เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้วสำหรับศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือฟอร์มูล่าวัน 2023 ที่บทสรุปส่วนใหญ่ก็ได้กันไปเกือบหมดแล้ว โดยเป็นทาง เรดบูลล์ เรซซิ่ง กวาดแชมป์เรียบทั้งในส่วนของนักขับอย่าง มักซ์ เวอร์สแตพเพน และทีมผู้ผลิตก็ยืนหนึ่งชนิดทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น โดยตอนนี้เหลือการแข่งขันอีกแค่สนามเดียวคือที่ อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งไฮไลท์หลักๆ ที่ยังเหลืออยู่คือการแย่งตำแหน่งทีมอันดับ 2 ประจำซีซัน ระหว่าง เมอร์เซเดส กับ เฟอร์รารี่ แล้วฝั่งทีม ‘ม้าลำพอง’ ตามหลังแค่ 4 คะแนน แถมในช่วงหลังนักแข่งของทีมยังฟอร์มแรงทั้งคู่ โดยเฉพาะ ชาร์ลส เลอแคลร์ นักแข่งหน้าหล่อที่เพิ่งเกือบชนะเรซล่าสุดที่ ลาส เวกัส มาด้วย
และวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก ชาร์ลส เลอแคลร์ นักแข่งหนุ่มจากโมนาโกของทีม สคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ ที่รอวันขึ้นไปยืนบนบัลลังก์ฟอร์มูล่าวัน กันให้มากกว่าเดิม
เริ่มต้นด้วยแรงผลักดันของผู้เป็นพ่อและพี่ชาย

ชาร์ลส เลอแคลร์ เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1997 ในเมืองมอนติ คาร์โล ประเทศโมนาโก เขาเป็นลูกคนกลางของครอบครัว มีพี่ชายชื่อลอเรนโซ และน้องชายชื่ออาเธอร์ ซึ่งนอกจากโมนาโกจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคาสิโนและความหรูหรา เมืองแห่งนี้ยังผูกพันธ์กับกีฬามอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน นั่นก็ทำให้เลอแคลร์ได้พบกับโลกของการแข่งรถตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งพ่อของเขา แอร์เว เลอแคลร์ ก็เป็นอดีตนักแข่งรถระดับ ฟอร์มูล่าทรี และ ฟอร์มูล่าทู ในช่วงยุค 80 และ 90
โดยอีกคนที่มีอิทธิพลกับอาชีพนักแข่งของเขาคือ จูลส์ บียองกี รุ่นพี่อดีตนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่อายุเยอะกว่าเขา 8 ปี โดยจูลส์คือคนที่คอยสอนและช่วยเหลือเลอแคลร์ในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่เรื่องของการแข่งรถ รวมไปถึงชีวิตนอกสนามตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มแข่งขันโกคาร์ทในวัย 8 ขวบ ซึ่งเลอแคลร์นับถือจูลส์เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งของเขาเลย
เลอแคลร์ ฉายแววการเป็นนักขับดาวรุ่งตั้งแต่ปีแรกที่เข้าแข่งรถคาร์ท คว้าแชมป์รายการในประเทศได้เรื่อยๆ ตลอด 5 ปีที่ลงทำการแข่งขัน จนได้ก้าวขึ้นไปขับในระดับ KF3 แถมคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ปีแรกในรายการ โมนาโก คาร์ท คัพ ต่อด้วยการคว้าแชมป์โลกได้ในปีถัดมา จากนั้นก็ขยับสู่ระดับ KF2 ซึ่งก็คว้าแชมป์รายการ WSK ยูโร ซีรีส์ ได้ด้วย ก่อนที่ในปีสุดท้ายเขาจะไปขับในรุ่นสูงสุดอย่าง KZ2 และคว้ารองแชมป์โลกได้สำเร็จ
ก้าวสู่วงการล้อเปิดในฐานะดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่ง

หลังจากฉายแววดาวรุ่งในการแข่งขันรถคาร์ท ชาร์ลส เลอแคลร์ ก็ได้ก้าวสู่การแข่งขันแบบล้อเปิดในปี 2014 ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี กับรายการ ฟอร์มูล่า เรโนลต์ 2.0 แอลป์ ให้กับทีม Fortec Motorsports แถมยังได้ตำแหน่งรองแชมป์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงแข่ง ด้วยการคว้าชัยสองสนาม และยืนโพเดียมไปทั้งหมด 7 ครั้ง ทำให้เขาเป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยมในปีนั้นไปด้วย ส่วนในปีถัดมาเขาขยับไปแข่งในระดับที่สูงขึ้นในรายการ ฟอร์มูล่าทรี แชมเปียนชิพ กับทีม Van Amersfoort Racing แล้วคว้าอันดับ 4 บวกตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยม
จากนั้นในปี 2016 เลอแคลร์ ก็ขึ้นมาแข่งในระดับ จีพี 3 ซีรีส์ ที่เป็นรายการฟีดเดอร์ของฟอร์มูล่าวัน กับทีม ART Grand Prix และก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ด้วยการคว้าชัยชนะไป 3 ครั้ง ยืนโพเดียมไป 8 ครั้ง จบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์ นั่นก็ทำให้เขาได้เซ็นสัญญากับอะคาเดมี่พัฒนานักขับของเฟอร์รารี่ และได้มีโอกาสไปเป็นนักขับทดสอบให้ทีมฮาสและเฟอร์รารี่ด้วย
แล้วปิดท้ายกับการแข่งขันในระดับรองกับรายการ ฟอร์มูล่าทู ร่วมกับทีม Prema Racing เมื่อปี 2017 โดยในฤดูกาลนั้นมีนักแข่งฝีมือดีมากมายไม่ว่าจะเป็น นิโคลัส ลาฟิติ, นิค เดอ ฟรีส์, แลนโด้ นอริส รวมไปถึงนักขับสัญชาติไทยอย่าง อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ แต่ในรายชื่อทั้งหมดที่บอกมาก็ไม่มีใครหยุดยั้งฟอร์มอันร้อนแรงของเลอแคลร์ได้เลย เพราะจากการแข่งขันทั้งหมด 22 สนาม เขากวาดชัยชนะไปถึง 7 ครั้ง ยืนบนโพเดียมไปทั้งสิ้น 10 ครั้ง เก็บแต้มไปได้ 282 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง อาร์เต็ม มาร์เคลอฟ ไปไกลถึง 72 คะแนน
ผู้เป็นความหวังกับการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของเฟอร์รารี่ในฟอร์มูล่าวัน

หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการแข่งขันระดับรอง เด็กหนุ่มในวัย 21 ปี จากโมนาโก ก็เดินทางมาถึงความฝันก้าวแรกของเขาได้สำเร็จกับการได้เป็นนักแข่งในระดับ ฟอร์มูล่าวัน โดยหลังจบจากโปรแกรมพัฒนานักขับของเฟอร์รารี่ เขาได้เซ็นสัญญากับทีม ซอเบอร์ เอฟวัน (ปัจจุบันคือทีม อัลฟ่า โรมิโอ) ซึ่งถึงแม้ในปีแรกเขาจะไม่ได้คว้าแชมป์ หรือขึ้นไปยืนบนโพเดียมสักครั้ง แต่ก็ต้องบอกว่าเลอแคลร์ทำผลงานได้น่าประทับใจไม่น้อยเลย เพราะเขาสามารถจบในอันดับท็อปเท็นได้ถึง 10 สนาม เก็บแต้มในฤดูกาลแรกไปได้ทั้งหมด 39 คะแนน ทำให้บรรดาบิ๊กทีมอยากจะคว้าตัวเขามาอยู่ในสังกัดกันมากมาย
จนในที่สุดปีต่อมา เขาก็ก้าวขึ้นมาทำตามความฝันของตัวเอง และ จูลส์ บียองกี ชายที่เขานับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆ ได้สำเร็จ ด้วยการได้เซ็นสัญญาร่วมทีม ‘ม้าลำพอง’ เฟอร์รารี่ หนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากสุดในประวัติศาสตร์ของวงการรถสูตรหนึ่ง และเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง เมื่อได้มาขับในรถที่ดีขึ้น เจ้าตัวก็โชว์ศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ด้วยการนำรถแข่ง SF90 ที่สร้างขึ้นใหม่ในปีนั้นของทีม คว้าชัยชนะไปได้ถึง 2 สนาม ในประเทศเบลเยียม และ ประเทศอิตาลี บวกกับการขึ้นไปยืนบนโพเดียม 10 ครั้ง จบซีซันด้วยอันดับ 4 บนตารางนักขับ สร้างสุดยอดผลงานได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าร่วมทีม


โดยปีที่นักแข่งชาวโมนาโกท็อปฟอร์มที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นเมื่อซีซันที่แล้ว เพราะเขาสามารถขึ้นมาจบอันดับ 2 บนตารางคะแนนนักขับได้สำเร็จเป็นครั้งแรก แน่นอนแหละว่าเขาอาจจะไม่หยุดยั้งความร้อนแรงของ มักซ์ เวอร์สแตพเพน ที่ยอดเยี่ยมทั้งฟอร์มส่วนตัว และรถของทีมที่นำหน้าทีมอื่นๆ อยู่ค่อนข้างเยอะได้ แต่เขาก็ทำให้นักขับแชมป์โลกเจองานยากๆ อยู่บ้าง ซึ่งจากการแข่งทั้งหมด 22 สนาม เลอแคลร์สามารถเอารถของทีมม้าลำพองจบอันดับ 1 ได้ถึง 3 สนาม และขึ้นไปยืนบนโพเดียมได้ทั้ง 11 ครั้ง
ส่วนในฤดูกาลล่าสุดที่ผ่านไปแล้วทั้งหมด 21 เรซ ตอนนี้เขารั้งอันดับ 7 บนตารางคะแนน เก็บแต้มไปได้ทั้งหมด 188 คะแนน ขึ้นไปยืนบนโพเดียมแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ยังไม่ชนะเลยแม้แต่สนามเดียว ซึ่งต้องบอกว่าน่าเสียดายมากๆ เพราะจากจำนวนโพเดียมที่เขาได้ทั้งหมด เขาออกสตาร์ทในตำแหน่งโพล โพซิทชั่น ไปถึง 4 สนาม แต่สุดท้ายไม่สามารถจบด้วยชัยชนะได้เลย สำหรับเหตุผลหลักๆ ที่แฟนๆ ของทีมม้าลำพองต่างมองเห็นเป็นภาพเดียวกันก็คือ การวางแผนที่ ‘ผิดพลาด’ ของทีมงานเบื้องหลัง ที่เป็นปัญหาใหญ่สุดและยังแก้ไม่หายสักที สุดท้ายคงต้องมารอดูกันว่า พวกเขาจะแก้ไขปัญหานี้ได้เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้พวกเขามีพร้อมทั้งความสามารถของรถและคน ซึ่งถ้าแก้ได้สำเร็จ เชื่อว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นชายที่ชื่อว่า ชาร์ลส เลอแคลร์ ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลกฟอร์มูล่าวัน อย่างแน่นอน