ตั้งแต่เปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลแบบฉบับ 2.0 ของเยอร์เกน คล็อปป์ ก็ได้เริ่มก่อร่างสร้างรูปขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างความกระชุ่มกระชวยจิตใจให้พลพรรคเดอะค็อปไม่น้อย
แต่เมื่อผ่านไปแต่ละเกม จุดอ่อนจุดหนึ่งที่เราเห็นกันมาตั้งแต่เปิดตลาด ก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข เพราะท่ามกลางเกมรุกที่ดุดัน และเกมเพรสซิ่งที่กลับมาดุเดือด การเล่นเกมรับของทีมโดยเฉพาะในแดนกลางกลับมีช่องโหว่ให้กังวลใจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการขยับเอา อเล็กซ์ แม็คอัลลิสเตอร์ มาประจำการ แม้เจ้าตัวจะเล่นได้ดีในหลายๆ นัด แต่ด้วยความที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเขา ก็มีพลาดอยู่หลายดอกให้เห็น แถมยังเป็นการลดประสิทธิภาพที่แท้จริงของเจ้าตัวอีกต่างหาก กลางรับจ๋าๆ อย่าง วาตารุ เอนโด ก็ยังปรับตัวกับลีกใหม่และระบบใหม่ไม่ได้ หรือ การใช้พลังงานของ โดมินิค โซโบสไล ปรับยืนมิดฟิลด์โรมมิ่ง 2 คนคู่กันเพื่อทดแทนเกมรับ ก็ดูจะใช้ไม่ได้ในทุกสถานการณ์
ทำให้ในที่สุดชื่อของมิดฟิลด์เชิงรับชาวบราซิล “อังเดร ตรินดาเด้” ที่พึ่งคว้าแชมป์ โกปา ลิเบร์ตาโดเรส 2023 กับฟลูมิเนนเซ่ ก็ถูกกระพือขึ้นมาหนาหูอีกครั้ง ด้วยความที่ถูกลิเวอร์พูลจ้องจะงาบตั้งแต่ตลาดรอบที่แล้ว แต่มีข่าวว่าเจ้าตัวอยากช่วยทีมคว้าแชมป์ โกปา ลิเบร์ตาโดเรส ให้ได้เสียก่อน ซึ่งตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้วเสียด้วย
พล่านไม่มีหมด บดทุกจังหวะ
มิดฟิลด์วัย 22 ปีรายนี้ เป็นผู้เล่นเกมรับสมัยใหม่ที่มีคุณสมบัติรอบด้าน โดดเด่นในเชิงพลังงาน การอ่านเกม และเทคนิค แต่หากใครเคยได้เห็นผ่านตามาบ้างกับภาพกราฟิกฮีทแมพของเจ้าตัวตอนเล่นกับฟลูมิเนนเซ่จะพบว่า อังเดรจะพล่านไปทั่วสนาม เว้นแค่บริเวณกรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้ ด้วยความคล่องแคล่วจากรูปร่างที่ออกไปทางตันๆ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ บวกกับเทคนิคฟุตบอลแบบบราซิลเลียน ทำให้การเล่นเกมรับของเขาจะเป็นไปในการอ่านจังหวะ คอยดักบอล เข้าปะทะในจังหวะที่ถูกต้อง ถนัดในการดวลตัวต่อตัวกับผู้เล่นแนวรุกที่พยายามจะเลี้ยงผ่านเขา เปอร์เซ้นได้บอลกลับมาสูงจนน่าตกใจ และเมื่อเอาชนะได้ก็จะพยายามนำบอลเปลี่ยนเกมไปเป็นจังหวะรุกด้วยตนเอง โดยใช้การจ่ายบอลระยะสั้นไปถึงกลางที่แม่นยำเกิน 93-94% ในแต่ละนัด หรือถ้าจำเป็นก็สามารถลากตะลุยหลบก่อนซัก 1-2 จังหวะด้วยสถิติการเลี้ยงผ่านสำเร็จที่มีประดับตัวทุกนัด เรียกว่าโดดเด่นในการตัดแล้วโต้ได้เลยทันที ซึ่งเจ้าตัวจะเล่นง่ายขึ้นหากมีมิดฟิลด์คู่อีกคนที่คอยเล่นร่วม เรียกง่ายๆ ว่าประโยชน์ที่เรานำ อเล็กซ์ แมคอัลลิสเตอร์ มายืนตำแหน่งกลางรับคือการจ่ายบอลพลิกบอลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งบอกเลยว่าถ้าแค่นั้นอังเดรก็ทำได้เช่นกัน แถมเจ้าตัวยังโดดเด่นในเชิงเกมรับและพลังงานมากกว่าแมคกา เป็นลูกหาบชั้นดีที่จะคอยช่วยเหลือเทรนต์ที่หุบเข้ามา และสามารถดันให้มิดฟิลด์แชมป์โลกขึ้นไปสร้างสรรค์เกมรุกเต็มตัวเหมือนที่เราเคยได้เห็นจากที่เขได้เล่นกับอาร์เจนติน่า และ ไบร์ตันเสียที
และจากภาพกราฟิกข้างต้นแสดงให้เห็นว่า อังเดร เป็นผู้เล่นที่มีสถิติในการนำบอลกลับมาครองได้เยอะมาก และเกิดขึ้นแทบจะทั่วทุกแดนของสนามตามตำแหน่งที่เจ้าตัวจะพล่านไปด้วยพลังงานอันล้นเหลือ นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีสถิติลงเล่นต่อฤดูกาลที่สม่ำเสมอ เฉลี่ยพลาดการลงเล่นเต็มเกมไปแค่ฤดูกาลละไม่ถึง 3-4 นัด และไม่ค่อยมีรายงานอาการบาดเจ็บอีกด้วย
จุดอ่อนที่เห็นได้ชัด
อันดับแรกเลยคือส่วนสูงของเจ้าตัวที่มีแค่ 176 เซนติเมตร ทำให้เรื่องลูกกลางอากาศเป็นของแสลงของเจ้าตัว นอกจากนี้สิ่งที่ควรกังวลคือด้วยสไตล์การเล่นของเขาที่มักต้องดวลกับบรรดาตัวรุกในสถานการณ์เสี่ยงๆ บ่อย เจ้าตัวมีสถิติการได้รับใบเหลืองใบแดงที่ไม่ค่อยจะดูดีนัก เฉพาะในลีกล่าสุดรับใบเหลืองไปแล้วถึง 10 ใบ ใบแดงอีก 1 ใบ จากการลงเล่นเพียงแค่ 24 เกม รวมแล้วตลอดการค้าแข้งทุกรายการ 161 นัด รับใบเหลืองไปทั้งสิ้น 43 ใบ ใบแดง 3 ใบ ซึ่งเป็นสถิติที่รวมช่วงที่เจ้าตัวเล่นในตำแหน่งกลางรุกและกองกลางตัวกลางเข้าไปด้วย เพราะถ้านับแค่ช่วงเวลาเฉพาะที่เขาต้องปรับลงมาเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับ สถิติใบเตือนก็ต้องบอกเลยว่าดูไม่ดีนัก
ในส่วนของเกมรุกมีสถิติตลอดอาชีพการค้าแข้งที่ 4 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ เท้าหนักจริง แต่ไม่ได้มีโอกาสยิงมากนัก จะคล้ายๆ ฟาบินโญ่ ที่นานๆ ที่จะมีโอกาสได้ส่องแถว 2 งามๆ สักทีหนึ่ง
ซึ่งสุดท้ายแล้วด้วยอายุที่ยังมีพื้นให้พัฒนาได้อีก การดูแลรักษาร่างกายที่เข้าขั้นเพอร์เฟ็ค ไม่มีประวัติอาการบาดเจ็บ ด้วยคุณสมบัติในการเล่นตัวรับแบบสมัยใหม่ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เชื่อว่าอย่างไร เยอร์เกน คล็อปป์ ก็คงสู้สุดใจเพื่อคว้าตัวมาให้ได้ แต่จะเป็นมกราคมนี้ หรือจะมีทีมใดในยุโรปชิงตัวไปก่อนหรือไม่ รับรองว่าตลาดเปิดหน้าหนาวนี้ แฟนหงส์คงได้ตื่นเต้นรีเฟรชหน้าข่าวกันวันต่อวันแน่นอน
