งไป จากสถิติของเขาในการทำ 10 ประตูจากฟุตบอลโลก 1970 ที่รวมช่วงต่อเวลาบาดเจ็บที่ทำให้ เยอรมนีชนะทีมชาติอังกฤษ ทำให้ มุลเลอร์ ได้รางวัลดาวซัลโว ส่วนอีก 4 ประตูจากฟุตบอลโลกปี 1974 เกิดขึ้นในเกมที่เยอรมนี เอาชนะโปแลนด์ เข้าไปพบกับ ฮอลแลนด์ ในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมุลเลอร์ ก็ยิงประตูชัยให้ ‘อินทรีเหล็ก’ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1974 ไปครองสำเร็จ 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5fnN7RluGjqwFgQuZQKVhb/dd2c60a0028b3759e15c9f1a27f6dc1b/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo02
Photo: Photo: AFP
9. บ็อบบี้ มัวร์ (ทีมชาติอังกฤษ)  

เข้าร่วมฟุตบอลโลก: 1962, 1966 และ 1970  

คว้าแชมป์: แชมป์ฟุตบอลโลก 1966  

สถิติ: ลงสนาม 14 ครั้งไม่มีประตู  

กัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมชาติอังกฤษ บ็อบบี้ มัวร์ เขาคือคนที่ชูถ้วย จูลส์ ริเมต์ ในสนามเวมบลีย์ หลังจากที่ มัวร์ ทุ่มเทให้กับการเล่นทีมชาติทั้งก่อนหน้าคว้าแชมป์ และ ยังคงอยู่กับวงการฟุตบอลหลังจากคว้าแชมป์ในปี 1966  

บ็อบบี้ มัวร์ นอกจากเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในฐานะกัปตันทีมแล้ว เขายังเล่นให้กับทีมสโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในฐานะกัปตันทีมด้วยเช่นกัน ความสามารถของกองหลังอย่าง บ็อบบี้ มัวร์ นั้น ฟรานซ์ เบคเค่นบาวเออร์ เคยให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า ‘นี่คือกองหลังที่ดีที่สุดในโลก’ ซึ่ง บ็อบบี้ มัวร์ ได้แสดงให้เห็นตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1962 ที่เป็นปราการหลังคนสำคัญจนทำให้อังกฤษเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนที่จะพ่ายให้กับบราซิล รวมไปถึง การป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบ (perfect tackle) ในฟุตบอลโลก 1970 ที่ มัวร์จับนักเตะระดับตำนานของ บราซิล อย่าง แจร์ซินโญ่ จนกระดิกไม่ได้ บ็อบบี้ มัวร์ อำลาทีมชาติในปี 1973 หลังจากทีมชาติอังกฤษไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1974 เขามีเกียรติประวัติลงสนาม 14 นัด และได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1 หน  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6Aujvr8ocErXbAUSk0J6XJ/e853bfff6b67c6e1197d263aabde8891/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo03
Photo: Photo: AFP
8. การ์รินช่า (ทีมชาติบราซิล)  

ฟุตบอลโลก: 1958, 1962, 1966  

คว้าแชมป์: 1958, 1962 

สถิติ: ลงสนามฟุตบอลโลก 12 นัด ทำไป 5 ประตู  

ในฟุตบอลโลกปี 1962 เมื่อบราซิลต้องขาดผู้เล่นหลักอย่าง เปเล่ ในช่วงเริ่มต้นของทัวร์นาเมนต์ หลายคนคาดการณ์ว่า บราซิล อาจจะยากลำบากในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปีนั้น แต่ก็เหมือนมีเทวดามาช่วย เพราะในทีมยังมีนักเตะพรสวรรค์ ที่ชื่อว่า การ์รินช่า ที่กลายเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ ที่ช่วยทีมชาติบราซิล  

การ์รินช่า ทำสองประตูในนัดที่เจอกับอังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย และ ทำอีกสองประตูอัดเจ้าภาพชิลี ในรอบรองชนะเลิศ และทำให้บราซิล เข้าชิงฟุตบอลโลกปี 1962  และในรอบชิงชนะเลิศนั้น การ์รินช่า ได้แสดงให้เห็นความสามารถเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นการผ่านลูก เลี้ยงลูก และสไตล์การเล่นแบบ ‘แซมบ้า’ ที่ทำให้เห็นว่า ทีมชาติบราซิล นั้นมีการสืบทอดกันแบบรุ่นสู่รุ่น และแฟนบอลในยุคที่ได้เห็นสไตล์การเล่นของ ‘เจ้านกน้อย’ ที่ได้รับยกย่องว่ามีทักษะที่เหนือกว่า เปเล่เสียด้วยซ้ำ  

ในฟุตบอลโลกปี 1966 การ์รินช่า โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก จากอาการบาดเจ็บที่เรื้อรัง ทำให้เขาไม่ได้แสดงความสามารถเหมือนที่หลายคนเคยเห็นในฟุตบอลโลกปี 1962  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2HBxSGBnYgGaLjfgI3p9C6/9207b08a75a6997d21e897946f49031a/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo04
Photo: Photo: AFP
7. ชาบี้ เอร์นานเดซ (ทีมชาติสเปน)  

ฟุตบอลโลก: 2002, 2006, 2010 และ 2014  

คว้าแชมป์: ฟุตบอลโลกปี 2010  

สถิติ: ลงสนาม 15 ครั้งในฟุตบอลโลก  

ชาบี้ ถูกยกให้เป็นสุดยอดนักเตะแห่งทีมชาติสเปน จอมเทคนิค จอมคลาสสิค แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำประตูให้ทีมชาติในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หรือไม่ได้แสดงให้เห็นว่า ป้องกันในแนวรับได้เป็นอย่างดีเหมือน บ็อบบี้ มัวร์ แต่ ชาบี้ กลับเป็นนักเตะคนสำคัญ ที่ทำให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาครองได้สองสมัย และฟุตบอลโลกอีกหนึ่งสมัย 

การปรากฎตัวว่าเป็นนักเตะทำเกมของสเปน สำหรับ ชาบี้นั้นเริ่มต้นในปี 2010 ในฐานะมิดฟิลด์ ที่ทำให้เกมของสเปนนั้นยากที่ใครจะเจาะได้ จนทำให้ทีม ‘กระทิงดู’ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ได้สำเร็จ 

แต่มาในปี 2014 แชมป์เก่าอย่างสเปนเล่นไม่ได้ตามมาตรฐานตนเอง พวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่ม เป็นอันจบยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ของ ชาบี้  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4C77rkHpHFdvADBkgFHzH8/e3611bac9694e0e447fef749c66edf46/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo05
Photo: Photo: AFP
6. ซีเนดีน ซีดาน  

ฟุตบอลโลก: 1998, 2002, 2006  

คว้าแชมป์: 1998  

สถิติ: ลงสนาม 12 ครั้งทำไป 5 ประตู  

คนรุ่นหลังอาจจำภาพของซีดานในฐานะผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าใครยังจำได้ย้อนกลับไปกว่ายี่สิบปี ซีดาน คือจอมทัพของฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกปี 1998 และ 2006 ที่มีทั้งเรื่องน่ายินดี และ คาดไม่ถึงเกิดขึ้นโดยคนคนเดียวกันนี้ ในฐานะฮีโร่ที่พาทีมคว้าแชมป์ และ วายร้ายในสนามที่ทำให้หลายคนถึงกับอึ้งในพฤติกรรม  

ในปี 1998  นั้นซีดาน ทำสองประตูให้ฝรั่งเศสเอาชนะบราซิล ในนัดชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้สำเร็จ สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของเพื่อนร่วมชาติชาวฝรั่งเศส ที่ในเวลานั้นเต็มไปด้วยปัญหาทางการเมืองและความขัดแย้งอันเกิดขึ้นจากผู้อพยพ จากนั้นอีก 8 ปี ซีดาน ลงคุมทัพฝรั่งเศสในฐานะกัปตันทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอีกครั้งกับอิตาลี แต่ตัวเขาเองกลับถูกไล่ออกจากสนามแบบช็อคโลก เมื่อเอาหัวไปโขกหน้าอกของนักเตะอิตาลี ทำให้ทีมชาติฝรั่งเศสพ่ายแพ้ไป แต่ซีดานก็ยังคงได้รางวัล โกลเด้นบอล ในตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ 

ลีลาการเอาหัวโชกหน้าอกของซีดาน ที่มีต่อ มาร์โก้ มาเตอร์ราซซี่ นั้นเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ต้องจดจำในฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ นับตั้งแต่เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ทำแฮตทริคได้ในฟุตบอลโลกเมื่อ 40 ปีก่อน  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6AlFt8TTKTBV8OM5bNVh2j/bf4848a8f76dd4f40ec3bc8273dc2910/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo06
Photo: Photo: AFP
5. โลธาร์ มัตเธอุส (ทีมชาติเยอรมนี)  

ฟุตบอลโลก: 1982, 1986, 1990, 1994, 1998  

คว้าแชมป์: ฟุตบอลโลก1990  

สถิติ: ลงสนาม 25 นัดทำไป 6 ประตู  

โลธาร์ มัตเธอุส ถูกยกให้เป็นนักฟุตบอลสุดแกร่งแห่งวงการ กับการเข้าร่วม การแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 5 สมัย ในตำแหน่งมิดฟิลด์ มัตเธอุส เป็นหัวใจสำคัญของทีม เขาอยู่กับทีมชาติ เยอรมนี ตั้งแต่เป็น ทีมชาติเยอรมนีตะวันตก จนกระทั่งมีการทำลายกำแพงเบอร์ลิน และ รวมประเทศ ทำให้ มัตเธอุส ลงสนามในฐานะทีมชาติถึง 150 นัด และการลงสนามในปี 1982 ที่สามารถโชว์ฟอร์มในการสกัดผู้เล่นอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้อีกสี่ปีต่อมา มัตเธอุส ได้ทำหน้าที่ในการ ประกบนักเตะพรสวรรค์สูงอย่างมาราโดน่า  

แม้ว่าในการแข่งขันปี 1986 อาร์เจนตินา จะคว้าแชมป์ด้วยความสามารถอันล้นเหลือของ มาราโดน่า แต่ มาราโดน่า เองก็ยกย่อง มัตเธอุสเอาไว้ว่า “มัตเธอุส คือคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดที่เคยเจอมา” และ คำพูดดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็น เมื่อ โลธาร์ มัตเธอุส พาทีมชาติเยอรมันตะวันตกลงสนามฟุตบอลโลกปี 1990 และล้างแค้นเอาชนะอาร์เจนตินา ที่มีมาราโดน่า ได้สำเร็จในรอบชิงชนะเลิศ 1-0 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3OMuQsiuRp3OGDlyPbZ2Gd/8693f22c27ff3d0d493ae5c454eb8f8e/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo07
Photo: Photo: AFP
4. ฟรานซ์ เบคเคนบาวเอร์ (ทีมชาติเยอรมัน) 

ฟุตบอลโลก: 1966, 1970, 1974 

แชมป์ฟุตบอลโลก: 1974  

สถิติ: ลงสนามฟุตบอลโลก 18 ครั้ง ทำไป 5 ประตู  

จนถึงวันนี้ ยังไม่มีนักเตะคนไหนที่ลงสนามแล้วควบคุมทีมได้ดีเท่ากับที่ เบคเคนบาวเออร์ เคยทำเอาไว้กับทีมชาติเยอรมนีตะวันตก ในยุคที่เขานำทัพสามสมัย ในฟุตบอลโลก ทำให้เห็นว่าฉายา ‘Der Kaiser’ นั้นไม่ได้มาได้โดยง่าย ทั้งนี้ เบคเคนบาวเออร์ เริ่มต้นการเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งกองหลัง และบางครั้งจะกลายเป็นสวิปเปอร์ที่คอยเติมเกม  

วิธีการเล่นของ ไกเซอร์ ฟรานซ์ นั้นเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย สำหรับคู่ต่อสู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสานงานกับ เกิรด์ มุลเลอร์ ทำให้ทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้ในปี 1974  

เหนืออื่นใด ไกเซอร์ ฟรานซ์ ยังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในฐานะผู้จัดการทีม และ นักเตะรายที่สองเช่นเดียวกับ มาริโอ ซากาโล่ เมื่อ เบคเค่นบาวเออร์ สวมบทกุนซือพาทีม ‘อินทรีเหล็ก’ คว้าแชมป์ในปี 1990  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2tIrxh3uLKbYJCeav3uWN4/50830136a43dd87d05245822082a872c/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo08
Photo: Photo: AFP
3. โรนัลโด้ (บราซิล)  

ฟุตบอลโลก: 1994, 1998, 2002, 2006 

คว้าแชมป์: 2002  

สถิติ: ลงสนาม 19 ครั้งทำไป 15 ประตู  

โรนัลโด้ ในฐานะทีมชาติบราซิล นั้นเพิ่งจะเสียตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลโลกให้กับ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ไปเมื่อ ปี 2014  แต่ท้ายที่สุดแล้ว โรนัลโด้ ยังคงเป็นนักเตะระดับตำนาน ที่ต้องติดชื่อเขาเอาไว้เมื่อมีการจัดอันดับ  

โรนัลโด้ ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ในฟุตบอลโลกปี 1998 แต่การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง บราซิล กับ ฝรั่งเศส ยังคงเป็นเรื่องที่หลายคนถกเถียง กับอาการป่วยอย่างกระทันหันของเขา แม้ว่าโรนัลโด้ จะลงเล่นในนัดชิงฯ แต่ก็เล่นไม่ได้เต็มที่และเป็นซีดาน ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม  

จนกระทั่งถึงการแข่งขันในฟุตบอลโลก 2002 สี่ปีหลังจากความน่าผิดหวังในนัดชิงชนะเลิศ โรนัลโด้ กลับมาอีกครั้งและทำไป 8 ประตูตลอดทัวร์นาเมนต์ อันทำให้ทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้สำเร็จ  

ในอีกสี่ปีต่อมาแม้ว่าโรนัลโด้จะลงสนามให้กับทีมชาติบราซิล แต่เป็นช่วงขาลงของการเล่นฟุตบอลของเขาแล้ว หาก โรนัลโด้ ยังคงทำได้อีก 3 ประตูในทัวร์นาเมนต์นั้นและแย่งตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดไปจากเกิร์ด มุลเลอร์ ก่อนที่โคลเซ่ จะมาแซงคว้าตำแหน่งดังกล่าวไปครองในฟุตบอลโลกปี  2014  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3bTYCdPDBvx7P4GSjHfE47/e6442d784f2f59c95dbbb992f6943ced/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo09
Photo: Photo: AFP
2. ดิเอโก้ มาราโดน่า (อาร์เจนติน่า) 

ฟุตบอลโลก: 1982, 1986, 1990,1994  

แชมป์ฟุตบอลโลก: 1986  

สถิติ: ลงสนามฟุตบอลโลก 21 สมัยทำไป 8 ประตู  

ในการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้งสี่สมัยของมาราโดน่า เขาคือนักเตะที่สามารถสร้างชื่อเสียง ให้กับตนเองในสนามได้เป็นอย่างดี และในแต่ละเหตุการณ์นั้นกลายเป็นประเด็นการถกเถียง ถึงความสามารถและความอื้อฉาวของมาราโดน่าทุกครั้งไป  

ถ้าจะยกให้ก็ต้องบอกว่า มาราโดน่า คือประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก ในยุคที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก และเป็นการถ่ายทอดสดแบบสี่สี ไม่ใช่ขาวดำเหมือนยุคเปเล่  

ผลงานของมาราโดน่า กับ ‘หัตถ์พระเจ้า’ ทำให้หนังสือพิมพ์กีฬาชื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง เล กิป (L’Eauipe) 

เรียกมาราโดน่า ว่า ‘ครึ่งเทวดา ครึ่งปิศาจ’

มาราโดน่า ลงสนามฟุตบอลโลก 1986 เต็ม 90 นาทีในทุกนัด ทำไปทั้งหมด 5 ประตู และช่วยส่งให้เพื่อนทำประตูอีก 5 ครั้ง และในอีกสี่ปีต่อมา ซ้ายมหัศจรรย์ผู้นี้สวมปลอกแขนกัปตันทีมอาร์เจนตินาลงสนามในฟุตบอลโลก แต่ทีมฟ้าขาวไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน เมื่อมาราโดน่า มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า และ พ่ายให้กับเยอรมนี ในรอบชิงชนะเลิศปี 1990  

ขณะที่ปี 1994 มาราโดน่า ตรวจโด๊ปไม่ผ่าน และถูกส่งกลับบ้านกลางทัวร์นาเมนต์  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4LEz9XCV6r0kQqD76LDlLD/e2e37fa6097e4dcc68d63e89db1134dc/Top-10-Greatest-players-in-World-Cup-SPACEBAR-Photo10
Photo: Photo: AFP
1. เปเล่ (บราซิล)  

ฟุตบอลโลก: 1958, 1962, 1966, 1970  

แชมป์ฟุตบอลโลก: 1958, 1962, 1970  

ลงสนาม: 14 นัดยิง 12 ประตู 

เมื่อเปเล่ ลงสนามฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1958 นั้นเขายังไม่เป็นที่รู้จัก และมีอายุเพียงแค่ 17 ปี แถมมีอาการบาดเจ็บทำให้เขาไม่ได้ลงสนามในช่วงต้น จนกระทั่งอาการบาดเจ็บทุเลาลง เปเล่ได้ลงสนามและทำให้คนทั้งโลกได้เห็นความสามารถของเขา  

ในรอบรองชนะเลิศ ที่ทีมบราซิล ต้องพบกับทีมชาติฝรั่งเศส เปเล่ ทำแฮตทริกในนัดดังกล่าว และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไปพบกับทีมชาติสวีเดน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ ‘ไข่มุขดำ’ ในการลงสนามให้กับทีมบ้านเกิดที่เจ้าตัวทำไปถึง 77 ประตู ในการลงสนาม 92 นัด พร้อมกับแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย  

ในฟุตบอลโลกปี 1962 เปเล่ มีอาการบาดเจ็บในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อบราซิล พบกับ สาธารณรัฐเชค ซึ่งในฟุตบอลโลกปีดังกล่าวเขาไม่ได้ช่วยทีมมากนัก ในปี 1966 เปเล่ ต้องออกจากการแข่งขันอีกครั้ง เมื่อพบกับกองหลังของ บัลกาเรีย และ โปรตุเกส 

จนกระทั่งถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1970  เป็นปีที่เปเล่ สั่งสมประสบการณ์เอาไว้อย่างมาก และพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ราชาลูกหนังโลก’โดยช่วยทีมยิงมากถึง 4 ประตู กลายเป็นนักเตะที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้ถึงสามสมัย ซึ่งยังไม่มีนักเตะรายใดทำได้เทียบเท่ากับเปเล่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์