เรือลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์! งูใหญ่ความหวังสุดท้ายของลีกอิตาลี! พรีวิวนัดชิงฯ UCL

10 มิ.ย. 2566 - 05:30

  • เดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศแล้วสำหรับศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซีซัน 2023 ซึ่งจะเป็นการพบกันของ ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลอังกฤษปีนี้ กับ ‘งูใหญ่’ อินเตอร์ มิลาน ความหวังสุดท้ายของลีกอิตาลี

UCL-final-2023-preview-SPACEBAR-Hero
เดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศแล้วสำหรับศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซีซัน 2023 ซึ่งจะเป็นการพบกันของ ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลอังกฤษปีนี้ กับ ‘งูใหญ่’ อินเตอร์ มิลาน ความหวังสุดท้ายของลีกอิตาลี หลังจากที่สองทีมก่อนหน้าของ กัลโช่ เซเรีย อา แพ้ไปหมดแล้วในถ้วยเล็กทั้ง 2 รายการ โดย 2 ทีมจะพบกันคืนนี้ที่สนามอตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดียม ในเมืองหลวงของประเทศตุรกี เวลา 02.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง beIN SPORTS 3 

สำหรับผลงานของทั้งคู่ในฤดูกาลนี้ ต้องบอกว่าทางด้าน ‘เรือใบสีฟ้า’ ฟอร์มโดยรวมเหนือกว่าพอสมควร เพราะปีนี้พวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปแล้วเรียบร้อยทั้ง พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ แล้วกำลังเดินหน้าสู่เส้นทางการเป็นทริปเปิ้ลแชมป์ทีมที่ 2 ของอังกฤษต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากพวกเขาคว้าถ้วย ‘บิ๊กเอียร์’ ได้สำเร็จ ในขณะที่ฝั่ง ‘งูใหญ่’ อินเตอร์ มิลาน ผลงานในลีกปีนี้ ทำได้แค่จบในอันดับ 3 มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง นาโปลี เยอะถึง 18 คะแนน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไปแก้ตัวได้กับบอลถ้วยในประเทศ ที่สามารถเฉือนเอาชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1 คว้าแชมป์โคปา อิตาเลีย มาครองปลอบใจได้ 

ความพร้อมของทั้งสองทีม 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3t8aCg3JFwOKu68tCuMlAz/d5d1859c4930b35ed8a1fca588cf1d56/UCL-final-2023-preview-SPACEBAR-Photo01

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

เริ่มกันที่ทางฝั่งดับเบิ้ลแชมป์สุดร้อนแรงอย่างพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ที่เร่งเครื่องโค้งสุดท้ายแซง “ปืนใหญ่” ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก มาได้อีกสมัย ก่อนที่ไม่กี่วันมานี้ก็เพิ่งจะเบียดเอาชนะคู่อริตลอดกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าถ้วย เอฟเอ คัพ มาครอง เรียกได้ว่าทั้งความมั่นใจ และฟอร์มการเล่นในตอนนี้อยู่ในระดับร้อนแรงทะลุปรอท แล่นไปทะเลแถบไหนก็ทิ้งไว้แต่เพียงซากปรักหังพังของทีมคู่แข่ง 

ซึ่งการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ก็เป็นเป้าหมายสุดท้ายที่พวกเขาหมายปองมาตลอด แถมในปีนี้ถ้าหากพวกเขาทำสำเร็จ ก็จะกลายเป็นทีมฟุตบอลจากอังกฤษทีมที่ 2 ที่คว้า ‘ทริปเปิ้ลแชมป์’ รายการใหญ่ได้ หลังจากที่พลพรรค ‘เรด เดวิลส์’ เคยทำได้ในฤดูกาล 1998/99 ซึ่งถ้าทำสำเร็จ ซิตี้ ก็จะประกาศศักดาความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษได้อย่างเต็มภาคภูมิชนิดไร้ข้อกังขาใดๆ จากเดิมพันที่สูงลิบลิ่ว จะเห็นได้เลยจากฟอร์มการเล่นที่พวกเขาถล่มแชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด ไปแบบสิ้นสภาพราชาในรอบตัดเชือก ก็ตอบได้เลยว่าปีนี้ เรือใบที่ปรับสภาพเป็น “เรือกลไฟสีฟ้า” หมายหมั้นปั้นมือกับจะใส่สุดกับรายการนี้จนอิสตันบูลลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน 

ทางด้านความพร้อม แม้ปีนี้จะเครื่องร้อนช้าหน่อย แต่ก็เรียกได้ว่า เปป กวาดิโอลาร์ หาทีมที่ลงตัวเจอทันเวลาพอดีในช่วงโค้งสุดท้าย กับการอัพเดตรูปแบบการเล่นกองหลัง 3 คน กองกลางตัวรับ 2 คน ด้วยการขยับ จอห์น สโตนส์ มาแบ่งเบาภาระ โรดรี้ ที่ฟอร์มดีวันดีคืนอยู่แล้วให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก แถมกัปตันทีม อย่าง อิลคาย กุนโดกัน ก็ฟอร์มเข้าฝักสุดๆ หลังจากวอลเลย์สุดสวย 2 ลูกปราบผีแดงไปในเกมนัดชิง FA Cup ทางด้านแนวรุกริมเส้น หลังจากใช้เวลาร่วมปี แจ็ค กรีลิช ก็โชว์ฟอร์มระดับ 100 ล้าน ออกมาให้เราได้เห็นซักที ส่วนทางด้าน แบร์นาโด ซิลวา และ เควิน เดอ บรอย ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากมายกับความอันตรายจากปลายสตั๊ดของทั้งคู่ แถมหน้าเป้าตัวอีดิทอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่กดประตูเกินครึ่งร้อยไปแล้วในฤดูกาลนี้ ก็ดูจะถูกโฉลกกับฟุตบอลรายการนี้เป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งทุกคนที่กล่าวมาน่าจะพร้อมลงสนามทั้งหมด 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4g7aUteSQQ56R7zeF7xy0q/a6a6cd32ba7e9d06ea3423ee248b2935/UCL-final-2023-preview-SPACEBAR-Photo02

อินเตอร์ มิลาน 

สำหรับฝั่ง ‘งูใหญ่’ อินเตอร์ มิลาน ตัวแทนจาก ‘กัลโช่ เซเรีย อา’ ความหวังสุดท้ายของลีกเมืองมักกะโรนีที่ยังมีโอกาสคว้าถ้วยยุโรปมาครองได้อยู่ หลังจากสองทีมก่อนหน้านี้ที่เข้าชิงถ้วยเล็ก อกหักชวดแชมป์กันไปหมดแล้ว โดยผลงานในลีกซีซันนี้ทีมของ ซิโมเน่ อินซากี้ ออกนอกลู่นอกทางไปเยอะมาก ซึ่งสถิติการลงเล่น 38 นัด ชนะ 23 นัด เสมอ 3 นัด และแพ้ไปถึง 12 นัด จากตัวเลขที่เห็นคือไม่ชนะก็แพ้มันไปซะเลย ทำแต้มหล่นไปเยอะมากๆ แต่ก็ยังดีที่พวกเขาคว้าแชมป์บอลถ้วย โคปา อิตาเลีย มาปลอบใจผลงานไม่ดีในลีกได้ 

ส่วนในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก พวกเขาคว้าแชมป์รายการนี้หนล่าสุดต้องย้อนไปไกลถึงเมื่อ 13 ปีที่แล้ว สมัยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ พาทีมอินเตอร์ที่ตัวผู้เล่นอันเดอร์เรตมากๆ เป็นรอง บาเยิร์น มิวนิค ทุกกระบวนท่าคว้าแชมป์ไปได้ ซึ่งปีนี้พวกเขาเป็นตัวแทนจากลีกอิตาลีที่ทะลุถึงรอบชิงได้ในรอบ 6 ปี ต่อจาก ยูเวนตุส ที่เข้าชิงกับ เรอัล มาดริด ทีมฟอร์มแรงมากๆ ในปีนั้นเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้ และทีม ‘ม้าลาย’ ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปแบบเละเทะด้วยสกอร์ 4-1 ก็คงต้องมารอดูกันว่าคืนนี้พวกเขาจะจบแบบเดียวกับ ยูเวนตุส หรือจะหักปากกาเซียนแฟนบอลทั้งโลกด้วยการคว่ำ ‘เรือกลไฟสีฟ้า’ คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ที่รอคอยมา 13 ปี ได้หรือเปล่า 

ด้านความพร้อมของทีม ตัวผู้เล่นหลักๆ ก็อยู่กันครบ ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ไม่มีรายงานว่าใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งส่วนที่น่าเป็นห่วงมากสุดในปีนี้ก็คือ ‘เกมรับ’ ที่เสียประตูค่อนข้างเยอะ แล้วต้องมาเจอกับ ซิตี้ ที่เกมรุกโคตรจะสะเด่ากดประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่น ยิ่งน่าสนใจว่าพวกเขาจะยันความโหดเหี้ยมของลูกทีม เปป กวาร์ดิโอลาร์ ได้นานแค่ไหน ทางด้านแผงกองกลางปีนี้ภาพรวมก็ค่อนข้างน่าพอใจกับฟอร์มการเล่นของตัวหลักทั้ง 3 คนอย่าง ฮาคาน ชัลฮาโนกลู นักเตะที่แทบจะเป็นทุกอย่างของทีมในซีซันนี้ บวกกับฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ นิโคโล่ บาเรลล่า และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช ก็น่าจะพอต่อกรกับมิดฟิลด์ของทีมคู่แข่งได้บ้าง ปิดท้ายกันที่ตำแหน่งคนทำประตูอย่าง เลาตาโร มาร์ติเนซ กองหน้าแชมป์โลกและเป็นดาวซัลโวของทีม น่าจะลงจับคู่กับ ‘พี่ตู้’ โรเมลู ลูกากู ที่หายเจ็บกลับมาแล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมลงสนามมายืนล่าตาข่ายให้ทีมดังจากอิตาลี 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์