ทำไม ‘บอลเปลี่ยนโค้ช’ มักทำผลงานได้ดีตั้งแต่นัดแรก?

7 กุมภาพันธ์ 2566 - 09:19

Why-Coach-Changing-Always-Have-Good-Result-SPACEBAR-Hero
  • เหตุใดทีมฟอร์มแรงจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่าง อาร์เซน่อล ถึงพ่ายแพ้ให้กับเอฟเวอร์ตันที่ทรงๆ ทรุดๆ หนีตกชั้นมาทั้งฤดูกาล เพียงเพราะการเข้ามาของนายใหญ่คนใหม่ของทีม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน อย่าง ฌอน ไดช์ อย่างนั้นหรือ

  • เป็นไปได้อย่างไร ที่การเปลี่ยนแปลงโค้ช สามารถทำให้ทีมฟุตบอลทั้งทีมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ภายในไม่กี่วัน

เหตุผลของการ ‘เปลี่ยนโค้ช’ 

ในยามที่สถานการณ์ของทีมฟุตบอลเข้าขั้นแย่สุดๆ แม้จะเห็นกันชัดๆ ว่าบรรดานักเตะเล่นไม่เอาอ่าวเพียงไหน สิ่งที่บรรดาเจ้าของทีมจะพิจารณาเป็นสิ่งแรกก็คือการปลดผู้รับผิดชอบผลงานโดยรวมของทีมอย่างผู้จัดการทีม หรือ โค้ชออกก่อน เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แม้จะเสี่ยง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำได้ง่ายที่สุด มันคือการห้ามเลือดแบบฉับพลัน ก่อนที่อะไรๆ จะแย่ไปกว่าเดิม  

ลองจินตนาการหากคุณเป็นเจ้าของบริษัท แล้วมีแผนกหนึ่งทำงานได้ไม่ตรงเป้า คุณจะเลือกลองปลดคนคุมงานออกก่อนแล้วจ้างหัวหน้าคนใหม่มาลองกันสักตั้ง หรือจะไล่พนักงานออกทั้งแผนกเลย อันไหนเป็นการตัดสินใจที่ง่ายกว่ากัน  
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5nkqoPzU0WEBwgo0bqUZgv/3731332fdab08310add299fb82262bc1/Why-Coach-Changing-Always-Have-Good-Result-SPACEBAR-Photo01
Photo: เจสซี่ มาร์ช กุนซือชาวอเมริกัน คือเหยื่อรายล่าสุดที่ถูก ลีดส์ยูไนเต็ด ประกาศปลดหลังทำผลงานได้ย่ำแย่ในฤดูกาลนี้

การ ‘เปลี่ยนแปลง’ สร้างความ ‘ตื่นเต้น’ ให้เราได้เสมอ 

การเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเล็กจะน้อยขนาดไหน ย่อมส่งผลให้เรารู้สึกกระตือรือร้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ เรื่องของกีฬาฟุตบอลก็เช่นกัน การเปลี่ยนโค้ชใหม่ หมายถึงบรรยากาศใหม่ วิธีคิดใหม่ๆ ความสดชื่นของการเปลี่ยนแปลงนี้ ยอมส่งผลให้บรรดานักเตะที่อาจจะซังกะตายกับวิถีทางแบบเดิมๆ ของโค้ชคนเก่า มีแรงกระฉับกระเฉงลุกขึ้นมาใส่แรงเต็มที่ตั้งแต่แมทช์แรก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนายใหม่ของพวกเขา  
 

กีฬาคือเกมที่ว่ากันด้วยการแข่งขันของมนุษย์ ‘จิตวิทยา’ จึงสำคัญไม่แพ้ ‘วิธีการ’ 

แน่นอนว่าโค้ชคนใหม่มักมาพร้อมปรัชญาใหม่ วิธีการใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเตะต้องอาจจะใช้เวลาในการซึมซัม อาจจะหลายอาทิตย์หรือหลายเดือน แต่สิ่งที่แก้กันได้โดยไม่ต้องอาศัยระยะเวลามากนักคือเรื่องของ จิตวิทยา’ เพราะสุดท้ายฟุตบอลเป็นเกมกีฬาของสิ่งมีชีวิตที่ละเอียดอ่อนอย่างมนุษย์ ที่สภาพจิตใจส่งผลต่อทุกการกระทำในชีวิต ดังนั้นบางทีแม้วิธีการอาจจะยังไม่เข้าที แต่จิตวิทยาดี มีความมุ่งมั่น ก็คว้าชัยชนะได้เช่นกัน 

ซึ่งการปลดโค้ชนี่ก็ส่งผลโดยตรงต่อเรื่องจิตวิทยาแบบเต็มๆ ทั้งความสดชื่นที่บรรดานักเตะได้รับจากโค้ชใหม่ดังที่กล่าวไปข้างต้น หรือการยกเอาความตึงเครียดของโค้ชคนเก่าที่ผลงานร่อแร่ออกไปจากห้องแต่งตัวก็ส่งผลต่อจิตวิทยาเช่นกัน 

เช่นในกรณี อย่างการประกาศลาออกของยอดกุนซือชาวเยอรมันอย่าง เยอร์เกน คล็อปป์ ในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจากพาทีมประสบความสำเร็จมามากมาย แต่ในปีสุดท้าย ผลงานของพวกเขาตกต่ำอย่างน่าใจหาย จมลงไปถึงโซนตกชั้น จน คล็อปป์ ซึ่งเป็นที่รักของแฟนบอลและชาวเมือง ที่เขารู้ตัวว่าอย่างไรก็คงไม่มีใครกล้าไล่เขาออกแน่ จึงประกาศลาออกเองหลังจบฤดูกาลดังกล่าว ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ราวกลับจิตวิทยาย้อนกลับ หลังการประกาศช็อคแฟนบอล บรรดานักเตะกลับมาสู้ถวายหัวให้ทีม เสือเหลือง’ กลับมาจบอันดับ 7 และเข้าชิงบอลถ้วย เดเอฟเบ โพคาล ได้สำเร็จ แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายไปก็ตาม 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5h9WL7wv1Gp7I5O8FeyZlv/78a9c4319a4f08c265bc82fe93eb649c/Why-Coach-Changing-Always-Have-Good-Result-SPACEBAR-Photo02
Photo: เยอร์เกน คล็อปป์ กับนัดสุดท้ายของเขาในฐานะผู้จัดการทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

สุดท้ายวัดกันที่ ‘คุณสมบัติ’ ของโค้ชที่เข้ามา 

แต่ผลงานที่เปรี้ยงปร้างหลังเปลี่ยนโค้ชนั้น มีสถิติออกมาแล้วว่าเกินกว่าครึ่งมักจะคงไว้ไม่ได้ตลอด เพราะความสดชื่นของการเปลี่ยนแปลงย่อมมีหมดไป แต่โค้ชที่ดีควรจะทำให้ทีมของคุณเคยชินกับความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะให้ได้ ซึ่งบางทีความเก่งอย่างเดียวอาจจะไม่พอ โค้ชเก่งๆ มากมายต่างเคยล้มเหลวกับการคุมทีมซักทีมในช่วงชีวิตอยู่แล้ว  

แต่คุณสมบัติที่ทีมฟุตบอลต้องการจากโค้ชคนใหม่ในระยะยาว คือความเหมาะสมหรือความเข้ากันได้มากกว่า อาทิเช่น การที่กุนซือเจ้าของฉายา “ทิงเกอร์แมน” เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่บางคนตราหน้าว่าตกยุค หรือหมดมุกแล้ว แต่กลับพาเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ราวกับเทพนิยาย ด้วยกลุ่มนักเตะชุดนั้นที่ย้อนหลังไปไม่กี่ปีแทบจะไม่มีใครรู้จักพวกเขา ซึ่งในขณะเดียวกัน ถ้าให้กุนซือชาวอิตาลีไปคุมทีมใหญ่ในขณะนั้น สไตล์รับรอสวนแทคติกเหนียวแน่นของเจ้าตัว อาจจะทำให้นักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์บางคนกระด่างกระเดื่องขึ้นจนผลงานออกมาย่ำแย่ก็เห็นมาแล้วบ่อยๆ  

หรือถ้าย้อนกลับไปในเรื่องของ เยอร์เกน คล็อปป์ นับตั้งแต่ที่เขาก้าวออกมาจากที่ดอร์ทมุนด์ ไม่ว่าบรรดาโค้ชที่เข้ามาสานงานต่อกับเขาจะมีดีกรีระดับไหน ก็ยังไม่มีใครพาเสือเหลืองทำผลงานได้ดีเท่าคล็อปป์ได้อีกเลยจวบจนวันนี้ 

ดังนั้นการเปลี่ยนโค้ชแต่ละครั้ง อาจจะได้ผลงานที่ดีมาในช่วงแรกๆ ก็จริง แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าหากยังไม่เจอโค้ชที่ ‘ใช่ ก็ไม่ต่างกับการจุดพลุที่สร้างความสว่างได้แค่ชั่วคราว  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์